ตอนที่แล้วบทที่ 87 ปราสาทรัตติกาลนิรันดร์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 89 ยอมรับจากใจจริง

บทที่ 88 การต่อสู้ตัวต่อตัว


บทที่ 88 การต่อสู้ตัวต่อตัว

หลังจากได้ยินคำตอบของชิงเฟิง ลู่หยางก็เริ่มตระหนักอะไรขึ้นมาได้บ้างแล้ว โดยเรื่องนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับปัญหาภายในกิลด์ เขาจึงมองดูซิลเวอร์วูฟกับลอร์ดเดสทรอยเยอร์อย่างละเอียดอีกครั้ง

ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่าในชาติก่อนกิลด์ของฉือมู่เคยเกิดเหตุการกบฏขึ้นมาครั้งใหญ่ และผู้เล่นทั้งสองคนตรงหน้าก็คือหัวหอกของการก่อกบฏในครั้งนั้น

ในตอนที่เกมเพิ่งเปิดให้บริการฉือมู่ต้องการสร้างฐานอำนาจของตัวเองขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เขาจึงทำการเสนอผลตอบแทนที่สูงมากเพื่อดึงดูดสตูดิโอชั้นยอด รวมถึงเงื่อนไขการลาออกจากกิลด์อย่างอิสระซึ่งเป็นเงื่อนไขที่กิลด์อื่น ๆ ไม่มีทางหยิบยื่นให้

ด้วยเงื่อนไขข้อนี้เองทำให้ในภายหลังเมื่อกลุ่มทุนอื่นมาเสนอเงื่อนไขที่ดีกว่า ซิลเวอร์วูฟกับลอร์ดเดสทรอยเยอร์จึงทรยศฉือมู่อย่างไม่ลังเล

ส่วนเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นลู่หยางก็ไม่รู้รายละเอียดอะไรแล้ว เพราะตอนนั้นเขายังเป็นเพียงแค่ผู้เล่นธรรมดาจึงยังไม่มีเส้นสายมากพอที่จะรู้เรื่องราวภายในกิลด์ต่าง ๆ เว้นแต่ว่ามันจะมีข่าวหลุดออกมาสู่สาธารณะ

“ว่าไงไอ้หนู กล้าสู้ตัวต่อตัวกับฉันไหม?” ซิลเวอร์วูฟถามพร้อมกับชี้ขวานมาทางลู่หยาง

ชายหนุ่มกำลังคิดเรื่องอื่นอยู่เขาจึงไม่ทันได้ฟังคำถามของซิลเวอร์วูฟ เขาจึงมองไปทางฉือมู่พร้อมกับพิมพ์ถามขึ้นมาว่า

“ผมควรทำยังไง?”

ชายชราถอนหายใจและตอบกลับไปว่า

“เอาแบบนี้ ฉันขอให้ทั้งสองฝ่ายท้าประลองกันอย่างยุติธรรมเมื่อมีใครตายจะได้ไม่เสียค่าประสบการณ์”

ซิลเวอร์วูฟแค่นเสียงหัวเราะออกมาอย่างเย็นชาและพูดว่า

“ไม่มีปัญหา ผมก็แค่อยากจะลองดูฝีมือของเขาสักหน่อย ไม่ได้อยากทำให้หัวหน้าต้องมาลำบากใจ”

“ผมก็ไม่มีปัญหาอะไรเหมือนกัน ผมขอเพิ่มเงื่อนไขนิดหน่อย หากซิลเวอร์วูฟสามารถโจมตีผมได้เพียงแค่ครั้งเดียวภายใน 1 นาทีก็ให้ถือว่าเขาเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะไปได้เลย” ลู่หยางกล่าว

“อะไรนะ?” ทุกคนรอบข้างต่างก็อุทานออกมาอย่างตกตะลึงรวมถึงสมาชิกภายในทีมกว่า 10 คนที่อยู่บริเวณใกล้ ๆ นั้นด้วย

ลั่วซืออวี่จ้องมองไปทางลู่หยางอย่างพิจารณา ก่อนที่เธอจะพูดขึ้นมาว่า

“คุณอย่าพึ่งดูถูกซิลเวอร์วูฟมากนัก ตอนนี้เขาอยู่อันดับที่ 19 ในกระดานจัดอันดับ ฉันเชื่อว่าความสามารถของเขาไม่ได้ห่างชั้นกับคุณมากเท่าไหร่”

“อาจารย์อย่าตั้งเงื่อนไขแบบนั้นเลย ซิลเวอร์วูฟเรียนรู้สกิลไปเยอะมาก การโจมตีคุณให้โดนไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไรกับเขามากนัก” ชิงเฟิงพูดอย่างร้อนใจ

ลู่หยางเผยรอยยิ้มและพูดว่า

“ไม่เป็นไร มันเป็นแค่การต่อสู้สนุก ๆ ถ้าฉันแพ้ก็ถือว่าฉันทำให้คุณฉือมู่ผิดหวังและฉันก็จะเป็นคนถอนตัวออกไปจากทีมเอง”

หลังจากพูดจบชายหนุ่มก็ส่งคำขอท้าดวลไปให้ซิลเวอร์วูฟ

ซิลเวอร์วูฟเผยรอยยิ้มขึ้นมาอย่างดุร้าย ก่อนที่เขาจะแบกขวานยักษ์เดินออกห่างจากลู่หยางในระยะ 30 เมตรแล้วพูดว่า

“นายเลือกเองนะ”

“เลิกพูดไร้สาระแล้วมาสู้กันดีกว่า” ลู่หยางกล่าว

“ฉันจะคอยดูว่านายจะหลบการโจมตีของฉันได้สักกี่น้ำ” หลังจากพูดจบซิลเวอร์วูฟก็ยกขวานขึ้นสูงพร้อมกับใช้สกิลชาร์จเข้าใส่ลู่หยาง ซึ่งการทำแบบนี้จะทำให้ขวานสามารถสร้างความเสียหายได้มากกว่าปกติ 50%

เมื่อพิจารณาจากท่าทางการเคลื่อนไหว มันก็เห็นได้ชัดว่าซิลเวอร์วูฟได้เปิดโหมดอิสระในการต่อสู้และเขาก็มีความเชี่ยวชาญในการเล่นโหมดอิสระอยู่ในระดับหนึ่ง

อย่างไรก็ตามในสายตาของลู่หยางอีกฝ่ายก็เป็นเพียงแค่มือใหม่ที่เพิ่งจะหัดเล่นเกมได้แค่ไม่นาน นอกจากนี้เขายังสามารถหลบการชาร์จของบอสระดับลอร์ดเลเวล 30 ได้อย่างไม่มีปัญหา มันจึงไม่ต้องพูดถึงการหลบสกิลชาร์จของซิลเวอร์วูฟเลย

ชายหนุ่มจับจ้องร่างของซิลเวอร์วูฟที่กำลังพุ่งเข้ามาและในวินาทีที่ทั้งสองฝั่งกำลังจะปะทะกัน ร่างของลู่หยางก็กลายเป็นลำแสงสีขาวหายตัวไปจากตำแหน่งเดิม

ซิลเวอร์วูฟเหมือนจะคาดการณ์การเคลื่อนไหวของลู่หยางเอาไว้แล้ว เมื่อสกิลชาร์จพลาดเป้าเขาก็มองหาเป้าหมายในทันทีเพื่อเตรียมใช้สกิลอินเตอร์เซปพุ่งเข้าหาลู่หยางอีกครั้ง

ในที่สุดเขาก็ได้พบว่าลู่หยางยืนอยู่ด้านหลังห่างออกไปเพียงแค่ 4 เมตร และมันก็คือระยะขั้นต่ำที่จะทำให้เขาไม่สามารถใช้สกิลอินเตอร์เซปออกมาได้

ซิลเวอร์วูฟชะงักค้างไปประมาณ 1 วินาที ก่อนที่เขาจะตั้งสติวิ่งก้าวเท้าออกไปด้านหน้า เพราะท้ายที่สุดขวานสองมือก็เป็นอาวุธที่มีความยาวแล้วมันก็ทำให้เขาสามารถโจมตีออกไปได้ไกลถึง 2 เมตรเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามเมื่อเขาก้าวเท้าไปด้านหน้าลู่หยางก็ก้าวเท้าถอยหลังไปด้วยเช่นเดียวกันทำให้ระยะของทั้งสองฝ่ายยังคงเป็น 4 เมตรอยู่เสมอ และไม่ว่าซิลเวอร์วูฟจะพยายามก้าวเท้าเข้าไปแค่ไหนแต่มันก็ยังไม่ถึงระยะการโจมตีเสียที

เมื่อซิลเวอร์วูฟเห็นว่าการก้าวเท้าไปด้านหน้าไม่สามารถร่นระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายได้ เขาจึงตัดสินใจก้าวเท้าไปข้างหลังเพื่อหวังจะใช้สกิลอินเตอร์เซป แต่น่าเสียดายที่ลู่หยางรู้ทันเสียก่อน พอเขาก้าวเท้าถอยหลังลู่หยางก็ก้าวเท้าตามมาข้างหน้า

ซิลเวอร์วูฟพยายามวิ่งไปมากว่าสิบก้าว แต่ก็พบว่าระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายยังคงเป็น 4 เมตรอยู่เท่าเดิม เหตุการณ์นี้จึงทำให้ซิลเวอร์วูฟสับสนไปหมด เขาจึงพยายามปรับเปลี่ยนการเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน แต่ท้ายที่สุดลู่หยางก็ยังคงไล่ตามการเคลื่อนไหวของเขาได้เช่นเดิมราวกับว่าอีกฝ่ายสามารถอ่านการเคลื่อนไหวของเขาได้ล่วงหน้า

ระหว่างที่ซิลเวอร์วูฟแสดงสีหน้าอันสับสน ลู่หยางก็อดที่จะขำขึ้นมาไม่ได้และทันใดนั้นใบหน้าของซิลเวอร์วูฟก็แสดงความดุร้ายออกมา

แวเลี่ยนลีป!

“มาดูซิว่าในคราวนี้แกจะหลบยังไง?”

ซิลเวอร์วูฟกระโดดเข้าหาลู่หยางในทันที โดยสกิลนี้เป็นสกิลที่ 3 ที่นักรบเอาไว้ใช้ต่อกรกับนักเวทเพียงแต่อัตราการดรอปของหนังสือสกิลเล่มนี้อยู่ในระดับที่ต่ำมาก

ลู่หยางไม่คิดเหมือนกันว่าซิลเวอร์วูฟจะมีสกิลนี้อยู่ด้วย แต่มันก็ไม่มากพอที่จะทำให้ชายหนุ่มตื่นตระหนก ลู่หยางจึงก้าวเท้าไปทางขวา 2 ก้าวในพริบตาและสามารถหลบการโจมตีของซิลเวอร์วูฟได้อย่างฉิวเฉียด

ซิลเวอร์วูฟไม่คิดว่าลู่หยางจะสามารถหลบการโจมตีอย่างกะทันหันแบบนี้ได้ เมื่อเขาลงจอดบนพื้นเขาก็ยกขวานฟาดเข้าใส่พื้นในทันที

ธันเดอร์สไตรค์!

พื้นที่ในรัศมี 3 เมตรรอบตัวซิลเวอร์วูฟแตกออกพร้อมกับมีแสงสีขาวพวยพุ่งออกมาอย่างมากมาย ตอนที่ลู่หยางเห็นอีกฝ่ายยกขวานขึ้นมาเขาก็คาดเดาแล้วว่ามันจะต้องเป็นการโจมตีจากสกิลนี้อย่างแน่นอน เขาจึงก้าวเท้าถอยหลังหลบออกจากระยะการโจมตีได้อย่างทันท่วงที

การต่อสู้เพิ่งจะผ่านพ้นไปได้เพียงแค่ไม่กี่วินาที แต่มันกลับทำให้ผู้เล่นรอบข้างกลั้นหายใจด้วยความตื่นเต้น ระหว่างนี้ลั่วซืออวี่กับซิลเวอร์ไลท์แดนซ์กำลังมองดูลู่หยางด้วยความประหลาดใจปนยินดี เพราะพวกเธอก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีฝีมือดีขนาดนี้ด้วยเหมือนกัน

ซิลเวอร์วูฟไม่เคยคิดเลยว่าลู่หยางจะสามารถหลบการโจมตีทั้งหมดของเขาได้ โดยในตอนนี้สกิลการโจมตีระยะไกลทั้งหมดของเขาถูกใช้ออกไปจนหมดแล้ว ระยะเวลาคูลดาวน์ของแต่ละสกิลต่างก็ล้วนแล้วแต่เกินกว่า 30 วินาทีด้วยกันทั้งหมด หรือมันก็หมายความว่าในการต่อสู้ครั้งนี้เขาไม่มีโอกาสใช้สกิลโจมตีระยะไกลออกมาได้อีกแล้ว

ทันใดนั้นในแววตาของซิลเวอร์วูฟก็เต็มไปด้วยความโกรธ เพราะเขารู้สึกว่าการกระทำของอีกฝ่ายกำลังทำให้เขาขายหน้าอย่างหนัก

ทันใดนั่นเองฉือมู่ก็ส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาดังลั่นพร้อมกับปรบมือและเดินเข้ามายืนอยู่ระหว่างทั้งสองคน

“นี่เป็นการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมมาก เอาล่ะพวกเรามาพอกันแค่นี้ดีกว่า ทุกคนคงพอจะรู้ฝีมือของลู่หยางบ้างแล้ว ตอนนี้อย่าเสียเวลาทดสอบฝีมือกันอีกเลย พวกเราไปลงดันเจียนอย่าปล่อยให้กิลด์อื่นมาแย่งความสำเร็จของเราดีกว่า”

ซิลเวอร์วูฟรับรู้ได้ในทันทีว่านี่คือทางถอยที่ฉือมู่ได้มอบให้ เขาจึงเก็บขวานและพูดว่า

“ผมจะฟังคำสั่งของหัวหน้าครับ”

“ได้ครับ ถึงยังไงผมก็มาที่นี่เพื่อลงดันเจียนอยู่แล้ว” ลู่หยางตอบกลับโดยไม่มีข้อโต้แย้ง

เมื่อทุกคนได้ยินลู่หยางพูดแบบนี้พวกเขาก็แอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เพราะในตอนแรกพวกเขากลัวว่าลู่หยางจะไม่ให้เกียรติฉือมู่แล้วเลือกทำการสู้ต่อ ซึ่งในเวลานั้นซิลเวอร์วูฟก็คงจะขายหน้าหนักมากขึ้นกว่าเดิม

ฉือมู่กับชิงเฟิงมองลู่หยางด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความขอบคุณ แม้แต่ซิลเวอร์วูฟก็มองลู่หยางด้วยแววตาที่อ่อนลงไปกว่าเดิมมาก ส่วนทางด้านลั่วซืออวี่และคนอื่น ๆ ก็เริ่มมีความรู้สึกดี ๆ ให้กับลู่หยางขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน

ลั่วซืออวี่เดินมาหาลู่หยางพร้อมกับเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของหญิงสาว

“อาจารย์ ฉันก็เล่นเป็นนักเวทไฟเหมือนกัน ถ้าคุณมีเวลาว่างช่วยมาสอนฉันบ้างได้ไหม?”

หญิงสาวคนนี้มีรูปร่างสมส่วนอย่างที่ผู้หญิงควรจะมี เมื่อผู้เล่นคนอื่นได้เห็นเธอออดอ้อนลู่หยางมันก็ทำให้เหล่าบรรดาชายหนุ่มอ้าปากค้างอย่างอิจฉา

อย่างไรก็ตามลู่หยางก็รู้ดีว่าสาวสวยคนนี้มีความร้ายกาจมากแค่ไหน ถึงขนาดที่ในชาติก่อนเธอได้รับฉายาว่าเพชฌฆาตไร้เสียง เขาจึงไม่กล้าตัดสินผู้คนจากเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอก

“ผมก็เป็นมือใหม่เหมือนกัน ถ้ามีโอกาสพวกเราค่อยมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันนะครับ” ลู่หยางตอบ

“ตกลงตามนี้” ลั่วซืออวี่ตอบรับอย่างพึงพอใจ

“อาจารย์สอนฉันด้วย” ซิลเวอร์ไลท์แดนซ์เดินเข้ามาอย่างออดอ้อนด้วยเช่นกัน

“ได้แน่นอนครับ ไม่มีปัญหา” ลู่หยางตอบรับพร้อมกับแอบขำภายในใจ

สาว ๆ รุมล้อมเชียว คนเก่งมักเนื้อหอมเป็นเรื่องธรรมดา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด