บทที่ 23 'แย่งตัวคนจาก' หลิวผู้ชอบวิ่ง
บทที่ 23 'แย่งตัวคนจาก' หลิวผู้ชอบวิ่ง
หลังจากพยุงจ้าวหยุนลุกขึ้น ฟางอวี่ก็พาเขาไปที่น้ำพุศักดิ์สิทธิ์แห่งชีวิต ให้เขาดื่มน้ำวิเศษแห่งชีวิตเพื่อรักษาบาดแผลจากดาบหลายแห่งบนร่างกาย
หลังจัดการจ้าวหยุนเรียบร้อยแล้ว ฟางอวี่ก็พาจ้าวอี้ออกจากพิภพ
การที่จ้าวหยุนยอมรับเขาเป็นนายเป็นสิ่งที่เขาคาดการณ์ไว้แล้ว เพราะครั้งนี้เขาไม่เพียงช่วยชีวิตจ้าวหยุน แต่ยังช่วยทั้งหมู่บ้านตระกูลจ้าว อีกทั้งยังช่วยขจัดความกังวลทั้งหมดของจ้าวหยุน
ด้วยนิสัยสำนึกบุญคุณตอบแทนของจ้าวหยุน เขาย่อมยอมรับฟางอวี่เป็นนายอย่างแน่นอน
เมื่อออกจากพิภพ ฟางอวี่ก็เห็นชาวบ้านกลุ่มหนึ่งล้อมรอบจุดที่พวกเขายืนอยู่เมื่อครู่
"ขอคารวะท่านเซียน!"
เมื่อเห็นฟางอวี่และอีกสองคนปรากฏตัว ชาวบ้านทั้งหมดก็คุกเข่าให้ฟางอวี่พร้อมกัน มองเขาด้วยแววตาเคารพยำเกรง
ในความคิดของพวกเขา การที่ฟางอวี่สามารถพาคนหายตัวไปได้ เขาต้องเป็นเซียนในตำนานอย่างแน่นอน
แม้จะไม่เคยเห็นเซียน แต่จ้าวอี้และคนรุ่นเก่ามักเล่าเรื่องราวของเซียนให้พวกเขาฟัง ดังนั้นพวกเขาจึงมีความเข้าใจคร่าวๆ เกี่ยวกับเซียน
อีกอย่าง เมื่อเผ่าต่างดาวปรากฏตัว เจ้าของพิภพที่อยู่ในความคิดของคนรุ่นเก่าก็ต้องมีอยู่จริง
"ไม่ต้องมากพิธี ลุกขึ้นเถอะ!"
ฟางอวี่ยิ้มพลางโบกมือ เขาไม่แปลกใจที่ชาวบ้านคุกเข่าให้
เพราะทุกคนที่ผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ล้วนมีข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าของพิภพในหัว และย่อมเล่าให้ลูกหลานฟัง
ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงมีความเข้าใจคร่าวๆ เกี่ยวกับ 'เทพเจ้า' ชาวบ้านในยุคสามก๊กที่ไร้เดียงสาล้วนเคารพยำเกรงเทพเจ้า
"ท่านจ้าว ท่านพาพวกเขากลับไปที่หมู่บ้านแล้วอธิบายเรื่องเมื่อครู่ให้พวกเขาฟัง หากพวกเขาเต็มใจ เดี๋ยวข้าจะพาพวกเขาไป"
ฟางอวี่หันไปมองจ้าวอี้พลางยิ้มกล่าว
"ขอรับ!"
จ้าวอี้คำนับอย่างนอบน้อมแล้วพาชาวบ้านทั้งหมดกลับหมู่บ้าน
มองแผ่นหลังของจ้าวอี้และคนอื่นๆ ฟางอวี่ก็ครุ่นคิด
"คนมากขนาดนี้ ในตำหนักเต๋าแห่งบรรพกาลยังไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อีกทั้งยังอยู่บนยอดเขา ถ้าให้พวกเขาพักที่นั่น ตำหนักเต๋าแห่งบรรพกาลของข้าคงวุ่นวายแน่"
"ดูท่าต้องย้ายบ้านของพวกเขาไปด้วย"
คิดถึงตรงนี้ ฟางอวี่ก็ตัดสินใจแล้ว
ประสิทธิภาพการเพิ่มพูนพลังของตำหนักเต๋าแห่งบรรพกาลนั้นมหาศาล เขาไม่ได้ตั้งใจจะใช้ที่นั่นให้ชาวบ้านธรรมดาพักอาศัย แต่จะให้คนสนิทของเขาอยู่
ดังนั้น ก่อนที่พิภพจะอัพเกรด ก็ต้องให้ชาวบ้านตระกูลจ้าวอาศัยบ้านเดิมของพวกเขาไปก่อน
"รายงานนายท่าน สนามรบเก็บกวาดเรียบร้อยแล้วขอรับ"
ในตอนนั้น เตี้ยนเหว่ยก็มาหาฟางอวี่และรายงานอย่างนอบน้อม
"เตี้ยนเหว่ย ตอนนี้เจ้าเป็นเตี้ยนเหว่ยที่เติบโตเต็มที่แล้ว"
ฟางอวี่ตบไหล่เตี้ยนเหว่ยพลางชมยิ้มๆ
เตี้ยนเหว่ย: "???"
