ตอนที่ 199 จับตามอง
ตอนที่ 199 จับตามอง
“เกิดอะไรขึ้น รถเป็นอะไรไป?”
แม้ว่าเฉิงหยู่เฉิน และคนอื่นๆ จะไม่อยากยอมรับ แต่ข้อเท็จจริงก็แสดงให้เห็นตรงหน้าแล้ว ซึ่งทำให้พวกเขาสงสัยมากขึ้นเกี่ยวกับรถที่ฉู่เจียงเยว่ และคนของเธอขับมา
แม้แต่รถจี๊ปแรงก์เลอร์ที่พวกเขามั่นใจก็ขับลุยหิมะไม่ไหว พวกเขาจึงสงสัยมากกว่าอีกฝ่ายเดินทางจากเมือง B มาถึงที่นี่ได้อย่างไร
“รถเหล่านั้นถูกผลิตโดยโรงแรมเจียงหลิน และแน่นอนว่าต้องมีบางอย่างที่พิเศษ พวกคุณควรรีบไปเตรียมตัวเถอะ เราจะออกเดินทางเมื่อทุกคนขึ้นรถแล้ว”
เมื่อเห็นว่ายังมีหลายคนในทีมยังไม่มีคนไปขอเช่ารถ ฉู่เจียงเยว่ก็สงสัยว่าเธอจะอ้อมไปหาฐานแห่งอื่นๆ ได้หรือไม่ และอาจจะได้คนมาเพิ่ม
เนื่องจากเฉิงหยู่เฉิน และเพื่อนของเขาอยู่ในเมือง T มานาน พวกเขาอาจรู้จักที่ตั้งของฐานเหล่านั้น ซึ่งทำให้เธอไม่ต้องเสียเวลาค้นหาไปทั่วอย่างไร้จุดหมาย
คนอื่นไม่รู้แผนการของฉู่เจียงเยว่ แต่ต่อให้รู้ก็ไม่สำคัญอะไร ไม่ว่ายังไงการเดินทางครั้ง เธอก็ต้องการขยายฐานลูกค้าให้ได้มากที่สุด
หลังจากได้ยินคำแนะนำของฉู่เจียงเยว่ สีหน้าของเฉิงหยู่เฉิน และคนอื่นๆ ก็รู้สึกดีขึ้น แม้จะรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่รถของพวกเขาไม่อาจใช้งานในตอนนี้ได้
แต่ เฉิงหยู่เฉิน และคนอื่น ๆ ลังเลที่จะทิ้งรถคันนี้ไว้ที่นี่
ในที่สุด พวกเขาก็ขอให้ผู้ปลุกพลังมิติในทีมเก็บรถคนนั้นไป เมื่อไปถึงโรงแรมเจียงหลินแล้ว พวกเขาอาจมีโอกาสได้ใช้พวกมันก็เป็นได้
จากนั้นทั้งห้าก็ค้นหาไปรอบๆ และในที่สุดก็พบเจียงเหอ เช่ารถของเขาด้วยการแบ่งกันจ่าย และเลือกที่จะจ่ายทีเดียวหลังกลับไปถึงโรงแรมเจียงหลินแล้ว
เจียงเหอไม่ได้ขาดแก่นคริสตัลในเวลานี้ สำหรับเฉิงหยู่เฉิน และหัวหน้าทีมคนอื่นๆ เจียงเหอคิดว่าคนเหล่านี้ต้องมีของดีอยู่ในกระเป๋า ดังนั้นเขาจึงตอบตกลง
ฉู่เจียงเยว่ขึ้นรถออฟโรดของตัวเอง หลังจากยืนยันได้ว่าทุกคนพร้อมออกเดินทางแล้ว
เสิ่นจื้อกุยยังคงขับรถแทนฉู่เจียงเยว่อยู่ ที่เบาะหลัง เด็กสาวตัวเล็กๆ ก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม
หลังจากเข้ามาในรถแล้ว ฉู่เจียงเยว่ก็เปิดระบบนำทางโดยตรง และลูกศรนำทางที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้น โดยไม่รู้ว่าไปสิ้นสุดที่ตรงไหน
“เราจะมุ่งตรงกลับไปที่โรงแรมเจียงหลินเลยหรือเปล่า?”
