บทที่ 87 ปราสาทรัตติกาลนิรันดร์
บทที่ 87 ปราสาทรัตติกาลนิรันดร์
ปราสาทรัตติกาลนิรันดร์เป็นดันเจียนเลเวล 5 ซึ่งเป็นแหล่งที่มาของอัญมณีสติปัญญา โดยดันเจียนระดับปกติถึงระดับเอ็กซ์เพิร์ทจะดรอปลงมาเพียงแค่เศษอัญมณีเท่านั้น ส่วนดันเจียนะดับอีปิคจะดรอปเสี้ยวอัญมณีลงมาให้
“มีปัญหาอะไรงั้นเหรอครับ?” ลู่หยางถามด้วยรอยยิ้ม
“ความเสียหายของทีมฉันไม่พอน่ะสิ ตอนนี้ทั่วทั้งเซิร์ฟเวอร์นายคือคนที่สร้างความเสียหายได้ดีที่สุดแล้วฉันเลยต้องการจะขอความช่วยเหลือจากนาย” ฉือมู่ตอบ
หลังจากได้ดูวิดีโอที่ลู่หยางพาทีมเคลียร์ดันเจียนเดทเคฟระดับอีปิค ฉือมู่ก็ได้รวบรวมกองกำลังทั้งหมดของกิลด์บุกดันเจียนตามแนวทางของชายหนุ่มเพื่อจัดหาอุปกรณ์เลเวล 3 ระดับเหล็กและอุปกรณ์ระดับเงินบางส่วนให้กับทีมชั้นยอดของกิลด์
ตอนนี้สมาชิกในทีมชั้นยอดมีเลเวล 6 แล้วฉือมู่จึงนำทีมบุกดันเจียนเลเวล 5 อย่างมั่นใจ ซึ่งเขาก็สามารถผ่านดันเจียนระดับปกติ, ระดับยากและระดับเอ็กซ์เพิร์ทได้ทั้งหมด แต่ในปัจจุบันเขามาติดดันเจียนอยู่ในระดับอีปิค
ตามกฎของเกมหากทีมใดสามารถเคลียร์ดันเจียนระดับอีปิคได้เป็นทีมแรก ทางระบบจะทำการประกาศรายชื่อสมาชิกภายในทีมไปทั่วทั้งเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งการประกาศนี้จะทำให้กิลด์ที่นำทีมได้รับเกียรติยศกลับมาอย่างมากมาย และฉือมู่ก็ต้องการใช้เกียรติยศนี้ในการดึงดูดผู้เล่นฝีมือดีเข้ามาภายในกิลด์เช่นกัน
แต่ความยากของดันเจียนเลเวล 5 ระดับอีปิคเกินความคาดหมายของชายชราไปมาก แม้แต่บอสตัวแรกก็สร้างปัญหาให้กับเขาจนปวดหัว ปัจจุบันทีมชั้นยอดของกิลด์ถูกกวาดล้างไปทั้งสิ้น 4 ครั้ง ฉือมู่จึงจำใจโทรมาขอความช่วยเหลือจากลู่หยาง
ขณะเดียวกันลู่หยางเองก็มีความตั้งใจจะลงดันเจียนปราสาทรัตติกาลนิรันดร์ระดับอีปิคเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพราะมันมีเพียงแต่การเคลียร์ดันเจียนในระดับนี้ถึงจะได้รับเสี้ยวอัญมณี ซึ่งก่อนหน้านี้ชายหนุ่มคิดจะไปขอความช่วยเหลือจากทีมของเซี่ยหยู่เว่ยด้วยซ้ำ เมื่อฉือมู่เสนอตัวเองมาลู่หยางก็ไม่รังเกียจที่จะให้ทีมของชายชรามาเป็นลูกมือ
“ผมช่วยได้แต่ว่าผมมีเงื่อนไข” ลู่หยางกล่าว
“ว่ามาได้เลย” ฉือมู่กล่าวโดยเขาพร้อมที่จะให้ค่าตอบแทน
“หากผมช่วยคุณเคลียร์ดันเจียนได้สำเร็จ ผมต้องการให้คุณรวบรวมอัญมณีสติปัญญาให้กับผม 8 ชิ้น” ลู่หยางกล่าว
“ไม่มีปัญหา” ฉือมู่ตอบตกลงทันทีโดยไม่ลังเล
เศษอัญมณี 4 ชิ้นสามารถนำไปประกอบเป็นเสี้ยวอัญมณีได้ 1 ชิ้นและเสี้ยวอัญมณี 4 ชิ้นสามารถนำไปประกอบเป็นอัญมณีที่สมบูรณ์ได้ 1 ชิ้น ข้อเรียกร้องของลู่หยางหมายถึงการรวบรวมเศษอัญมณี 128 ชิ้นเท่านั้น และเมื่อมันเทียบกับเกียรติยศที่ได้รับจากการเคลียร์ดันเจียนได้เป็นทีมแรก ค่าตอบแทนเพียงเท่านี้ไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่มากมายอะไรเลย
ลู่หยางรู้ดีว่าฉือมู่จะต้องตอบตกลง แต่เมื่อเขานึกถึงเรื่องที่ตัวเองกำลังถูกบลัดไทแรนท์ไล่ล่าเขาจึงพูดออกไปว่า
“มันยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ผมต้องบอกคุณ”
“เรื่องอะไร?” ฉือมู่ถาม
“คุณเห็นอุปกรณ์ระดับเงินราคา 100 เหรียญทองที่วางขายอยู่ในร้านประมูลไหม?” ลู่หยางถาม
ฉือมู่ส่งเสียงหัวเราะเพราะเขาเพิ่งรู้เรื่องนี้จากสายลับในบลัดเติสตี้เหมือนกัน
“ฉันเห็นแล้ว คราวนี้บลัดไทแรนท์โดนไปหนักเลย คนสมัครเข้าร่วมกิลด์ของเขาลดลงไปเยอะ ที่นายถามฉันแบบนี้หมายความว่ามันเป็นฝีมือของนายใช่ไหม?”
“ใช่ มันเป็นฝีมือของผมเอง คราวนี้ถ้าคุณให้ผมเข้าร่วมทีมมันอาจจะทำให้คุณกับบลัดเติสตี้ทำสงครามกันเพราะผมก็ได้” ลู่หยางกล่าว
“ช่างหัวมันสิ มันอยากจะหาเรื่องฉันเมื่อไหร่ก็ให้มันมาเลย” ฉือมู่ตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะเริ่มลงดันเจียนกันเมื่อไหร่?” ลู่หยางถาม
“นายกำหนดเวลามาได้เลยพวกเราพร้อมไปทุกเมื่อ” ฉือมู่ตอบ
“ถ้าอย่างนั้นก็เป็นวันนี้เลยก็แล้วกัน” ลู่หยางตอบเพราะถึงยังไงวันนี้เขาก็ยังไม่มีแผนการจะไปทำอะไรเป็นพิเศษ
ฉือมู่รอฟังประโยคนี้อยู่แล้วเขาจึงพูดขึ้นมาว่า
“ตอนนี้คนของฉันอยู่ในดันเจียนแล้วพวกเรายังจะต้องเตรียมอะไรเพิ่มอีกไหม?”
“ไม่ต้องครับ แค่พวกคุณรอผมอยู่ที่หน้าประตูดันเจียนก็พอ” ลู่หยางตอบขณะคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ดันเจียนปราสาทรัตติกาลนิรันดร์ระดับอีปิคไม่ใช่สิ่งที่ยากมากจนเกินไป ขอแค่มีไอเท็มบางอย่างมันก็สามารถผ่านดันเจียนนี้ได้ง่าย ๆ แล้ว
ชายหนุ่มเข้าไปในค่ายก็อบลินก่อนที่จะทำการซื้อม้วนคัมภีร์เสกแกะมา 5 ม้วน จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าตรงไปยังปราสาทรัตติกาลนิรันดร์
ปัจจุบันบริเวณหน้าปราสาทรัตติกาลนิรันดร์มีผู้เล่นรวมตัวกันอยู่อย่างมากมาย ส่วนใหญ่พวกเขาคือสมาชิกชั้นยอดของกิลด์ต่าง ๆ และแต่ละคนก็ติดตราสัญลักษณ์บริเวณหน้าอกอย่างชัดเจนทำให้สามารถแยกแยะผู้เล่นเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย
ลู่หยางสังเกตเห็นคนของบลัดเติสตี้ได้ในทันที ขณะที่อีกฝ่ายก็สังเกตเห็นตัวเขาด้วยเช่นกัน แต่นอกเหนือจากพวกเย่กู่ซิงที่ถูกสังหารในวันนั้นแล้ว มันก็ยังไม่มีใครรู้ว่านักเวทคนนี้แท้ที่จริงคือคนที่พวกเขาต้องการจะไล่ล่าอยู่
ชายหนุ่มอยากจะลงมือสังหารคนกลุ่มนี้ไปซะ แต่ผู้เล่นของกิลด์ใหญ่ต่างก็ล้วนแล้วแต่ระวังตัวกันอยู่เสมอ เมื่อเขาปรากฏตัวสายตาทุกคู่ก็จับจ้องมาอย่างพร้อมเพรียงกันทำให้ลู่หยางยังไม่มีโอกาสได้ลงมือ
เมื่อนึกถึงฉือมู่ที่กำลังรออยู่ในดันเจียน ลู่หยางก็ตัดสินใจปล่อยเรื่องนี้ไปก่อนและเดินทางเข้าไปในปราสาท
—
ฉือมู่กับชิงเฟิงกำลังนั่งวางแผนว่าพวกเขาจะจัดการกับบอสยังไง ทันใดนั้นลู่หยางก็ปรากฏตัว ชายชราจึงเผยรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์เป็นการต้อนรับ
“ยินดีต้อนรับน้องชาย”
ชิงเฟิงมองลู่หยางด้วยแววตาอันเป็นประกาย ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมาว่า
“ที่แท้ผู้เชี่ยวชาญที่หัวหน้าบอกจะเชิญมาก็คือคุณนี่เอง ถ้าทีมมีคุณอยู่ด้วยพวกเราจะต้องผ่านดันเจียนไปได้แน่ ๆ”
“มันก็ไม่แน่เสมอไปหรอก ฉันแค่ลองมาช่วยดูเท่านั้น” ลู่หยางกล่าว
ฉือมู่ส่งเสียงหัวเราะก่อนจะพูดออกมาว่า
“น้องชายจะถ่อมตัวมากจนเกินไปแล้ว มานี่สิเดี๋ยวฉันจะแนะนำทุกคนให้รู้จัก”
ชายชรารอให้ลู่หยางเดินเข้ามาใกล้ ก่อนที่เขาจะชี้นิ้วไปยังนักรบ 3 คนและนักเวทอีกสองคนที่อยู่ข้าง ๆ
“คนนี้คือชิงเฟิงที่นายเคยเจอมาแล้ว ดังนั้นฉันไม่จำเป็นจะต้องแนะนำมาก นักรบสองคนนี้คือซิลเวอร์วูฟกับลอร์ดเดสทรอยเยอร์ พวกเขาทั้งคู่เป็นผู้นำสตูดิโอชั้นนำของประเทศ ส่วนนักเวทสาวสวยสองคนนี้คือซิลเวอร์ไลท์แดนซ์กับลั่วซืออวี่เป็นผู้นำของสตูดิโอเหมือนกัน”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ทีมของคุณนี่มีแต่คนเก่ง ๆ เต็มไปหมดเลย” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ฉือมู่เผยรอยยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ เพราะในตอนที่เกิดการแย่งชิงสตูดิโอมืออาชีพมาเข้าร่วมกิลด์ เขาคือคนที่สามารถดึงตัวสตูดิโอชั้นนำมาเข้าร่วมได้มากที่สุด
“น้องชายคนนี้คือลู่หยาง แล้วเขาคือผู้เชี่ยวชาญอันดับ 1 ที่อยู่ในกระดานจัดอันดับเลเวล” ฉือมู่แนะนำลู่หยางให้ทั้งสี่ได้รู้จัก
ซิลเวอร์วูฟกับลั่วซืออวี่ขมวดคิ้วและพวกเขาก็ไม่ค่อยชอบเรื่องที่ลู่หยางเดินทางมาในครั้งนี้เท่าไหร่ ท้ายที่สุดการที่ฉือมู่ชักชวนคนนอกมามันก็ชัดเจนว่าชายชราไม่ไว้ใจพวกเขา
“หัวหน้าแบบนี้มันหมายความว่ายังไง?” ซิลเวอร์วูฟเป็นคนแรกที่ทักท้วง เพราะการที่ลู่หยางมาเข้าร่วมเกม มันก็หมายความว่าลูกน้องของเขาจะต้องถูกถอดออกจากทีมด้วยเช่นกัน
ฉือมู่นิ่งอึ้งไปเพราะเขาไม่คิดว่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะมีปฏิกิริยาที่รุนแรงแบบนี้
“มีปัญหาอะไร?”
“เขาคนนี้มามันจะไปมีประโยชน์อะไร? แค่เปลี่ยนผู้เล่นคนเดียวมันจะมากพอจนทำให้พวกเราผ่านดันเจียนได้งั้นเหรอครับ” ซิลเวอร์วูฟพูดอย่างไม่พอใจ
“ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน อีกอย่างถ้าหัวหน้าคิดจะให้คนนอกเข้ามาคุณก็ควรปรึกษาพวกเราก่อนนะครับ” ลอร์ดเดสทรอยเยอร์พูดเสริม
ฉือมู่เผยรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์และเขาก็สามารถทำความเข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าคนเหล่านี้เต็มไปด้วยความทะนงตัว และพวกเขาก็ไม่อยากให้มีคนพูดว่าสาเหตุที่พวกเขาสามารถผ่านดันเจียนได้นั่นก็เพราะความช่วยเหลือจากคนนอก
“ขอโทษด้วยคราวนี้ฉันตัดสินใจไปโดยพลการ แต่พวกนายก็น่าจะรู้ว่าเป้าหมายของเราคือการเป็นกิลด์อันดับ 1 ของเกม เพื่อเป้าหมายนี้ขอให้ทุกคนช่วยอดทนกันหน่อยจะได้ไหม?”
“ไม่ได้” ซิลเวอร์วูฟปฏิเสธ
“แล้วจะต้องทำยังไงถึงจะได้” ฉือมู่ยังคงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ผมขอลองสู้ตัวต่อตัวกับเขาก่อน ถ้าหากเขารับมือผมได้ 1 นาทีจะถือว่าผมเป็นฝ่ายแพ้” ซิลเวอร์วูฟกล่าว
ลู่หยางกำลังตกใจกับท่าทีของทุกคน เขาจึงส่งข้อความไปถามชิงเฟิงที่อยู่ข้าง ๆ
“หัวหน้าของคุณไม่ได้ส่งวิดีโอของฉันให้พวกเขาดูเหรอ?”
“เรื่องนี้มันค่อนข้างซับซ้อน แต่เดี๋ยวอีกไม่นานคุณก็จะรู้เอง” ชิงเฟิงแอบพิมพ์ตอบ