บทที่95
โชคดีที่ปีเตอร์ยังมีทักษะของฟีนิกซ์ที่ช่วยให้รอดชีวิตได้ และยังมีทักษะย่อขนาดของอ็อกคามี ที่ช่วยให้เขาหลบหนีได้อย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้ปีเตอร์ไม่ต้องการจะหนีไปอย่างน่าสมเพช ไม่ว่าจะเพื่อล้างแค้นให้ฟิลด์ หรือเพราะรางวัลคะแนน เขาต้องการจับตัวกรีนให้ได้!
กรีนมองไปรอบ ๆ อย่างหงุดหงิด ขณะที่ไม่มีใครตอบสนอง เขาจึงร่ายคาถาระเบิดอย่างบ้าคลั่ง ยิงออกไปทั่วทุกทิศทางเหมือนไม่เสียดายพลังเวทเลย ปีเตอร์ที่ซ่อนอยู่ด้านหลังห่างออกไปแค่สามเมตรเหงื่อแตกพลั่ก นี่มันพ่อมดคลั่งชัด ๆ!
เมื่อกรีนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ปีเตอร์ก็ร่ายคาถาเรียกนกออกมาเงียบ ๆ กลุ่มนกปรากฏขึ้นอย่างไม่มีที่มาและบินโฉบไปทั่วรอบตัวกรีนเพื่อบดบังสายตาของเขา
ปีเตอร์รีบย่อขนาดและเคลื่อนที่เข้าใกล้กรีน จากนั้นก็เปลี่ยนร่างเป็นยักษ์สูงสิบเมตรทันที ผลักกรีนกระเด็นขึ้นไปกลางอากาศ จากนั้นก็ร่ายคาถาตัดฉับเข้าที่มือขวาของกรีนอย่างแม่นยำ
เสียง "กร๊อบ!" ดังขึ้น กรีนที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศรู้สึกเย็นวาบที่ข้อมือขวา มือขวาของเขาพร้อมกับไม้กายสิทธิ์หลุดลงไปกระแทกพื้นทันที
"อ๊ากกก!" กรีนกุมข้อมือที่ถูกตัดด้วยความเจ็บปวดร้องออกมาเสียงดัง
แต่ทันใดนั้น เขาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นปีเตอร์ในร่างยักษ์เตะเขาอย่างรุนแรง กรีนหลบไม่ทันจึงถูกเตะกระเด็นไปชนต้นไม้ใหญ่ ร่างของเขาหล่นลงมาด้วยท่าทางอ่อนแรงและไอออกมาเป็นเลือด
ปีเตอร์ไม่ประมาท เขาร่ายคาถาสะกดและคาถาหินอีกชั้น จากนั้นก็เสกเชือกมามัดไว้ ก่อนจะตรวจสอบจนแน่ใจว่ากรีนไม่มีไม้กายสิทธิ์หรือเครื่องรางเวทมนตร์ซ่อนอยู่ จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
มองดูร่างกรีนที่แทบไม่มีชีวิต ปีเตอร์คืนสู่ร่างเดิมและเตะเขาอีกครั้งด้วยความโมโห
"ไอ้คนเจ้าเล่ห์! แกยังคงรักษาโล่ป้องกันไว้ตลอด ป้องกันทุกการโจมตีของฉันจนฉันต้องย่องเข้าไปใกล้ และใช้จังหวะที่เข้าถึงตัวเพื่อโจมตีทันที!"
