ตอนที่แล้วบทที่ 1059: กิ่งไม้ของลูกคุณหนู (×) กระบองหนาม (√)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 1061: พลังเงิน หนึ่งปีแห่งกาลเวลาและภัยแล้งในอนาคต

บทที่ 1060: ศัตรูของยักษ์กับหัวกะโหลกที่ร้องเพลง


[แปลโดยฝีมือ...ยักษาแปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ]

[Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย]

[หลังแปลจบ คิดว่าจะมีการเกลาคำเบื้องต้น แก้คำผิด ปรับสำนวนให้สละสลวย เทียบคำต่อคำ อยากขอให้ทุกคนสนับสนุนไปจนจนนะครับ ส่วนคนที่สนับสนุนแล้ว ก็ขอบคุณที่ให้การสนับสนุนกันเสมอมาครับ]

บทที่ 1060: ศัตรูของยักษ์กับหัวกะโหลกที่ร้องเพลง

เกิร์ลซพึมพำกับตัวเอง โรบินก็ไม่รู้ว่าหล่อนพูดอะไร สำหรับยักษ์สูงสิบเจ็ดเมตร โรบินตัวเล็กเกินไป ถ้าโรบินไม่ใช้พลัง ต่อให้ตบเท้าเกิร์ลซ หล่อนก็ไม่รู้สึกหรอก

"เกิร์ลซ? เกิร์ลซ? เป็นอะไรไป?"

ยักษ์ข้าง ๆ เห็นเกิร์ลซเหม่อลอย ก็เอื้อมมือไปสะกิดไหล่หล่อน หล่อนถึงได้รู้สึกตัว วางขวานในมือลง หยิบกล่องยาขนาดใหญ่เดินเข้าไป

เอลบัฟกันเป็นทักษะที่สืบทอดกันมาของเผ่ายักษ์แห่งเอลบัฟ แต่ด้วยการพัฒนาหลายปี เอลบัฟกันที่ยักษ์แต่ละคนใช้ก็มีความแตกต่างกัน เช่นเดียวกับคาราเต้มนุษย์เงือก มีการแตกแขนงออกไปเป็นหลายสาย

หอกคนยักษ์ของยามาโตะสืบทอดมาจากไคโด ไคโดก็เรียนมาจากชาร์ล็อตต์ หลินหลินอีกที เรียกได้ว่าสืบทอดต่อ ๆ กันมา ตอนที่ชาร์ล็อตต์ หลินหลินไปเรียนท่านี้ที่แดนยักษ์ เกิร์ลซก็อยู่ที่นั่นด้วย

หล่อนเป็นเพื่อนเล่นสมัยเด็กของชาร์ล็อตต์ หลินหลิน ก่อนที่ชาร์ล็อตต์ หลินหลินจะเป็นโรคกินผิดปกติ พวกหล่อนก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน

คนภายนอกแทบจะไม่มีโอกาสได้เรียนรู้ทักษะที่สืบทอดกันมาของเผ่ายักษ์ ท่าทางของยามาโตะมีเค้าโครงคล้ายกับชาร์ล็อตต์ หลินหลิน ทำให้เกิร์ลซเกิดความสงสัย

แต่ก่อนจะรู้รายละเอียด ก็ต้องไปดูเพื่อนร่วมทีมก่อน

"ไฮล์ดิ้ง เป็นไงบ้าง?"

"ยังไม่ตายหรอก แต่ความต่างชั้นมันเยอะเกินไป..."

ในบรรดายักษ์รุ่นเยาว์ ไฮล์ดิ้งก็ถือว่าเป็นคนที่มีความสามารถ ไม่คิดว่าจะพ่ายแพ้ย่อยยับหลังจากออกจากแดนยักษ์ได้ไม่นาน แถมยังโดนน็อคอีกต่างหาก

"ขอโทษ ขอโทษที ฉันนึกว่านายตัวใหญ่ขนาดนี้น่าจะทนมือทนเท้า ไม่คิดว่าจะอ่อนแอขนาดนี้ ไม่สิ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉันแค่อยากจะบอกว่าฉันไม่ได้ตั้งใจใช้แรงขนาดนั้น ฉันประเมินนายสูงไป... ไม่ใช่สิ ฉันหมายถึง..."

"อะแฮ่ม ๆ โอนิฮิเมะ ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันเข้าใจที่เธอหมายถึงแล้ว"

ถ้าให้ยามาโตะพูดต่อไป ไฮล์ดิ้งอาจจะช็อคตายจริง ๆ

"ที่เอลบัฟ พลังคือสิ่งสำคัญที่สุด พลังของเธอแข็งแกร่งมากพอ ตามหลักแล้วฉันควรจะรักษาสัญญา แต่มีเรื่องหนึ่ง เธอกับชาร์ล็อตต์ หลินหลิน ปีศาจตนนั้น มีความสัมพันธ์กันยังไง?"