เตี้ยนเหว่ยมีสีหน้างุนงง ไม่เข้าใจ
เห็นเตี้ยนเหว่ยสีหน้างุนงง ฟางอวี่ก็ไม่ได้อธิบาย เดินไปที่กองของที่ระลึกแล้วนับ
ศิลาเทพพิภพ 950 ชิ้น ดาบใหญ่สิบห้าเล่ม กำไรนิดหน่อย
"นายท่าน ชาวบ้านในหมู่บ้านของพวกเราทั้งหมดยินดีติดตามท่าน ไม่มีใครคัดค้านขอรับ!"
ฟางอวี่เพิ่งนับของเสร็จ จ้าวอี้ก็มาถึงตรงหน้าและรายงานอย่างนอบน้อม
ชาวบ้านต่างเห็นความแข็งแกร่งของพวกมิโนทอร์กับตา อีกทั้งศพของพวกมันก็ยังอยู่หน้าหมู่บ้าน
เมื่อชาวบ้านได้ยินว่าจะได้ไปอยู่ในโลกที่ปลอดภัย ไม่มีใครคัดค้านเลย
ในทางกลับกัน เมื่อรู้จากปากจ้าวอี้ว่าฟางอวี่คือเจ้าของพิภพที่เทียบชั้นกับเทพเจ้า และฟางอวี่เต็มใจรับพวกเขาไว้ พวกเขาต่างดีใจจนตัวลอย
บางคนถึงกับคิดว่า ฟางอวี่เป็นเจ้าของพิภพ โลกของฟางอวี่ก็คือแดนเซียนในตำนาน บางทีในอนาคตพวกเขาอาจมีโอกาสกลายเป็นเซียนในตำนานก็ได้
ฟางอวี่พยักหน้า แล้วพุ่งเข้าไปในหมู่บ้าน นำบ้านเรือนและปศุสัตว์ทั้งหมดของชาวบ้านเข้าไปในพิภพ วางไว้บนที่ว่างริมทะเลสาบแห่งหนึ่ง
เห็นฟางอวี่ทำให้บ้านของพวกเขาหายไป ชาวบ้านก็ไม่ตกใจ เพราะฟางอวี่คือเซียน นี่คือเวทมนตร์ในตำนาน
หลังจัดการบ้านเรือนเรียบร้อย ฟางอวี่ก็เชื่อมต่อกับตราประทับพิภพที่หว่างคิ้ว เรียก "ประตูพิภพ" ให้ชาวบ้านเดินเข้าไปเอง
ครู่ต่อมา ชาวบ้านตระกูลจ้าวทั้งหมดก็เข้าสู่พิภพของฟางอวี่
"ที่นี่สวยจัง นี่คือแดนเซียนของท่านเซียนใช่ไหม?"
"สมแล้วที่เป็นโลกของเซียน แค่หายใจเข้าไปไม่กี่ครั้ง อาการปวดข้อจากความเย็นของข้าก็ทุเลาลง นี่ต้องเป็นลมหายใจเซียนแน่ๆ"
"ตำหนักที่ตั้งตระหง่านอยู่ในเมฆนั่นคือตำหนักเซียนที่คุณปู่หัวหน้าตระกูลพูดถึงใช่ไหม?"
"คุณปู่บอกว่าจ้าวหยุนกำลังรักษาตัวอยู่ในตำหนักนั่น ถ้าข้าโชคดีได้นายท่านเห็นความสำคัญ บางทีอาจได้อยู่ในตำหนักนั้นก็ได้"
เพิ่งเข้ามาในพิภพ ชาวบ้านตระกูลจ้าวก็วิจารณ์กันใหญ่
ที่ภายนอก ฟางอวี่เรียกประตูพิภพกลับและหันไปหาเตี้ยนเหว่ย ยิ้มพลางกล่าว "เตี้ยนเหว่ย พวกเราไปกันเถอะ!"