"จิ๊บ จิ๊บ!" ฟิลด์โผล่หัวออกมาจากกระเป๋าของปีเตอร์
"ฟิลด์! ฉันแก้แค้นให้เธอแล้ว ดีใจไหม?" ปีเตอร์พูดอย่างอ่อนโยนพร้อมกับอุ้มฟิลด์ตัวเล็กจิ๋วเหมือนไก่ตัวน้อยขึ้นมา
ถ้าจะมีสิ่งที่ปีเตอร์ไว้วางใจได้อย่างแท้จริง ก็คงเป็นฟีนิกซ์ฟิลด์นี่แหละ สัตว์ที่มีจิตใจบริสุทธิ์ ซื่อสัตย์ และไม่เคยทรยศ ฟิลด์ได้ช่วยชีวิตเขามาแล้วถึงสองครั้ง
ปีเตอร์มองดูสภาพความเสียหายรอบ ๆ ตัว เขารู้สึกตกใจเล็กน้อยที่ยังคงประเมินพลังของพ่อมดต่ำไป กรีนคนเดียวสามารถทำลายต้นไม้ในระยะหลายสิบเมตรได้ พื้นที่เต็มไปด้วยหลุมลึกจากคาถา ถ้าไม่ระวังผลกระทบมากกว่านี้ พลังทำลายคงมากกว่านี้หลายเท่า
เขาหันไปมองสัตว์ในกรง พบว่าฮิปโปกริฟฟ์ตัวหนึ่งถูกคาถาที่กรีนยิงสุ่มไปโดนจนตาย สัตว์ตัวอื่น ๆ ในกรงต่างก็ซุกตัวอยู่ในมุมอย่างหวาดกลัว
มีเพียงยูนิคอร์นที่ถูกโซ่ตรึงไว้เท่านั้นที่ยังคงยืนหยัด แสดงสีหน้าทระนง และส่งเสียงร้องอย่างไม่ยอมแพ้ ดวงตาของมันจับจ้องไปยังยูนิคอร์นตัวเล็กสีทองที่อยู่ในกรง
ปีเตอร์มองโซ่ที่ล่ามยูนิคอร์นไว้แล้วตั้งใจจะช่วยปลดออกให้ แต่ยูนิคอร์นแสดงท่าทางไม่ไว้ใจเมื่อเขาเข้าไปใกล้ จ้องมองเขาด้วยสายตาระแวดระวัง
"ฉันจะไม่ทำร้ายเธอ ฉันแค่ต้องการช่วยปลดโซ่นี้ให้ เธอเห็นไหมว่าฉันเพิ่งเอาชนะเขาได้ ฉันไม่ใช่คนร้าย" ปีเตอร์ยกมือขึ้นเพื่อแสดงว่าเขาไม่มีพิษภัยใด ๆ และค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้อย่างช้า ๆ
เมื่อได้ยินคำพูดของปีเตอร์ ยูนิคอร์นก็ลดท่าทีต่อต้านลงบ้าง ยูนิคอร์นมีความฉลาด สามารถเข้าใจภาษาคนได้ เพียงแต่ว่าหลังจากที่ถูกกรีนจับมาทรมาน ทำให้เธอหมดศรัทธาในมนุษย์
ปีเตอร์ใช้ไม้กายสิทธิ์เคาะโซ่บนตัวของยูนิคอร์นจนโซ่ขาดลง จากนั้นเขาก็ถอยออกมาเพื่อไม่ให้รบกวนยูนิคอร์นที่ระมัดระวังตัว
เมื่อมองไปยังสัตว์ในกรงรอบ ๆ ปีเตอร์ก็ครุ่นคิดว่าจะนำพวกมันออกจากป่าต้องห้ามไปเป็นหลักฐานได้อย่างไร
ทันใดนั้นเอง มีเสียงฝีเท้าม้าดังขึ้น ปีเตอร์รีบชักไม้กายสิทธิ์ออกมาชี้ไปทางต้นเสียง "ใครน่ะ! ออกมา!"
"เราไม่ได้มีเจตนาร้าย พ่อมดน้อย วางอาวุธเถอะ" เสียงทุ้มดังมาจากในป่า ก่อนที่ม้าสีเงินขาวและม้าสีน้ำตาลแดงสองตัวจะเดินออกมา ในกลุ่มนั้นมีม้าสีน้ำตาลแดงตัวหนึ่งที่ปีเตอร์จำได้ว่าเคยเจอมาก่อน ดูเหมือนจะชื่อเบน
ม้าเซนทอร์ทั้งสองมองดูความเสียหายรอบตัวและเหล่าสัตว์ที่ถูกขังในกรง รวมถึงปีเตอร์ที่ยืนอยู่เพียงลำพัง เบนจึงเดินเข้ามาถามว่า "เธอคือปีเตอร์ ยอร์ก ใช่ไหม? บอกพวกเราได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่?"
