ตอนที่ 45 ทุกอย่างพร้อมแล้ว
“พรุ่งนี้ค่อยไปอีกที” หลิวเซียงอวิ๋นรู้สึกคันๆ ในใจ ราวกับมีแมวกำลังเกาอยู่
ในขณะเดียวกันก็คิดในใจว่า โชคดีที่นางลืมและไม่ได้สั่งให้หม่าหงถอนตัวกลับมาก่อน มิเช่นนั้นก็จะไม่ได้ยินเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นเช่นนี้
นึกถึงอะไรบางอย่าง นางก็ถามว่า “นี่เป็นเรื่องที่ตงไห่อ๋องแต่งขึ้นเองจริงหรือ? หรือว่าเขาได้ยินมาจากที่อื่น”
“เป็นไปไม่ได้ ข้ารู้จักนักเล่าเรื่องในเมืองฉางอันทุกคน ไม่เคยได้ยินพวกเขาเล่าเรื่องนี้มาก่อน” หม่าหงพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
เขาก็ไม่ได้อยู่ที่ถนนหน้าจวนอ๋องตลอดเวลา มันง่ายที่จะทำให้ทหารองครักษ์วังระแวง
เหลิ่งเถี่ยเป็นคนไม่ง่ายที่จะรับมือ
ดังนั้น บางครั้งเขาจะไปเที่ยวเรื่อยเปื่อย แอบไปฟังเรื่องเล่าบ้าง
“เจ้าคนไร้ประโยชน์นี่มันมีฝีมือแบบนี้ได้ยังไง” หลิวเซียงอวิ๋นพึมพำ คิดไม่ออกจริงๆ
นางยังสงสัยด้วยซ้ำว่า การที่นางใช้หมึกทุบหัวเขาครั้งนั้น ทำให้เขาฉลาดขึ้นหรือเปล่า
มิเช่นนั้น ทำไมตงไห่อ๋องคนนี้ นางยิ่งดูก็ยิ่งลึกลับมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่นางก็กลับมาคิดถึงเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นอีกครั้ง
คืนนั้น นางยังพูดถึงหวงหรงและฝ่ามือเก้าหยินกระดูกขาวในความฝัน
วันรุ่งขึ้น นางยิ่งไม่มีใจท่องบทกวี แค่ทำเป็นถือหนังสืออ่านไปงั้นๆ
พอตกเย็น นางก็รออยู่หน้าห้องนอน ให้หม่าหงมาเล่าเรื่องที่ได้ยินมาต่อ
เป็นแบบนี้ติดต่อกันสามวัน แต่ในวันที่สี่ หม่าหงกลับมามือเปล่า
ดูเหมือนว่าจวนของตงไห่อ๋องจะมีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้น
ทหารองครักษ์ระมัดระวังตัวมากกว่าเดิม ชิวอวิ๋นก็ไม่ได้ออกไปข้างนอก
สิ่งที่หลิวเซียงอวิ๋นรอคอยทุกวันก็คือเรื่องราวที่หม่าหงได้ยินมา
พอขาดหายไป นางก็รู้สึกแย่มาก รู้สึกว่างเปล่า
ที่สำคัญที่สุดคือ เรื่องราวดำเนินมาถึงจุดสำคัญแล้ว
มันเหมือนกับการเกาคัน แต่ยังไม่หายคันก็หยุดเกา มันน่าหงุดหงิดมาก
นางยังคิดจะเลียนแบบหวงหรงในหนังสือ แอบเข้าไปในจวนของอ๋องตงไห่ แล้วใช้ดาบขู่ให้อ๋องตงไห่เล่าเรื่องให้จบ
แต่นางก็แค่คิดเท่านั้น เพราะนางเพิ่งทำผิดไป ไม่ควรทำให้บิดาโกรธอีก
แต่ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ นางคงป่วยแน่ๆ
……
“ฝ่าบาท นี่คืออะไร” ในลานบ้านหน้าห้องบรรถม ชิวอวิ๋นและซู๋สุ่ยล้อมรอบสิ่งของชิ้นหนึ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความอยากรู้
นี่คือสิ่งที่เขาสั่งให้คนรับใช้ทำ หม้อกลั่นสุรา
มีสิ่งนี้แล้ว การกลั่นสุราซ้ำก็ไม่มีปัญหา
ดังนั้นวันนี้เขาจึงให้หยูเฉียนออกไปซื้อสุราข้าวธรรมดา เหลิ่งเถี่ยเพิ่มการตรวจตรา เพื่อที่จะผลิตสุราขาวแท้จริง เป็นครั้งแรก
“นี่คือต้นไม้เงินต้นไม้ทอง” หนิงอันหัวเราะสองสามครั้ง