ไฮล์ดิ้งก็เป็นเพื่อนเล่นสมัยเด็กของเกิร์ลซ เขาเคยเจอชาร์ล็อตต์ หลินหลิน แม้แต่เกิร์ลซที่ยืนดูอยู่เฉย ๆ ยังดูออก ยิ่งคนที่สู้ด้วยแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง

"ปีศาจ?"

"61 ปีก่อน ตอนนั้นฉันอายุแค่ 12 ปี ตอนนั้นเองที่ฉันได้เจอหลินหลินครั้งแรกที่เอลบัฟ หล่อนมีพรสวรรค์ อายุแค่ 5 ขวบก็แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ที่น่าสะพรึงกลัว ดังนั้นผู้อาวุโสจึงให้หล่อนมาเรียนกับพวกเรา

แต่ในวันถือศีลอด 12 วันของเทศกาลฤดูหนาว..."

เกิร์ลซเล่าเรื่องราวเมื่อหลายปีก่อน ทำให้ยามาโตะเข้าใจว่าทุกคนที่แดนยักษ์ต่างก็รังเกียจชาร์ล็อตต์ หลินหลิน

"ตอนแรกการแต่งงานครั้งนั้นเป็นโอกาสที่จะพลิกสถานการณ์ แต่ลูกสาวของหลินหลินเลือกที่จะหนีงานแต่งงาน เจ้าชายโลกิถึงแม้จะไม่โกรธ แต่ก็เสียใจมาก ชื่อเสียงของหลินหลินในเอลบัฟก็ยิ่งตกต่ำลง

ยักษ์ที่ออกไปข้างนอกสามารถเข้าร่วมกับฝ่ายไหนก็ได้ แต่ห้ามติดต่อกับชาร์ล็อตต์ หลินหลินโดยตรง ไม่งั้นจะถูกขับออกจากเผ่ายักษ์"

เอลบัฟก็ไม่ได้ใจร้ายถึงขั้นตัดขาดการติดต่อทางอ้อมทั้งหมด ถ้าเป็นแบบนั้น โลกใต้ดินของโลกใหม่ก็ต้องตัดขาดการติดต่อทั้งหมด ไม่มีหนังสือพิมพ์และการขนส่งทางทะเล เอลบัฟก็จะประสบกับความสูญเสียอย่างหนัก

ดังนั้นข้อห้ามของพวกเขาคือห้ามเข้าร่วมกลุ่มโจรสลัดบิ๊กมัม และห้ามมีความเกี่ยวข้องกับญาติของชาร์ล็อตต์ หลินหลิน นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว

"ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันหรอก แค่มีการค้าขายกันบ้าง ตามที่พ่อบุญธรรมบอก ไม่แน่ว่าวันไหนพวกเราอาจจะกลายเป็นศัตรูกันก็ได้ แต่ตอนนี้กลุ่มโจรสลัดของพวกเรายังไม่มีความขัดแย้งอะไรกัน"

เกิร์ลซสบตากับไฮล์ดิ้ง ถือว่ายอมรับการตัดสินใจของอีกฝ่าย

"พวกเรายินดีเป็นทหารรับจ้างภายใต้การบังคับบัญชาของเธอ แต่ไม่สามารถทำภารกิจที่เป็นมิตรกับชาร์ล็อตต์ หลินหลินได้"

"เรื่องภารกิจเดี๋ยวค่อยว่ากัน โรบิน! ใครเป็นคนรับผิดชอบเรื่องภารกิจของพวกเรานะ?"

ด้วยอิทธิพลของพลัง กลุ่มโจรสลัดคนยักษ์รุ่นใหม่ก็เปลี่ยนบริษัทที่ทำงานด้วย ใช้ชื่อของยามาโตะ กลายเป็นทหารรับจ้างภายนอกของกลุ่มร้อยอสูร แต่ยักษ์พวกนี้ก็อดสงสัยไม่ได้กับความคิดของหัวหน้าสาวคนนี้

สำหรับกลุ่มร้อยอสูร นี่เป็นแค่การเสริมกำลังเล็กๆ น้อย ๆ แต่สำหรับบริษัทใหม่บางแห่ง นี่เป็นการโจมตีที่รุนแรง

"นี่ บากี้"

"มิสเตอร์ 3 นี่นา ทำไมนายยังใส่ชุดนั้นอยู่ พวกยักษ์กำลังจะมาถึงแล้ว อย่าให้พวกมันดูถูกพวกเรานะ"