ฟางอวี่พาเตี้ยนเหว่ยขึ้นเฮลิคอปเตอร์แล้วบินมุ่งหน้าไปยังเขตจั๋วกุนแห่งแคว้นอวิ๋นโจว
ประมาณครึ่งชั่วยาม เฮลิคอปเตอร์ของฟางอวี่ก็จอดลงบนที่ว่างนอกเมืองจั๋ว สิ่งที่น่าสนใจคือระหว่างทางไม่พบเผ่าต่างดาวเลย แต่กลับเห็นเจ้าพิภพลับหลายกลุ่ม
อย่างไรก็ตาม ฟางอวี่ไม่ได้เข้าไปทักทาย
ถึงขนาดบางคนได้ยินเสียงเครื่องบินแต่ไกลก็ตกใจวิ่งหนีไปแล้ว
เพราะคนที่ขับเฮลิคอปเตอร์ได้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา พวกเขากังวลว่าฟางอวี่จะฆ่าคนปล้นสมบัติ
"จ้าวหยุน เจ้าไปสืบดูที่เมืองจั๋วหน่อย ว่ามีคนชื่อกวนอี่(กวนอู)กับจางเฟย(เตียวหุย)หรือไม่ ถ้ามี ให้พาพวกเขามาพบข้า!"
ฟางอวี่ปล่อยจ้าวหยุนที่รักษาอาการบาดเจ็บหายดีแล้วออกมา พลางยิ้มกล่าว
ฟางอวี่ไม่ได้ให้เตี้ยนเหว่ยไปตามหาคน เพราะตอนนี้เตี้ยนเหว่ยเป็นผู้ต้องหาที่ทางการต้องการตัว เขากังวลว่าในเมืองจั๋วอาจมีภาพวาดหน้าเตี้ยนเหว่ย จะทำให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็น
"ขอรับ!"
จ้าวหยุนคำนับแล้วหมุนตัวเดินไปยังเมืองจั๋ว
"นายท่าน สองคนที่ท่านให้จ้าวหยุนไปตามหาเป็นคนมีความสามารถหรือขอรับ?"
ไฉ่หยงถามอย่างสงสัย
"พวกเขาทั้งสองก็เหมือนกับเจ้าเตี้ยนเหว่ยและจ้าวหยุน เป็นผู้กล้าหาญเหนือคน อีกทั้งยังรักษาน้ำใจมิตร หากรับเข้าสังกัดได้ จะเป็นเสมือนเสือติดปีกสำหรับข้า!"
ฟางอวี่ยิ้มตอบ
"ถ้าเช่นนั้น ข้าขอแสดงความยินดีล่วงหน้ากับนายท่านแล้วกัน"
ดวงตาไฉ่หยงเป็นประกาย พลางคำนับกล่าว
ฟางอวี่ส่ายหน้า "ท่านไฉ่ สองคนนั้นอาจไม่ได้อยู่ในเมืองจั๋ว ข้ามาที่นี่ก็แค่ลองเสี่ยงโชคเท่านั้น"
"ในยุคสามก๊กมีคนมีความสามารถมากมาย หลังจากรับตัวจางเฟยและกวนอี่แล้ว ก็จะไปหากั๋วเจี๋ย(กุยแก)และซุนอวี๋ที่อำเภอหยิงชวน..."
ฟางอวี่พิงเก้าอี้คนขับ ครุ่นคิดในใจ
แม้เขาอยากจะรวบรวมแม่ทัพผู้เลิศล้ำและที่ปรึกษาระดับสูงในพิภพลับนี้ทั้งหมด แต่พิภพลับสามก๊กนั้นกว้างใหญ่ เขาก็แบ่งตัวไม่ได้
อีกอย่าง หลังจากเผ่าต่างดาวและเจ้าพิภพลับลงมา ย่อมก่อให้เกิดผลกระทบมากมาย บางคนอาจถูกเจ้าพิภพลับคนอื่นแย่งตัวไปแล้ว หรือบางคนอาจถูกเผ่าต่างดาวฆ่าตายไปแล้ว
ถ้าตอนนี้เขามีกลุ่มผู้ติดตามที่ไว้ใจได้ก็คงดี จะได้แจกรายชื่อให้พวกเขาออกตามหาทั่วโลก ไม่ต้องให้เขาวิ่งไปวิ่งมาเอง
หนึ่งธูปผ่านไป ฟางอวี่ได้ยินเสียงฝีเท้า หันไปมอง
"ถูกคนแย่งตัวไปแล้วหรือ?"
เห็นจ้าวหยุนวิ่งกลับมาคนเดียว ฟางอวี่ก็ขมวดคิ้ว
"รายงานนายท่าน ข้าสืบได้ความแล้ว ในเมืองจั๋วมีสองคนที่ท่านกล่าวถึงจริง แต่ว่าพวกเขาได้ไปผูกสาบานเป็นพี่น้องกับคนขายรองเท้าฟางคนหนึ่งที่อ้างตัวว่าเป็นพระญาติราชวงศ์ฮั่น ชื่อหลิวเปี้ยว ที่สวนท้อของจางเฟย เมื่อครึ่งเดือนก่อนพวกเขาได้ออกจากเมืองจั๋วไปแล้ว ไม่ทราบว่าไปทางไหน!"