ปีเตอร์ชี้ไปยังร่างของกรีนที่ถูกจับมัดแน่น พร้อมอธิบายว่า "พ่อมดคนนี้เป็นพ่อค้าที่ค้าขายสัตว์วิเศษ เขามาทำงานที่โรงเรียนเพื่อลักลอบเข้ามาล่าพวกสัตว์ในป่าต้องห้าม ตั้งใจจะจับไปขาย แล้วฉันก็บังเอิญมาเจอเข้า เลยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น"
เมื่อได้ยินคำอธิบายของปีเตอร์ ม้าเซนทอร์ทั้งสองมองดูอย่างไม่เชื่อ เบนถึงกับถามออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ "เธอหมายความว่าเธอเอาชนะพ่อมดคนนี้และจับเขามัดไว้ได้อย่างนั้นเหรอ?"
ปีเตอร์เห็นท่าทางไม่เชื่อของพวกเขา แม้ว่าเขาไม่อยากอธิบายมากนัก แต่ก็อยากได้ความช่วยเหลือจากพวกเซนทอร์ จึงพูดขึ้นว่า "พวกคุณสื่อสารกับยูนิคอร์นได้ไม่ใช่เหรอ? นี่พ่อมดคนนั้นจับตัวแม่กับลูกยูนิคอร์นมาไว้ คุณลองไปถามพวกเขาดูก็ได้" เขาพูดพร้อมชี้ไปที่แม่กับลูกยูนิคอร์นที่อยู่ในกรง
"ไดอาน่า! ทำไมเธอถึงถูกจับได้ล่ะ?" เบนเห็นยูนิคอร์นแล้วก็ตกใจร้องออกมาด้วยความเป็นห่วง
ยูนิคอร์นเมื่อเห็นเซนทอร์ ก็แสดงสีหน้าดีใจและเดินเข้ามาหาพวกเขาอย่างสนิทสนม
หลังจากได้พูดคุยกันสักพัก ใบหน้าของเซนทอร์ทั้งสองก็แสดงออกถึงความโกรธและประหลาดใจ ก่อนจะหันมามองปีเตอร์ด้วยสายตาไม่เชื่อ
"คุณยอร์ก ไดอาน่าเล่าให้เราฟังแล้ว ขอบคุณที่ช่วยพวกเขา พวกเราไม่ได้เห็นพวกเขามาหลายวันแล้ว เป็นห่วงมาก ที่แท้ก็ถูกพ่อมดชั่วจับไป!" เบนพูดด้วยความซาบซึ้ง "เรายังไม่ได้ขอบคุณเธอที่ครั้งก่อนส่งฟีนิกซ์มาช่วยเรา ไม่อย่างนั้นพวกเราคงจะกลายเป็นอาหารของแมงมุมแปดตาไปแล้ว!"
"ไม่เป็นไรหรอก ครั้งนั้นเป็นจังหวะพอดี และส่วนใหญ่เป็นเพราะฟิลด์ ฉันไม่ได้ทำอะไรมากเลย" ปีเตอร์พูดอย่างถ่อมตัว โดยให้เครดิตทั้งหมดแก่ฟีนิกซ์ เขาไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขาคือฟีนิกซ์ตัวนั้นเอง
"พูดถึงฟีนิกซ์ ไม่ทราบว่าคุณยอร์กจะเรียกเขาออกมาได้ไหม? พวกเราบังเอิญได้เก็บผลไม้ป่าบางอย่างมา มันเป็นผลไม้ที่นกชอบกินมาก เราอยากจะให้เขาลองชิมดูเพื่อเป็นการขอบคุณ" เบนหยิบผลไม้สีแดงฉ่ำออกมาจากกระเป๋าหนังสัตว์
"ขอบคุณในน้ำใจของพวกคุณ แต่ฟิลด์เพิ่งช่วยฉันจากคาถาพิฆาตของพ่อมดชั่วและต้องฟื้นฟูตัวเอง ตอนนี้เขายังเด็กเกินกว่าจะกินได้" ปีเตอร์พูดพลางหยิบฟิลด์ตัวน้อยออกจากกระเป๋าด้วยสีหน้าเศร้า