ที่ฉู่เจียงเยว่ออกมาในครั้งนี้ก็เพื่อขยายฐานลูกค้า และอาจกล่าวได้ว่าเธอได้บรรลุเป้าหมายแล้ว
เสิ่นจื้อกุยก็ตั้งตารอว่าโรงแรมเจียงหลินจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไร หลังจากที่พวกเขากลับไป
“ใช่ ตามลูกศรนำทางไปเลย”
ฉู่เจียงเยว่ได้วางแผนเส้นทางด้วยตัวเอง เส้นทางที่ผ่านจะทำให้เธอมีโอกาสได้พบกับฐานผู้ลี้ภัยแห่งอื่นๆ อย่างเป็นธรรมชาติ
ส่วนเรื่องที่ว่าเมื่อผ่านฐานเหล่านั้นแล้วจะได้คนเพิ่มไหม ขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวเธอเอง
ฉู่เจียงเยว่ได้บอกเสิ่นจื้อกุยไว้ก่อนว่าพวกเขาอาจจะผ่านฐานแห่งอื่นๆ ในไม่ช้า และขอให้เขาหยุดรถสักพักถ้าไปถึง
แน่นอนว่าเสิ่นจื้อกุยเห็นด้วยโดยไม่ลังเล เดิมทีมนี้นำโดยฉู่เจียงเยว่ คำพูดของเธอจึงมีน้ำหนักมากที่สุด
เมื่อมีคนมากมายมาเพิ่ม ขบวนรถก็ยืดยาวกว่าเดิมไม่น้อย
เมื่อทีมของฉู่เจียงเยว่ปรากฏตัวที่เมือง T มันก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมาก และเมื่อทีมของเธอมาหยุดที่หน้าฐานของเฉิงหยู่เฉิน พวกเขาก็ให้ความสนใจมากขึ้นไปอีก
ถ้าไม่ใช่เพราะอากาศหนาวจัด พวกเขาก็คงจะออกมาดูสถานการณ์ด้วยตาตัวเองไปแล้ว
รถออฟโรดสีขาวเงินเรียงกันเป็นแถว โดดเด่นสะดุดตา จึงมีสายตาจ้องจับไม่น้อย
“โฮสต์! ตรวจสอบสัญญาณชีวิตใกล้ๆ ควรมีฐานผู้ลี้ภัยแห่งหนึ่งข้างหน้าเรา”
ฉู่เจียงเยว่คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าไม่นานหลังจากที่รถขับออกมา จะได้พบฐานอีกแห่งหนึ่ง
"คุณเสิ่น ควรมีฐานอีกแห่งอยู่ข้างหน้า หยุดรถแล้วลงไปดูกันเถอะ"
หลังจากฉู่เจียงเยว่ได้ยินเสียงเตือนจากจิ้งจอกตัวน้อย เธอก็รีบบอกเสิ่นจื้อกุย
"ได้"
เสิ่นจื้อกุยเหยียบเบรก และรถก็หยุดตรงทางเข้าฐาน
เมื่อยามเฝ้าประตูเห็นรถจอดอยู่ที่ทางเข้าฐาน ทั้งสองมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไรดี แต่ฉู่เจียงเยว่ไม่ได้ให้เวลาพวกเขาได้คิด และเดินเข้ามาคุยตรงๆ
“สวัสดี เรามาจากโรงแรมเจียงหลินที่ตั้งอยู่ในเมือง B และต้องการขายสินค้าบางอย่าง ฉันสงสัยว่าฐานของพวกคุณสนใจหรือไม่?”
“นี่คือตัวอย่างเสื้อกันหนาวที่เราขาย อยากลองทดสอบดูมั้ย?”
ฉู่เจียงเยว่ยังคงใช้เสื้อกันหนาวเป็นก้าวแรกในการเจรจา
หลังจากได้ยินคำพูดของฉู่เจียงเยว่ ยามทั้งสองก็มองหน้ากัน
ฉู่เจียงเยว่พูดรวบรัดจบตอนในคราวเดียว พวกเขาจึงยังมึนงงอยู่ และคิดตามไม่ทัน ทำให้ไม่รู้ว่าจะโต้ตอบยังไงไปพักหนึ่ง
เมื่อกลับมารู้สึกตัว เสื้อตัวอย่างก็ถูกยัดอยู่ในมือของพวกเขาแล้ว
“พวกคุณสามารถลองดูก่อนได้ หากมีคำถามใดๆ ก็สามารถถามฉันได้เลยตรงๆ”
ทุกคนต่างต้องการมีชีวิตที่ดี ฉู่เจียงเยว่ไม่เชื่อว่าด้วยความน่าทึ่งของเสื้อกันหนาว ผู้คนในฐานจึงจะยังคงเพิกเฉยอยู่ได้
ยิ่งกว่านั้น ฉู่เจียงเยว่เชื่อว่าการมาเยือนของเธอ จะต้องรับรู้ไปถึงหูของคนข้างในแล้ว
เนื่องให้อยู่รอดในโลกที่ไร้ระเบียบแบบนี้ได้ การจับตามองคนแปลกหน้าหรือคนต่างถิ่นเป็นเรื่องที่ต้องทำ
“ขออภัย ตอนนี้เรายังอยู่ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ไม่สามารถออกจากตำแหน่งไม่ได้รับอนุญาตได้”
ฉู่เจียงเยว่ชนกำแพงเข้าอีกครั้ง และคำตอบนี้เหมือนเธอจะเคยได้ยินเมื่อไม่นานมานี้
“แล้วถ้าฉันต้องการเข้าไปในฐาน ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนอะไรบ้าง?”
