บทที่21
"ช่วยทำแพนเค้ก สเต็ก แล้วก็นมสองแก้วให้หน่อยนะ ขอบคุณ" ปีเตอร์เลือกอาหารอย่างเรียบง่ายและพูดอย่างสุภาพ
เอลฟ์ประจำบ้านนามว่าคิกคิกถึงกับตื่นเต้น "คุณพ่อมดเรียกฉันว่าคุณ! แล้วยังขอบคุณอีก! โอ้ คิกคิกจะต้องทำมื้อดึกที่ดีที่สุดให้คุณพ่อมดท่านนี้!"
ปีเตอร์เห็นท่าทีตื่นเต้นเกินเหตุของเอลฟ์ ก็รีบโบกมือปฏิเสธ “อย่าเสียเวลามากเลยนะ ทำแบบง่ายๆ ก็พอ แล้วฉันก็หิวมากแล้วด้วย”
"โอ้ คิกคิกทำให้คุณพ่อมดต้องหิวท้องกิ่ว คิกคิกต้องลงโทษตัวเอง!" เอลฟ์ตัวน้อยร้องเสียงแหลม พร้อมดีดนิ้วทำอาหารมื้อดึกให้ปีเตอร์อย่างรวดเร็ว ไม่ลืมที่จะเอาหัวโขกเสาหินในครัวอยู่เรื่อยๆ
ปีเตอร์ ยอร์กไม่เข้าใจแนวคิดประหลาดของเอลฟ์ที่ถูกกดขี่มาหลายพันปี และมักลงโทษตัวเองด้วยการทำร้ายตัวเอง ทั้งที่ในขณะเดียวกันก็ทำอาหารด้วยเวทมนตร์อย่างคล่องแคล่ว!
การได้เห็นเอลฟ์ใช้เวทมนตร์แบบไม่ต้องใช้ไม้กายสิทธิ์ทำให้ปีเตอร์นึกอยากเรียนรู้บ้าง มันช่างมหัศจรรย์ และน่าแปลกใจที่เอลฟ์ซึ่งมีพลังเวทอันเข้มข้นขนาดนี้กลับถูกพ่อมดแม่มดพิชิตมาได้
เพียงครู่เดียว อาหารอันหอมหวนก็มาปรากฏตรงหน้า ปีเตอร์อดชื่นชมเวทมนตร์ไม่ได้
เขาดันแก้วนมแก้วหนึ่งไปให้เซดริก พร้อมกับใช้มีดหั่นสเต็กและแพนเค้กของตัวเองก่อนลงมือทาน พลางชี้ไปที่แก้วนมพร้อมยิ้มแย้มว่า “ดื่มนมเยอะๆ ไว้ โตขึ้นจะได้สูงกว่านี้ไง”
ในแสงไฟสลัวของห้องครัว แสงเทียนสีส้มสะท้อนกับใบหน้าใสของปีเตอร์ ผมสีทองอ่อนหยักศกนุ่มทำให้เขาดูคล้ายกับเทวทูตในภาพวาด
เซดริกที่เผลอหลงไปกับรอยยิ้มอบอุ่นของปีเตอร์ จึงดื่มนมที่ปกติแล้วเขาไม่ชอบนักลงไปโดยไม่รู้ตัว
ปีเตอร์พอใจในรูปลักษณ์ของตัวเอง เพราะมนุษย์เป็นสัตว์ที่มักสนใจรูปลักษณ์ภายนอก ใบหน้าดีๆ สร้างความสะดวกในการเข้าสังคมและทิ้งความประทับใจแรกได้ดีทีเดียว
ค่ำคืนนี้เขาจึงลองปลดปล่อยตัวเองเล็กน้อย แสดงเสน่ห์ออกมาอย่างเต็มที่ และผลก็เห็นชัด ทุกคนต่างหลงใหลเขาไปหมด เขานึกถึงโวลเดอมอร์ที่ก่อนหน้านี้อาจจะใช้ใบหน้าหล่อเหลาของตัวเองดึงดูดให้หลายคนเข้าร่วมเป็นผู้เสพความตาย
หลังจากพิจารณาตัวเอง ปีเตอร์กับเซดริกก็ลาจากห้องครัวพร้อมกับการส่งเสียงอำลาของคิกคิก เมื่อเขาใช้คาถาย่อขนาดให้กับขนมที่เซดริกถืออยู่ ทั้งสองก็แยกย้ายกัน ปีเตอร์เดินกลับห้องใต้ดิน เพราะตอนนี้ใกล้จะถึงเวลาเคอร์ฟิวแล้ว เขาไม่อยากโดนจับได้
ตามกฎของโรงเรียน เวลาเคอร์ฟิวคือสี่ทุ่ม แต่เด็กนักเรียนมักไม่เข้านอนในเวลานั้น ดังนั้น เมื่อปีเตอร์กลับมาถึงหอพัก ก็ยังมีนักเรียนหลายคนอยู่ในห้องนั่งเล่นรวม บ้างก็คุยกัน บ้างก็เล่นหมากรุกเวทมนตร์
นอกจากนี้ยังมีคู่รักรุ่นพี่บางคู่ที่แสดงความรักกันอย่างไม่เกรงใจ ทำเอาปีเตอร์ที่เพิ่งกินอิ่มมาหมาดๆ รู้สึกจะสำลักกับบรรยากาศหวานๆ นี้
นักเรียนในห้องนั่งเล่นรวมต่างมองปีเตอร์อย่างเป็นมิตร บ้างพยักหน้าให้ เมื่อถูกอัลเลนดึงไปนั่งที่โซฟาข้างเตาผิงอย่างสบายๆ ปีเตอร์รู้สึกดีเป็นครั้งแรกที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสลิธีริน
หลังจากนั้นชีวิตของปีเตอร์ ยอร์ก ก็วนเวียนอยู่ระหว่างห้องเรียน หอพัก และห้องโถงใหญ่
ในวิชาสมุนไพรศาสตร์ของศาสตราจารย์สเปราต์ วิชาดาราศาสตร์ของศาสตราจารย์ซินนิสตร้า และวิชาการบินของมาดามฮูช เขาทำผลงานได้ดีจนได้รับรางวัลเพิ่มอีก 3 คะแนน ตอนนี้สะสมได้ 38 คะแนนแล้ว
วิชาพื้นฐานที่ศาสตราจารย์สอนนั้นไม่ยากสำหรับเขา เขายืมหนังสือคาถาฉบับสมบูรณ์จากห้องสมุดมาอ่าน โดยสามารถเรียนรู้คาถาของชั้นปีแรกได้อย่างรวดเร็ว แต่ในส่วนท้ายของหนังสือมีคาถาบางบทที่เหมาะสำหรับชั้นปีสูงกว่า เขาจึงจดไว้เพื่อหาวิธีฝึกในภายหลัง
เขาเลือกสถานที่ฝึกซ้อมเอาไว้แล้ว นั่นก็คือบ้านร้างที่ซ่อนอยู่ใต้ต้นวิลโลว์จอมหวด ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่หลบซ่อนตัวของรีมัส ลูปินในยามแปลงร่างเป็นมนุษย์หมาป่า ที่นั่นมีทางเชื่อมต่อไปยังบ้านผีสิงในฮอกส์มี้ด ไม่มีใครจะไปที่นั่น
แน่นอนว่าทางเลือกที่ดีที่สุดคือห้องต้องประสงค์บนชั้นแปด แต่เพราะอยู่ใกล้กับห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่ เขาจึงอาจถูกดัมเบิลดอร์พบได้ทุกเมื่อ
ด้วยความที่เขาเป็นนักเรียนสลิธีริน หากแสดงพรสวรรค์อันโดดเด่นเกินไป ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าดัมเบิลดอร์จะมีท่าทีอย่างไร ซึ่งเขาไม่ต้องการให้ใครจับตามองอยู่ตลอดเวลา
ในการไปฝึกที่ต้นวิลโลว์โดยไม่ให้ใครรู้ เขาจำเป็นต้องฝึกคาถาล่องหน ซึ่งเป็นคาถาขั้นสูงระดับมือปราบมาร มีประสิทธิภาพในการพรางตัวเหมือนเสื้อคลุมล่องหน
คาถาล่องหนสมกับที่เป็นคาถาขั้นสูง หลังจากฝึกอยู่หนึ่งสัปดาห์ ปีเตอร์ก็สามารถซ่อนแอปเปิ้ลลูกหนึ่งด้วยคาถาล่องหนได้สำเร็จ
"ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีกับผู้ใช้ที่ฝึกคาถาใหม่สำเร็จ รับรางวัล 2 คะแนน ตอนนี้มีคะแนนสะสม 40 คะแนนแล้ว!" ระบบแจ้งขึ้น
เมื่อปีเตอร์ได้ยินเสียงแจ้งเตือน เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ปกติคาถาที่เขาฝึกจะได้รับรางวัลเพียง 1 คะแนนเท่านั้น แต่คาถาล่องหนกลับได้รับรางวัลถึง 2 คะแนน! แสดงว่าความยากง่ายของคาถาก็มีผลต่อการให้คะแนนของระบบด้วย
ทีละนิดๆ เขาสามารถล่องหนสิ่งของได้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และสุดท้ายเขาลองล่องหนฟิลด์ ปรากฏว่าสำเร็จ!
เมื่อเห็นฟิลด์หายตัวไป ปีเตอร์ก็ถึงกับตบหัวตัวเองอย่างนึกเสียดาย
เขาฝึกคาถาล่องหนอย่างหนักมาร่วมเดือน กว่าจะนึกออกว่าตัวเองมีนกฟีนิกซ์ที่สามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างอิสระและสามารถพาเขาไปทุกที่
และตัวเขาเองก็สามารถแปลงร่างเป็นฟีนิกซ์ได้เช่นกัน ถ้าหากเขาเรียนรู้การเคลื่อนย้ายจากฟิลด์ได้ เขาก็อาจจะไม่จำเป็นต้องฝึกการหายตัวอีก แค่แปลงร่างเป็นฟีนิกซ์ก็สามารถเคลื่อนย้ายไปยังทุกที่ได้ทันที!
“ฟิลด์ นายช่วยพาฉันไปที่ใต้ต้นวิลโลว์ริมทะเลสาบได้ไหม?” ปีเตอร์ถามอย่างสนใจ
ฟิลด์พยักหน้า คว้าปีเตอร์ขึ้นมาและจุดไฟสีแดงสดขึ้นทั่วร่าง จากนั้นเพียงพริบตาเดียวพวกเขาก็มาโผล่ข้างต้นวิลโลว์จอมหวด
ตามความทรงจำจากตอนปีสามของแฮร์รี่ พอตเตอร์ ปีเตอร์หาต้นไม้ที่มีปุ่มตรงจุดอ่อนของมันเจอและใช้ก้อนหินขว้างไปที่ปุ่มนั้น ทำให้ต้นวิลโลว์หยุดเคลื่อนไหวชั่วคราว เขาจึงรีบมุดเข้าไปในโพรงใต้ต้นไม้
เขาเดินตามเส้นทางแคบๆ เข้าไป จนกระทั่งมาถึงบ้านไม้เก่าๆ