ตอนที่ 41 หม้อกลั่นสุรา
“พวกเจ้ามาทีละคน” หนิงอันสั่งคนรับใช้หนุ่มสามคน
สามคนมองหน้ากัน คนรับใช้ที่อยู่ขวามือสุดเดินเข้ามา
ระหว่างที่รอ หนิงอันใช้พู่กันวาดภาพบางอย่างในห้องนอน
ตอนนี้ เขาแสดงภาพแรกในสามภาพให้คนรับใช้ดู
“ทำสิ่งนี้ได้หรือไม่” หนิงอันชี้ไปที่ภาพวาด
คนรับใช้หนุ่มพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าผ่อนคลาย “เรียนฝ่าบาท เรื่องนี้ง่ายมาก”
“ดีมาก” หนิงอันพยักหน้า “ตอนทำ ต้องทำตามขนาด ห้ามผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว”
ให้คนรับใช้คนแรกกลับไป เขาก็เรียกคนรับใช้คนที่สองมา แสดงภาพวาดภาพที่สอง แล้วก็แสดงภาพวาดภาพที่สามให้คนรับใช้คนที่สามดู
หลังจากที่สั่งการเสร็จ เขาก็พูดเสียงเข้ม “ตอนนี้ พวกเจ้ารู้แล้วว่าต้องทำอะไร แต่ต้องจำไว้ ห้ามแอบดูของที่คนอื่นทำ มิฉะนั้น เปิ่นหวางจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไว้”
เมื่อเห็นว่าตงไห่อ๋องทำหน้าเคร่งเครียด คนรับใช้หนุ่มก็ไม่กล้าประมาท
ตงไห่อ๋องใจดีกับพวกเขา แต่การลงโทษก็ร้ายกาจมาก จึงพูดพร้อมกันว่า “ขอรับ ฝ่าบาท”
หนิงอันโบกมือ ให้พวกเขากลับไป แล้วก็พูดกับหยูเฉียน “สองสามวันนี้ เลือกสาวใช้ที่ปากหนักๆมา เปิ่นหวางมีงานให้ทำ”
สิ่งที่เขาต้องการ คนรับใช้คงต้องใช้เวลาหลายวัน
“ขอรับ” หยูเฉียนตอบรับ
เขาเห็นว่าตงไห่อ๋องทำหน้าจริงจัง จึงไม่ถามอะไร นี่คือกฎที่เขาเรียนรู้มาตอนอยู่ในวัง
เมื่อทุกคนจากไป หนิงอันก็รู้สึกตื่นเต้น
ที่จริงแล้ว สิ่งที่เขาให้คนรับใช้ทำนั้นเป็นเรื่องง่ายๆ นั่นคือหม้อกลั่นสุราแบบง่ายๆ ในยุคปัจจุบัน
คนรับใช้หนุ่มสามคนเก่งเรื่องการทำเครื่องปั้นดินเผา เขาจึงให้พวกเขาทำหม้อกลั่นสุราจากดินเผา
อย่างนี้ พวกเขาก็สามารถกลั่นสุราจากข้าวได้สองครั้ง ได้สุราขาวบริสุทธิ์
ความคิดนี้เขาได้ตอนงานเลี้ยงปิ้งย่าง
สุราของจวนตงไห่อ๋องไม่ได้แย่ในเมืองหลวง
ถึงอย่างนั้น สุราเหล่านี้ก็มีแอลกอฮอล์น้อย เหมือนกับเบียร์
เขาสามารถดื่มได้มากมายโดยไม่เมา
แม้แต่สุราในวัง สำหรับหนิงอันก็ธรรมดา
เนื่องจากข้อจำกัดทางเทคโนโลยี ฮ่องเต้ก็สามารถดื่มสุราข้าวคุณภาพสูง สุราเหลือง และสุราผลไม้ได้เท่านั้น
สุราเหล่านี้อาจจะมีรสชาติที่ดี แต่ถ้าพูดถึงปริมาณแอลกอฮอล์ ก็ไม่คุ้มค่าเลย
ที่จริงแล้ว เทคโนโลยีการกลั่นสุราเกิดขึ้นช้ามาก บันทึกที่น่าเชื่อถือที่สุดคือประมาณสมัยราชวงศ์หยวน จนกระทั่งสมัยราชวงศ์หมิงจึงมีบันทึกที่ชัดเจน
ดังนั้น ต้าหนิงไม่มีสุราขาวที่มีแอลกอฮอล์สูง จึงไม่แปลก
นี่จึงเป็นโอกาสของเขา
นอกจากการเยี่ยมชมกระบวนการหมักของชาจินฮวาแล้ว ตอนที่เขาทำงานในระดับสูงของบริษัท เพื่อหาสินค้าที่เหมาะสมสำหรับการขาย เขาได้ไปโรงงานหลายแห่ง
รวมถึงโรงงานผลิตสุราหลายแห่ง รวมถึงโรงงานที่ใช้เทคนิคการผลิตสุราแบบโบราณ
