ก่อตั้งองค์กรมือสังหารในโลกบำเพ็ญเพียร ตอนที่ 35 สังหารฮ่องเต้
ก่อตั้งองค์กรมือสังหารในโลกบำเพ็ญเพียร ตอนที่ 35 สังหารฮ่องเต้
ปราณโลหิตภายในร่างกายปั่นป่วนดุจดั่งมังกรโลหิตกำลังแหวกว่ายอยู่ในอวัยวะภายในของหวู่เจิน
กำหมัดซ้ายแน่น โจมตีเงาของมังกรเจียวที่พุ่งเข้ามา
ตู้ม!!!
เงาของมังกรเจียวสลายหายไปในพริบตา
ซุ่ยปิงซางเบิกตากว้าง ยกมือขวาขึ้น
ปราณมังกรรอบกายรวมตัวกันเป็นโล่ป้องกัน
ทว่าพลังอำนาจของผู้บำเพ็ญระดับบำรุงจิตหกชั้นฟ้าช่างน่ากลัวยิ่งนัก
ผู้บำเพ็ญระดับบำรุงจิตสองชั้นฟ้าจะสามารถต้านทานได้หรือ?
แน่นอนว่าไม่
หลังจากที่หวู่เจินทำลายเงาของมังกรเจียว หมัดของเขาก็ทำลายโล่ป้องกันที่สร้างขึ้นจากปราณมังกร
ซุ่ยปิงซางตกใจ รีบนำสมบัติเวทป้องกันระดับนิลขั้นสูงที่สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่นในราชวงศ์ออกมา
“สมกับที่เป็นผู้บำเพ็ญระดับบำรุงจิตหกชั้นฟ้า การต้านทานการโจมตีครั้งนี้ทำให้หยกมังกรราชวงศ์ซุ่ยสั่นสะเทือนเล็กน้อย”
“หากบุคคลผู้นี้ยอมรับใช้ราชวงศ์ ราชวงศ์ราชันซุ่ยหยวนของข้าย่อมต้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน น่าเสียดาย……”
ภายในดวงตาของซุ่ยปิงซางปรากฏแววตาเย็นชา
“ค่ายกลแก่นแท้มังกรสี่ทิศ เปิดใช้งาน!”
ซุ่ยปิงซางประสานอินด้วยมือทั้งสองข้าง
ทุกคนมองเห็นเสาหลักทั้งสี่ต้นภายในตำหนักเปล่งประกายสีทองอร่าม พร้อมกับค่ายกลขนาดใหญ่ที่ปรากฏขึ้นเหนือตำหนัก
“ค่ายกลหรือ?”
หวู่เจินมีสีหน้าตกใจ
ได้ยินเสียงของหวู่เจิน ซุ่ยปิงซางจึงยิ้มกว้าง “ถูกต้อง ตอนที่องค์จักรพรรดิซุ่ยหยวนองค์ก่อนสร้างตำหนักแห่งนี้ เคยไปเยี่ยมเยียนปรมาจารย์ค่ายกลระดับบำรุงจิตเก้าชั้นฟ้า”
“ตำหนักซุ่ยหยวนแห่งนี้ สร้างขึ้นโดยปรมาจารย์ผู้นั้น!”
กล่าวจบ ตบะระดับบำรุงจิตสองชั้นฟ้าของซุ่ยปิงซางก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งระดับบำรุงจิตห้าชั้นฟ้า จึงค่อย ๆ หยุดลง
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่านี่คือพลังอำนาจของค่ายกล
“แม้ว่าจะมีเพียงระดับบำรุงจิตห้าชั้นฟ้า แต่ด้วยพลังอำนาจของค่ายกลแก่นแท้มังกรสี่ทิศ การเอาชนะเจ้าย่อมเป็นเรื่องง่ายดาย”
ซุ่ยปิงซางกล่าวอย่างมั่นใจ
ไม่แปลกใจเลยที่ตั้งแต่ต้นจนจบ ซุ่ยปิงซางมีเพียงสีหน้าตกใจและความต้องการที่จะดึงตัวหวู่เจินเข้าร่วมราชวงศ์ ไม่ปรากฏความหวาดกลัวหรือวิตกกังวลใด ๆ
ที่แท้ เขามีค่ายกลแก่นแท้มังกรสี่ทิศเป็นที่พึ่ง
“เรื่องง่ายดายหรือ? หึ หอกหนามเงิน!”
หวู่เจินแค่นเสียง
ไม่ปิดบังพลังอำนาจอีกต่อไป ชักหอกยาวสีเงินออกมาจากด้านหลัง
“กระบวนท่าร้อยหอก หอกพิศวง!”
หวู่เจินจับปลายหอกทั้งสองข้าง ร่างกายเคลื่อนไหว
วูบ!
ณ ที่แห่งนั้น เหลือเพียงเงาจาง ๆ
“เร็วยิ่งนัก!”
ซุ่ยปิงซางตกใจ แต่ก็ยังคงตั้งรับได้ทัน
ปราณมังกรที่ทุกคนเคยเห็น รวมตัวกันเป็นโล่ป้องกันอีกครั้ง
ทว่าโล่ป้องกันครั้งนี้ มีปราณมังกรหนาแน่นกว่าครั้งก่อนหลายเท่า
ตู้ม!
หอกยาวแทงเข้าที่โล่ป้องกัน
แรงระเบิดที่รุนแรงทำให้ความว่างเปล่ารอบด้านสั่นสะเทือน
“ไร้ประโยชน์ ด้วยพลังอำนาจของค่ายกล ปราณมังกรของข้าแข็งแกร่งยิ่งนัก เว้นแต่ผู้บำเพ็ญระดับบำรุงจิตแปดชั้นฟ้าขึ้นไป มิเช่นนั้นไม่มีผู้ใดสามารถทำลายมันได้!”
ซุ่ยปิงซางยิ้มออกมา
วินาทีถัดมาเขารู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่ด้านหลังคอ
หันกลับไปเล็กน้อย
บุรุษผู้หนึ่งสวมชุดองครักษ์สีดำ ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังโดยไม่รู้ตัว
ในมือถือดาบยาวที่เปื้อนโลหิต
ประเดี๋ยวก่อน โลหิตหรือ?
ซุ่ยปิงซางมองลงไป
ศีรษะของเขาถูกตัดขาด ตกลงบนพื้น
ไม่ต้องกล่าวก็รู้ว่าใครคือผู้ลงมือ
เมื่อซุ่ยปิงซางสิ้นใจ โล่ป้องกันที่สร้างขึ้นจากปราณมังกรก็สลายหายไป
หวู่เจินเก็บหอกหนามเงิน มองดูศีรษะที่เบิกตากว้าง และร่างไร้วิญญาณ
จากนั้นก็มองไปยังองค์รักษ์ดำที่ลงมือทำลายสถานการณ์ มีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง
หากเป็นในอดีต เขาคงต้องไม่พอใจผู้ที่ขัดขวางการต่อสู้ของเขา แต่ตอนนี้เขาไม่ใช่แม่ทัพใหญ่แห่งราชวงศ์ราชันโหม่วเฟิงต่อไป แต่เป็นมือสังหารแห่งศาลาสังหารโลหิต
กฎเกณฑ์ข้อแรกของมือสังหารก็คือการกำจัดเป้าหมายให้เร็วที่สุด
ดังนั้น เขาจึงไม่รู้สึกโกรธแค้นที่องค์รักษ์ดำเข้ามาขัดขวาง
“ค่ายกลเป็นเพียงสิ่งภายนอก สาเหตุที่เจ้าพ่ายแพ้ มิใช่เพราะระดับตบะ แต่เป็นเพราะเจ้าเพิกเฉยต่อเรื่องราวบ้านเมือง ไม่สนใจความเป็นอยู่ของประชาชน”
หวู่เจินพึมพำ คำพูดของเขาถูกต้องทุกประการ
แม้ว่าซุ่ยปิงซางจะไม่โง่เขลา แต่กลับมีจิตใจคับแคบ ไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน สนใจเพียงแค่ผลประโยชน์เล็ก ๆ น้อย ๆ