ซู๋สุ่ยปิดปากหัวเราะ “ต้นไม้เงินต้นไม้ทองไหนกันที่มีรูปร่างเหมือนกาต้มน้ำ”
อย่างที่ซู๋สุ่ยพูด สิ่งของตรงหน้าสูงกว่าหนึ่งเมตร ดูเหมือนกาต้มน้ำขนาดใหญ่
แต่จุกกาเป็นแบบตรง เอียงลงล่าง เชื่อมต่อกับหม้อดิน
แต่หม้อดินนี้มีสองชั้น ชั้นบนเต็มไปด้วยน้ำเย็นแช่ท่อจุกกา ชั้นล่างว่างเปล่า ปากจุกกาอยู่ที่นี่
“มันเหมือนกัน ต้นไม้เงินต้นไม้ทองออกดอกออกผล เป็นเงิน สิ่งนี้หยดออกมาแล้วเอาไปขาย ก็แลกเป็นเงินได้” หนิงอันมองไปนอกลานบ้าน รอแค่หยูเฉียนนำสุรามาส่ง
ไม่นานก็มีเสียงดังในลานบ้าน หยูเฉียนกลับมาแล้ว
ด้านหลังเขาตามด้วยคนรับใช้แปดคู่ แต่ละคู่แบกสุราข้าวขนาดใหญ่เข้ามา
“ฝ่าบาท ตามคำสั่งของฝ่าบาท สุราเหล่านี้เป็นสุราลวี่อี่ที่ถูกที่สุดในตลาดเมืองฉางอัน” หยูเฉียนเช็ดเหงื่อ
ฤดูใบไม้ร่วงมาถึงแล้ว แต่อากาศยังคงร้อนอบอ้าว
ครั้งนี้ หยูเฉียนและคนรับใช้ต่างก็เหงื่อท่วมตัว
“ดี ดี ดี” หนิงอันพูดสามคำซ้ำๆ
สุราข้าวในตลาดเมืองต้าหนิงนั้นมีปริมาณแอลกอฮอล์ใกล้เคียงกัน
สุราดีและสุราไม่ดีแตกต่างกันที่วัตถุดิบและวิธีการผลิต
เช่น สุราลวี่อี่ที่เขาให้หยูเฉียนซื้อมานั้นมีวัตถุดิบและวิธีการผลิตที่ไม่ดี
บนผิวสุราข้าวนี้มีสิ่งลอยตัวสีเขียว ขนาดเท่ามด จึงเรียกว่าสุราลวี่อี่ (ลวี่อี่=มดเขียว)
จริงๆแล้วคือเชื้อราชนิดหนึ่ง
แต่สุราชนิดนี้ราคาถูก ประชาชนทั่วไปในต้าหนิงก็สามารถดื่มได้มากมาย
เขาต้องการใช้ต้นทุนที่น้อยที่สุด เพื่อให้ได้กำไรสูงสุด
เขาได้วางแผนตำแหน่งของสุราขาวในอนาคตไว้แล้ว คือขายให้กับขุนนางและพ่อค้าผู้มั่งคั่งในต้าหนิง
ทำไม?
ประการแรก พวกเขามีเงิน สามารถซื้อได้ เพื่อรักษาหน้าตา พวกเขาจะไม่ลังเลที่จะใช้เงินซื้อ
ประการที่สอง การจัดหาให้กับต้าหนิงทั้งอาณาจักรนั้นไม่สมจริง
เพราะในยุคนี้ ข้าวสารยังคงมีค่ามาก
การใช้ข้าวสารมากเกินไปเป็นสิ่งต้องห้าม
การจัดหาในปริมาณน้อย สามารถขายได้ในราคาสูง กำไรสูงสุด
และสามารถหลีกเลี่ยงการหาข้ออ้างเพื่อกดขี่ธุรกิจสุราขาวของเขา
คิดได้ดังนั้น เขาจึงเก็บหยูเฉียนไว้คนเดียว ให้คนรับใช้กลับไป
แล้วให้หยูเฉียนเรียกคนใช้หญิงมา
จากนั้น เขาให้คนใช้หญิงเปิดฝากาต้มน้ำ แล้วเทสุราลวี่อี่ลงไป เติมฟืนจุดไฟ
หลักการกลั่นสุราคือการใช้จุดเดือดของแอลกอฮอล์ที่ต่ำกว่าน้ำ ในอุณหภูมิเดียวกัน แอลกอฮอล์จะระเหยก่อน
นั่นคือ คนใช้หญิงต้องค่อยๆ ต้มสุราลวี่อี่ทีละถัง
สุราลวี่อี่สิบจิน ต้มจนเหลือสี่จิน สุราที่เก็บได้ในไหก็จะมีความเข้มประมาณสามสิบดีกรีแล้ว
ปริมาณแอลกอฮอล์นี้ในต้าหนิงถือว่าเป็นอันดับหนึ่ง
แต่กระบวนการกลั่นนั้นช้า
หนิงอันสั่งการไปแล้ว ก็ไม่รอ รีบกลับไปนอน
เมื่อเห็นว่าตงไห่อ๋องยุ่งอยู่กับงาน ซู่สุ่ยและชิวอวิ๋นก็ไม่เล่นกับตงไห่อ๋องอีก
ส่วนเรื่องเล่า เมื่อใดที่ตงไห่อ๋องอยากเล่า ก็ค่อยเล่าให้พวกนางฟังก็ได้