ด้วยคำอธิบายโดยละเอียดของผู้จัดการโรงงาน เขาจำได้ยาก
แต่ลำดับการผลิตสุราปกติคือการผลิตของเหลว แล้วจึงกลั่นเพื่อให้บริสุทธิ์
แต่สุราข้าวของต้าหนิงนั้น ก็เหมือนกับของเหลวอยู่แล้ว เขาไม่จำเป็นต้องสร้างโรงงานผลิตสุรา เสียแรงงานและทรัพยากร แค่ทำให้บริสุทธิ์ก็พอ
สุราขาวที่กลั่นออกมา ไม่เพียงแต่จะมีแอลกอฮอล์สูงขึ้น แต่ก็จะมีกลิ่นหอมมากขึ้น
ถึงแม้ว่ากระบวนการจะหยาบ แต่ในต้าหนิง ก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว
ถึงตอนนั้น หอเฟิ่งหมิงมีสุราที่ดี ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีลูกค้า
เพราะชีวิตคนเราก็มีแค่เรื่องสุรา เรื่องรัก เรื่องเงิน และเรื่องอำนาจ
……
ห้องทรงงาน
ฮ่องเต้หนิงชุน เนื่องจากหนิงอันสั่งสอนชาวนฺหวี่เจิน และช่วยองค์หญิงฉางฟู่ จึงลดความเกลียดชังที่มีต่อตี้จื่อลงบ้าง แต่ไม่นาน ขันทีก็ส่งข่าวมาทำให้ความเกลียดชังนั้นกลับมาอีก
นั่นคือเรื่องที่หนิงอันช่วยหญิงงามแห่งเมืองหลวง และส่งนางกลับไปที่หอไป่เซียง
ด้วยความเข้าใจที่มีต่อตี้จื่อ เขาคิดว่าเป็นละครที่เขาแสดง
แต่ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์ที่จะสนใจตี้จื่อ
เพราะตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาคือการเจรจากับทูตจากราชวงศ์จิน
“ฝ่าบาท จงหย่งโฮ่วและซ่างกวนซือจง[1]มาถึงแล้ว” ขันทีที่อยู่หน้าประตูพูด
“ให้พวกเขามา” หนิงชุนวางจดหมายที่ถืออยู่
หลังจากที่องค์ชายสามจากไป เขาก็ออกคำสั่งให้เรียกทั้งสองคนเข้าวัง
“ข้าขอคารวะฝ่าบาท” คนที่มาก็คือหลิวชิงและซ่างกวนอวิ๋น
หลังจากที่กลับมาทำงาน ซ่างกวนอวิ๋นดำรงตำแหน่งขุนนางสูงสุดในกระทรวงกลาง นั่นคือตำแหน่งจงซูหลิ่ง
หลังจากที่เห็นตงไห่อ๋องช่วยหญิงงามอีกครั้ง เขากำลังจะกลับไปดื่มสุราต่อ ขันทีในวังก็มาหาเขา
ตอนนี้ เขามีกลิ่นสุราติดตัว
หนิงชุนไม่ได้ตำหนิซ่างกวนอวิ๋น เพราะตามคำสั่งของเขา ซ่างกวนอวิ๋นจะไปทำงานที่กระทรวงในวันพรุ่งนี้
หลิวชิงก็ทำเป็นไม่รู้จักซ่างกวนอวิ๋น
เขาแน่นอนว่ารู้จักซ่างกวนอวิ๋น แต่เพราะความบาดหมางในอดีต เขาจึงไม่ชอบคุยกับเขา
หนิงชุนสังเกตเห็นความสัมพันธ์ที่แปลกๆระหว่างทั้งสอง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ไม่มีฮ่องเต้คนไหนชอบที่ขุนนางของตัวเองสนิทกันมากเกินไป
เพราะสิ่งที่ฮ่องเต้เกลียดที่สุดคือการรวมกลุ่มกัน
ยิ้มเล็กน้อย เขาพูดกับทั้งสองคนว่า “ครั้งนี้เรียกพวกเจ้ามา ด้วยความฉลาดของพวกเจ้า คงรู้แล้ว พูดมาเถอะ ว่าจะทำสงครามหรือจะเจรจา”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หลิวชิงและซ่างกวนอวิ๋นก็ทำหน้าเคร่งเครียด
ระหว่างทางมา พวกเขาก็คิดเรื่องนี้อยู่ ตอนนี้ก็ได้คำตอบแล้ว
[1] 侍中 Shì zhōng ขุนนางฝ่ายใน