ฉู่เจียงเยว่รู้ดีว่าสำหรับหลายๆ ฐาน เพื่อรักษาชีวิต ต้องจ่ายค่าผ่านทางเป็นเสบียงหากต้องการเข้าไป
“เมื่อเข้าฐานครั้งแรก ผู้ปลุกพลังต้องจ่ายข้าว 1 กิโล ส่วนคนธรรมดาต้องจ่ายข้าว 2 กิโล”
“หากไม่มีข้าวก็สามารถทดแทนด้วยสิ่งอื่นได้ นี่คืออัตราส่วนการแลกเปลี่ยน หากคุณให้อย่างอื่นนอกเหนือจากที่ระบุไว้ในนี้ ต้องมาคำนวณอัตราแลกเปลี่ยนกันอีกที”
เมื่อมองดู อัตราส่วนบนกระดานดำก็ค่อนข้างครอบคลุม
“ฉันไม่มีข้าว ขอเปลี่ยนเป็นข้าวโพดแทนได้ไหม มันมีอัตราส่วนเท่าไหร่?”
“คุณเป็นผู้ปลุกพลังเหรอ?”
ราคาของการเข้าสู่ฐานสำหรับผู้ปลุกพลัง และคนธรรมดามีความแตกต่างกันไม่น้อย
“พลังไม้”
แม้ว่าจะกลายพันธุ์ไปบ้าง แต่เธอก็ยังเป็นผู้ปลุกพลังไม้
เพื่อพิสูจน์ ฉู่เจียงเยว่จึงรวบรวมพลังไว้บนฝ่ามือ และแสดงให้ยามทั้งสองได้เห็น
ทันทีที่ทั้งสองได้เห็นพลังของฉู่เจียงเยว่ พวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าเธอต้องเลื่อนระดับมาหลายครั้งแล้ว และต้องผ่านการต่อสู้มาไม่น้อย
เพราะผู้ปลุกพลังที่แข็งแกร่งขึ้นด้วยการดูดซับแก่นคริสตัลกับการเลื่อนระดับด้วยการผ่านการต่อสู้เสี่ยงชีวิตนั้นให้ความรู้สึกต่างกัน ของฉู่เจียงเยว่ดูเหมือนจะเป็นแบบหลัง
“ข้าว 1 กิโลแทนด้วยข้าวโพด 4 ฝักได้”
หลังจากที่ยืนยันได้ว่าฉู่เจียงเยว่เป็นผู้ปลุกพลัง ยามคนหนึ่งก็บอกถึงค่าผ่านทางอย่างรวดเร็ว เมื่อได้ยินฉู่เจียงเยว่ก็เอาข้าวโพดออกมา แล้วส่งให้
“ตอนนี้ เราเข้าไปได้หรือยัง?”
ฉู่เจียงเยว่มองไปที่ยามเฝ้าประตูทั้งสอง
“ได้ แต่ก่อนอื่นต้องผ่านการตรวจสอบก่อนว่ามีบาดแผลตามร่างกายหรือไม่เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็น”
หากได้รับบาดเจ็บ มีแนวโน้มที่จะติดไวรัสซอมบี้ นี่คือสิ่งที่ทุกฐานให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ฉู่เจียงเยว่ไม่ได้คัดค้านอะไร และเข้ารับการตรวจร่างกายอย่างเงียบๆ
หลังจากยืนยันว่าไม่มีปัญหาใดๆ เธอก็ผ่านเข้าไปในฐานได้อย่างรวดเร็ว