ทำให้ขุนนางโลภมากมาย ก่อเป็นยุคขุนนางชั่วร้ายครองเมือง
สาเหตุที่พวกเขาสามารถเข้ามายังเมืองหลวงได้โดยง่าย เป็นเพราะพวกเขาติดสินบนขุนนางส่วนใหญ่ของราชวงศ์
กระทั่งผู้ตรวจการที่เป็นที่รู้จักในฐานะองครักษ์ของราชวงศ์ ก็ยังคงถูกซวนหลวนเทียนวางแผน และถูกศาลาสังหารโลหิตดึงตัวมาร่วมมือ
ไม่มีเหตุผลอื่นใด
ผู้ที่เข้าร่วมเป็นผู้ตรวจการ ล้วนมีจิตใจที่เที่ยงธรรม
พวกเขาต้องการปราบปรามคนชั่วร้าย กำจัดความอยุติธรรม
แต่น่าเสียดาย หลังจากที่พวกเขาปฏิบัติภารกิจ ก็พบว่าเรื่องราวไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวัง
ขุนนางปกป้องกันและกัน ความอยุติธรรมยังคงดำเนินต่อไป
ความยุติธรรมที่พวกเขาต้องการ กลับกลายเป็นเครื่องมือที่ขุนนางชั่วร้ายใช้ในการกดขี่ข่มเหงผู้ที่อ่อนแอกว่า!
ช่างน่าเศร้ายิ่งนัก!
องค์รักษ์ดำกล่าวว่า “นำศีรษะกลับไป ภารกิจก็ถือว่าสำเร็จแล้ว รีบไปเถิด ข้ารู้สึกว่าภายในราชวงศ์ยังคงมียอดฝีมือที่ระดับตบะใกล้เคียงกับข้า”
“ตกลง”
……
หลังจากที่ทั้งสองจากไปประมาณครึ่งเค่อ
จากภูเขาที่อยู่ด้านหลังตำหนัก เสียงคำรามลั่นดังก้องไปทั่ว รัศมีหลายสิบลี้
“ผู้ใดกล้าสังหารเชื้อพระวงศ์! คนชั่วร้ายช่างกล้าหาญยิ่งนัก กล้าปลงพระชน หากถูกข้าพบเจอ จะต้องถูกประหารเก้าชั่วโคตร!!!”
เสียงดังกึกก้อง ประชาชนและขุนนางทั้งหมดในเมืองลัวลี่ต่างก็ได้ยิน
ในชั่วพริบตา เมืองหลวงก็ตกอยู่ในความวุ่นวาย
ฮ่องเต้ซุ่ยหยวนถูกลอบสังหาร เรื่องนี้สามารถทำให้ราชวงศ์ต้องพลิกผัน
ด้วยการสนับสนุนอย่างลับ ๆ ของศาลาสังหารโลหิต ข่าวสารที่น่าตกใจและน่าตื่นเต้นนี้แพร่กระจายไปทั่วเมืองลัวลี่ และไปยังโลกภายนอกอย่างรวดเร็ว
กระทั่งผู้ที่มีอำนาจบางคนต้องการเข้ามาแทรกแซง ก็สายเกินไป
ณ เวลานี้ ตระกูลหลิวย่อมได้รับข่าวสารนี้
หลิวชิงเฟิงได้ยินข่าวสารนี้ แม้ว่าภายในใจจะตกใจ แต่ก็ยังคงออกคำสั่งอย่างรวดเร็ว
แผนการเริ่มต้นขึ้น!
หลิวชิงเฟิงเดินไปยังโถงใหญ่มองไปยังบุคคลสองคนที่เป็นทูตจากกองทัพโลหิตและกลุ่มเงามืด
“คนของพวกท่านเดินทางมาถึงจุดหมายปลายทางแล้วหรือ?”
ได้ยินเช่นนั้นทูตทั้งสองเงียบลง ไม่กล่าวสิ่งใด