จ้าวหยุนมาถึงข้างกายฟางอวี่ รายงานอย่างนอบน้อม
"บ้าเอ๊ย ตั้งใจจะแย่งตัวคนจากหลิวผู้ชอบวิ่ง แต่กลับถูกเขา 'แย่งตัว' ไปก่อน"
ฟางอวี่ขมวดคิ้วคม
"จ้าวหยุน ขึ้นเครื่องบิน พวกเราจะไปเมืองหยิงชวนแห่งมณฑลอวี๋โจว!"
ฟางอวี่ไม่คิดมาก สั่งจ้าวหยุน
จ้าวหยุนพยักหน้าแล้วก้าวขึ้นเครื่อง
"ดูเหมือนว่าหลังจากการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ พิภพลับก็ก่อให้เกิดผลกระทบมากมายจริงๆ เช่นนี้แล้ว ความรู้จากชาติก่อนของข้าคงใช้เป็นแค่ข้อมูลอ้างอิงเท่านั้น"
การที่หลิว กวน จาง ผูกสาบานเป็นพี่น้องกันก่อนกำหนด เป็นการเตือนฟางอวี่ว่าความรู้จากชาติก่อนของเขาใช้เป็นได้แค่ข้อมูลอ้างอิง ทุกอย่างอาจเกิดขึ้นได้
เพราะหลังการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โลกใบนี้ไม่ใช่โลกที่เขารู้จักอีกต่อไป
เมื่อรู้ว่ากวนอี่และจางเฟยได้สาบานเป็นพี่น้องกับหลิวเปี้ยวไปแล้ว ฟางอวี่ก็เลิกล้มความคิดที่จะรับพวกเขาเข้าสังกัด
เพราะเขารู้ว่าด้วยนิสัยรักษาน้ำใจมิตรของกวนอี่และจางเฟย หากเขาไม่ยอมรับหลิวเปี้ยว ทั้งสองก็จะไม่ยอมทิ้งหลิวเปี้ยวมาอยู่กับเขาแน่
หากจะรับหลิวเปี้ยวด้วย หลิวเปี้ยวผู้นี้มีความทะเยอทะยานสูงเกินไป อีกทั้งยังเก่งในการรวบรวมคน การบ่มเพาะคนเช่นนี้ หากมีกำลังแล้วอาจจะกลับมาทำร้ายเขาก็ได้!
เขาสามารถเปลี่ยนหลิวเปี้ยวให้เป็นหุ่นเชิดที่เชื่อฟังเขาเท่านั้น แต่หากทำเช่นนั้น เมื่อกวนอี่และจางเฟยรู้เข้า พวกเขาต้องระแวงเขาแน่นอน
ดังนั้น แม้จะเสียดายเพียงใด เขาก็ต้องยอมปล่อยไป
ในประวัติศาสตร์ชาติก่อน แม้แต่เฉาผู้ชอบภรรยาคนอื่นที่ดีกับกวนอี่ขนาดนั้นยังรับกวนอี่เข้าสังกัดไม่ได้ เห็นได้ชัดว่ากวนอี่ให้ความสำคัญกับมิตรภาพระหว่างพี่น้องมาก
น่าเสียดายแม่ทัพผู้เลิศล้ำสองคนนี้จริงๆ หากไม่มีเผ่าต่างดาวลงมา ในอนาคตพวกเขาจะสร้างแคว้นฉู่ร่วมกับหลิวผู้ชอบวิ่ง
แต่ตอนนี้เผ่าต่างดาวลงมาในยุคสามก๊ก พวกเขาที่ติดตามหลิวผู้ชอบวิ่งคงต้องตายก่อนเวลาอันควร
ส่วนเจ้าพิภพลับคนอื่น บางทีอาจมีคนพบและรับพวกเขาไว้
แต่โอกาสนี้ค่อนข้างน้อย
เพราะแม้เจ้าพิภพลับจะฝึกฝนผู้ติดตาม แต่พวกเขามักจะไปรวบรวมคนจากพิภพลับระดับสูง เพราะคนในพิภพลับระดับสูงล้วนมีวรยุทธ์อยู่แล้ว ไม่ต้องเริ่มฝึกตั้งแต่ต้น
เพราะการฝึกฝนตั้งแต่ต้นต้องใช้ทรัพยากรมหาศาล ไม่คุ้มค่าเลย
ฟางอวี่สลัดความคิดในหัวทิ้ง แล้วขับเฮลิคอปเตอร์มุ่งหน้าไปทางเมืองหยิงชวนแห่งมณฑลอวี๋โจว
(จบบทที่ 23)