บากี้ใช้เสื้อคลุมทำให้ตัวเองดูตัวใหญ่ขึ้น กำลังโอ้อวดอยู่ต่อหน้าลูกน้อง

เขารู้ดีว่าตัวเองมีดีแค่ไหน ทำได้แค่ใช้วิธีนี้เพิ่มพลังข่มขู่

"ฉันกำลังจะพูดเรื่องนี้อยู่พอดี พวกยักษ์บอกว่าพวกเขาเจอที่ทำงานที่ดีกว่าแล้ว ดังนั้นเรื่องที่ผ่านมาก็ขอโทษด้วย พวกเขาบอกว่าถ้ามีโอกาสก็ค่อยร่วมมือกัน"

"อะไรนะ?! ไอ้สารเลวคนไหนมันกล้ามาแย่งธุรกิจของฉัน! มันเป็นใคร?!"

"ช่างเถอะน่า บากี้"

"มิสเตอร์ 3 ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้ฉันก็เป็นถึงจักรพรรดิโจรสลัดแล้วนะ! พวกแก มีใคร..."

"เป็นกลุ่มร้อยอสูร"

"มีใครอยากดื่มเหล้ามั้ย?"

บากี้กลืนคำพูดตัวเองลงไป ยุ่งกับพวกนี้ไม่ได้ ลูกน้องในอนาคตโดนแย่งไปก็ช่วยไม่ได้

หลังจากรับสมัครพนักงานใหม่ได้กลุ่มหนึ่งแล้ว ยามาโตะก็วางแผนการเดินทางใหม่กับโรบิน แต่คนที่กำลังมองหาคนใหม่ไม่ได้มีแค่หล่อนคนเดียว

ต่อจากยามาโตะที่ไปดึงตัวยักษ์ ควีนที่ไปดึงตัวพวกขี้เล่น เตโซโรก็ออกเดินทางตามหาคนใหม่เช่นกัน

พูดให้ถูกก็คือ เขาแค่ไปทำกิจกรรมสร้างทีมเท่านั้น

ตอนที่เกิดสงครามมารีนฟอร์ด เขาคิดว่าผลไม้ร้อยอสูรจะต้องเจอกับปัญหาใหญ่ แต่เรื่องราวกลับไม่เป็นอย่างที่เขาคิด

ด้วยการพิจารณาถึงพลังของไคโดและความหลงใหลใน "ยาอายุวัฒนะ" รัฐบาลโลกจึงยอมรับการมีอยู่ของผลไม้ร้อยอสูรโดยปริยาย

จากนั้นพวกเขาก็เบนความสนใจไปที่แผนกยาของผลไม้ร้อยอสูร ช่วงนี้แผนกยาถูกดึงตัวคนไปไม่น้อย มีสายลับแฝงตัวเข้ามาด้วย ทำให้ปริมาณงานของฮูส์ฮูเพิ่มขึ้นโดยอ้อม

หลังจากที่ความวุ่นวายจากสงครามมารีนฟอร์ดค่อย ๆ จางหายไป คาเวนดิชก็เดบิวต์ การฝึกฝนเกือบปีครึ่งกับใบหน้าอันหล่อเหลาทำให้เขากลายเป็นที่นิยม กลายเป็นดาวดวงใหม่ของแผนกบันเทิง

และเขาก็เริ่มสนุกกับความรู้สึกที่ถูกจับตามอง สำหรับเขาแล้ว การเป็นดาราดูเหมือนจะมีความสุขกว่าการเป็นโจรสลัด กิจกรรมสร้างทีมครั้งนี้ก็เพื่อฉลองการเดบิวต์ที่ประสบความสำเร็จของเขา แต่สถานที่จัดกิจกรรมสร้างทีมครั้งนี้ทำให้เขาไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่

"นี่ เงินทุนของพวกเรามันเยอะแยะไม่ใช่เหรอ? ทำไมต้องมาที่อาณาจักรเทเนไคน่าด้วย ที่นี่นอกจากเผ่าแขนยาวแล้ว ก็ไม่มีอะไรพิเศษนี่"

อาณาจักรเทเนไคน่าตั้งอยู่บนเกาะดาบในแกรนด์ไลน์ เป็นบ้านเกิดของเผ่าแขนยาว เป็นประเทศที่ค่อนข้างปิด ขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโลกภายนอก

"ที่นี่มันไม่มีอะไรพิเศษก็จริง แต่ได้ยินมาว่ามีโครงกระดูกที่ร้องเพลงได้ ฉันว่าภาพลักษณ์แบบนี้น่าจะเหมาะกับการเติมเต็มช่องว่างของพวกเรา"

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร ผู้แปลลงแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับผม หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก ;-;_

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด