บทที่ 70 เก้าห้า มังกรเหินฟ้า + ประกาศยุติ
"คุณหนู ให้บ่าวดูบ้างสักหน่อยเถอะเจ้าคะ แค่แวบเดียว"
"จะดูอะไรกัน ไปเตรียมยาห้ามเลือด น้ำร้อน กับผ้าขนหนูมาดีกว่า"
"คุณหนูจะเอาไปทำอะไรหรือเจ้าคะ? ...ช่างเถอะ บ่าว...บ่าวไม่รบเร้าแล้ว ให้คุณหนูดูคนเดียวก็ได้"
"ไม่ใช่หรอก เดี๋ยวพี่เซี่ยกลับมาจะได้ใช้น่ะ"
"อะไรนะเจ้าคะ! เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูเซี่ยหรือ"
"นายอำเภอหนุ่มหล่อที่เจ้าชอบกำลังใช้แส้เฆี่ยนอยู่น่ะ"
"..." สาวใช้หน้ากลมเหมือนซาลาเปานิ่งงันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกระโดดโลดเต้น "ว้าว! ตื่นเต้นจังเลย คุณหนู ขอดูหน่อยเถอะ ขอดูแวบเดียวนะเจ้าคะ!"
"?"
หญิงสาวร่างบางในชุดกี่เพ้าลายดอกเหมยไม่ได้ทำเหมือนสาวใช้หน้าซาลาเปาที่ถูกไล่ลงมาก่อนหน้านี้ ที่ยืนกอดอกพิงกำแพง
ราวกับรังเกียจความสกปรก นางวางมือซ้ายไว้ที่หลัง ใช้นิ้วชี้ขวาเพียงนิ้วเดียวยันระหว่างอกกับกำแพงแดง เพียงนิ้วเรียวบางนั้นก็ค้ำร่างที่เอนอยู่ได้ นางเชิดคอชะโงกหน้ามองข้ามกำแพง พูดโดยไม่หันหลังกลับมา:
"ไม่มีอะไรให้ดูหรอก"
"แต่คุณหนูยังแย่งที่บ่าวอยู่เลย ทั้งม้านั่งและก้อนหิน บ่าวจัดเตรียมไว้ทั้งนั้น แถมยังมีเมล็ดแตงโม... อึก"
"ฉันไม่กินเมล็ดแตงโมของเจ้าหรอก"
ซูกัวเอ่อร์แบะปาก: "ข้าแค่เบื่อๆ แต่พูดถึงเรื่องนี้ สาวใช้โง่เง่าอย่างเจ้า การเลือกที่นั่งกะเทาะเมล็ดแตงโมดูละครก็ไม่เลวนะ มองเห็นได้กว้างไกล... ยังมีพรสวรรค์ด้านการสอดแนมอยู่บ้าง น่าเสียดายที่เอามาใช้กับเรื่องพรรค์นี้"
"..."
ไฉ่ซูที่นั่งยองๆ อยู่บนพื้น เงยหน้าน้อยๆ ถามอย่างน้อยใจ:
"คุณหนูไม่ได้บอกหรือว่าวันนี้จะไปวัดตงหลิน?"
"ดูเสร็จค่อยไป..."
เสียงตอบของซูกัวเอ่อร์ค่อยๆ เบาลง ราวกับจิตใจล่องลอยไปที่อื่น
ใต้กิ่งเหมยที่ยื่นพ้นกำแพง ดวงตาของนางจ้องมองไปยังหน้าที่ว่าการอำเภอหลงเฉิงในระยะไม่ไกล สะท้อนภาพของนายอำเภอหนุ่มที่กำลังประกาศก้องอย่างชัดเจน
ในจังหวะหนึ่ง หลังจากที่นายอำเภอหนุ่มประกาศแผนก่อสร้างใหม่ที่สร้างความตกตะลึงให้ทุกคนแล้วจากไปอย่างสง่างาม
ภายในกำแพงแดง หญิงสาวในชุดกี่เพ้าลายดอกเหมยที่เขย่งปลายเท้าหรี่ตามองพยักหน้า นิ้วชี้ที่ยันระหว่างอกกับกำแพงแดงดันตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย อาศัยแรงนั้นหมุนตัว
หันหลังให้กำแพงแดง มือทั้งสองจับชายกระโปรงเบาๆ กระโดดลงจากม้านั่งที่รองด้วยก้อนหิน กลางอากาศ ชุดกี่เพ้าสีพีชอ่อนที่สวมวันนี้ ชายกระโปรงพลิ้วสะบัด
"คุณหนูระวังด้วยนะเจ้าคะ" ไฉ่ซูลุกขึ้นยืนยื่นมือออกไปรับท่า
ราวกับมีพื้นฐานการเต้นรำ รองเท้าปักของหญิงสาวแตะพื้น ขายาวใต้กระโปรงย่อตัวเล็กน้อยเพื่อรับแรง คล่องแคล่วและสวยงาม นางหันหน้า แขนปัดมือที่สาวใช้ยื่นมาช่วยพยุงออก ยิ้มน้อยๆ พลางท่อง: "นี่เรียกว่า เก้าห้า มังกรเหินฟ้า"
"ยังจะบินอีก คุณหนูไม่ได้บินมานานแล้วนะเจ้าคะ..."
ซูกัวเอ่อร์ประสานมือไว้ด้านหลัง เดินจากไปโดยไม่อธิบาย
ไฉ่ซูได้แต่ถอนหายใจ รีบวิ่งตามไป
คุณหนูของนางดูเรียบร้อยเช่นนี้เพราะโตแล้ว สมัยเด็กนั้น คุณหนูเป็นคนซุกซน เอาแต่ใจ อารมณ์ร้อน ปีนต้นไม้ กระโดดกำแพง เหาะเหินเดินอากาศ ราวกับเด็กผู้ชาย น่าสงสารไฉ่ซูที่ต้องวิ่งตามก้นคุณหนูทั้งวัน
แต่ภายหลังคงเบื่อแล้ว พออายุมากขึ้น คุณหนูก็เริ่มเรียบร้อยเงียบขรึมลง เริ่มเปิดตำราอ่าน ขมวดคิ้วใจจดใจจ่อ อ่านหนังสือวาดภาพ ต่อมา หีบหนังสือในห้องก็สะสมมากขึ้นเรื่อยๆ ลานตากหนังสือของไฉ่ซูก็ต้องย้ายไปที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนนิสัยเอาแต่ใจดื้อรั้นแต่เดิมก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเย็นชาและห่างเหินมากขึ้น ไม่รู้ว่านี่เป็นการเปลี่ยนแปลงหรือเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการพัฒนาลึกซึ้งกันแน่
แต่สาวใช้หน้าซาลาเปาก็ยังชอบนิสัยแบบแรกมากกว่า เพราะตอนเด็กๆ คุณหนูแม้จะเอาแต่ใจชอบรังแกนาง แต่อย่างน้อยก็จริงใจไร้เดียงสา นางพอจะเข้าใจความคิดคุณหนูได้
แต่คุณหนูทุกวันนี้พูดน้อยลงเรื่อยๆ นิสัยยิ่งสูงส่งเย็นชา ไฉ่ซูมักตามจังหวะไม่ทัน นางคิดว่าท่านพ่อท่านแม่ก็คงรู้สึกเช่นเดียวกัน
แต่...ใครใช้ให้คุณหนูเป็นที่รักของทุกคนในจวนสกุลซูตั้งแต่เด็กล่ะ
ท่านพ่อ ท่านแม่ และคุณชายใหญ่ต่างก็หมุนรอบตัวนาง
ได้ยินว่าที่คุณหนูมีชื่อเล่นว่ากั๋วเอ้อร์ เพราะตอนนั้นตระกูลตกต่ำ ระหว่างย้ายไปเมืองเจียงโจว เส้นทางขรุขระ ฮูหยินใหญ่สกุลเหวยพลาดพลั้งกระทบกระเทือนคลอดก่อนกำหนด พอคุณหนูลืมตาดูโลก ท่านพ่อก็รีบถอดเสื้อคลุมห่อตัวนางไว้ทันที
อาจเพราะเป็นลูกสาว หรืออาจรู้สึกผิดที่คุณหนูเกิดมาตอนตระกูลตกต่ำต้องลำบาก ท่านพ่อท่านแม่จึงตามใจทุกอย่างตั้งแต่เด็ก ไม่เคยขัดใจ
ไฉ่ซูแม้จะไม่ได้ปีนกำแพงไปดู แต่ก็ตั้งใจฟังเสียงความเคลื่อนไหวอยู่
"ไม่ค่อยแน่ใจ ข้าก็เพิ่งเคยได้ยินเรื่องชลประทานแบบนี้เป็นครั้งแรก"
"ยังมีเรื่องที่คุณหนูไม่รู้ด้วยหรือเจ้าคะ?"
"การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด แต่ละวิชาล้วนมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ชายผู้นี้มีความสามารถโดดเด่นในการจัดการน้ำ อีกทั้งยังมีความสามารถในการปฏิบัติจริง นอกจากท่านอาจารย์ตี๋แล้ว นายอำเภอหลงเฉิงคนก่อนๆ ล้วนสู้เขาไม่ได้ การเป็นเพียงนายอำเภอเล็กๆ นับว่าเสียของ"
ไฉ่ซูครุ่นคิดแล้วพึมพำถาม: "งั้นก็ไม่ใช่แค่หน้าตาดีสินะเจ้าคะ? อย่างน้อยก็คงไม่ใช่คนหน้าไหว้หลังหลอกแล้วใช่ไหมเจ้าคะ..."
หญิงสาวรูปโฉมงดงามที่เดินนำหน้าอยู่พลันหยุดฝีเท้า หันกลับมาดึงแก้มกลมป้อมของสาวใช้ที่เบรกไม่ทันชนหลังนาง
"โอ๊ย เจ็บๆๆ" ไฉ่ซูรีบขอความเมตตายอมจำนน
"เป็นไง... ดีใจที่คนรักมีความสามารถสินะ?" ซูกัวเอ่อร์ชำเลืองมองเธอ
"อุ๊ย คนรักอะไรกันเจ้าคะ คุณหนูอย่าพูดเหลวไหลสิ"
"ไม่ใช่คนรัก แล้วเจ้าพร่ำพูดถึงเขาทำไม ข้าเห็นแม้แต่พี่สาวตระกูลเซี่ยยังไม่ได้พูดถึงบ่อยเท่าเจ้าเลย"
"อู้ฮู ไม่ใช่บ่าวคนเดียวที่พูดนะเจ้าคะ พวกพี่สาวในจวนต่างก็กระซิบกระซาบกันว่านายอำเภอคนใหม่ข้างๆ หล่อ บ่าวแค่พูดตามเท่านั้นเองเจ้าค่ะ"
สาวใช้หน้าซาลาเปารีบโบกมือปฏิเสธ
ซูกัวเอ่อร์ไม่พูดอะไร หลุบตาลง บีบแก้มนุ่มนิ่มนั่นอีกครั้ง แล้วหมุนตัวกลับเข้าห้อง
"ไปเตรียมยาห้ามเลือด น้ำร้อน ผ้าขนหนูเถอะ อีกอย่าง เอาชาลู่ซานในตู้ห้องตะวันตกออกมาก่อน อีกไม่กี่วันเจ้าคงได้พบ 'คนรัก' แล้ว"
ไฉ่ซูชะงักงัน
ซูกัวเอ่อร์กลับเข้าห้อง ก้มหน้าพลิกอ่านรวมบทกวีของเถาหยวนหมิงสักพัก ระหว่างนั้นก็ปิดหนังสือบ่อยครั้ง ราวกับจิตใจไม่ได้อยู่กับการอ่าน
ประโยคหนึ่งของไฉ่ซพูดถูก
ก่อนหน้านี้นางไม่เคยคิดว่า บัณฑิตเอกดอกเหมยที่รุ่งโรจน์ไร้ขีดจำกัด แท้จริงแล้วเป็นขุนนางที่มีความสามารถสูง สามารถอยู่ในหอหลินไท่แห่งกรมอักษรในเมืองหลวงได้อย่างสุขสบาย 'บัณฑิตซ่อนความสามารถ' ทำไมถึงต้องมาทำตัวเป็นขุนนางที่กล้าเสนอความเห็นต่อจักรพรรดิโดยตรง เอาชีวิตเข้าแลกกับชื่อเสียงเช่นนี้? เอาอนาคตมาเล่นๆ หรือ?
หรือว่าตั้งใจ? ไม่ว่าจะอย่างไร ความรู้สึกที่ต้องปรับเปลี่ยนการประเมินขีดจำกัดของเขาใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นนี้
ทำให้นางที่ไม่เคยพลาดพลั้งรู้สึกพ่ายแพ้เล็กน้อย
"หรือว่าจะยังเปลี่ยนไปได้อีก?"
ในศาลาริมน้ำ หญิงสาวในชุดกี่เพ้าลายดอกเหมยที่ทั้งหยิ่งในศักดิ์ศรีและเย็นชาปิดหนังสือกัดริมฝีปาก ชั่วขณะนั้นรู้สึกขัดใจกับบางคนเล็กน้อย
...
หลังจากคดีไถ่ทาสหมิงจูที่ดึงดูดสายตาชาวเมืองทั้งหมดจบลงอย่างสมบูรณ์
ที่ว่าการอำเภอหลงเฉิงบนถนนลู่หมิงทั้งในและนอกยังคงคึกคักอย่างยิ่ง
ข่าวที่ว่านายอำเภอหนุ่มจะตัดโค้งให้ตรงในลำธารผีเสื้อที่ไม่เคยเปลี่ยนเส้นทางมาร้อยปี แพร่สะพัดไปทั่วเมืองโบราณพันปีแห่งนี้ พร้อมกับการแยกย้ายของชาวบ้านที่มาดูการพิจารณาคดีวันนี้
ทั้งตามท้องถนน ตรอกซอย ตลาดสด โรงเตี๊ยม และร้านน้ำชา ต่างพูดคุยกันไม่หยุด การพิจารณาคดีและแผนก่อสร้างใหม่ของนายอำเภอหนุ่มกลายเป็นหัวข้อสนทนายามว่างของชาวหลงเฉิงในช่วงนี้
ตามคำสั่งของนายอำเภอหนุ่ม ที่ว่าการอำเภอหลงเฉิงได้นำแบบจำลองการจัดการน้ำที่แสดงความหวังอันงดงามนั้น มาตั้งไว้บนถนนลู่หมิง จัดแสดงตลอดทั้งวัน ให้ชาวหลงเฉิงที่สนใจมาชมได้
บางคนตื่นเต้น บางคนมองไปข้างหน้า และบางคนก็กังวลสงสัย
เสียงตอบรับจากทุกฝ่าย อารมณ์ความรู้สึกต่างๆ ปฏิกิริยาหลากหลาย ไม่ว่าจะมองโลกในแง่ดีหรือร้าย ล้วนทยอยส่งมาถึงโต๊ะทำงานในที่ว่าการอำเภอหลงเฉิง ถูกกดไว้ด้วยมือใหญ่เรียวยาว ข้อนิ้วชัดเจนคู่หนึ่ง
เอกสารที่เกี่ยวข้องกับแผนก่อสร้างใหม่ทยอยออกจากมือบนโต๊ะทำงานนี้อย่างต่อเนื่อง ดำเนินการอย่างมุ่งมั่นไม่หวั่นไหว...
ไม่ว่าอย่างไร
ในช่วงธรรมดาหลังเทศกาลตวนอู่และก่อนเข้าฤดูเซี่ยวซู่ ผู้คนค่อยๆ ตระหนักว่า เมืองโบราณพันปีแห่งเจียงหนานในมณฑลเจียงโจวนี้ กำลังค่อยๆ เปลี่ยนแปลงท่ามกลางสายฝนพรำในฤดูเหมย
...
(จบบท)
หนิงหนิงต้องขออภัยผู้อ่านทุกท่านนะคะ เรื่อง “ผู้ดีจอมปลอมอย่างข้า คือโชคชะตาที่ดีที่สุด” ขอยุติการแปลเพียงเท่านี้ ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ ขอโทษด้วยจริงๆค่ะ
ทางเราไม่อยากเทเลย แต่ยอดอ่านเรื่องนี้น้อยมาก(ทั้งที่ยังไม่ติดเหรีญ)บวกกับจำนวนคำต่อตอนที่ค่อนข้างเยอะ ทางผู้แปลกับทีมงานไปต่อไม่ไหว🥹 ต้องขอโทษทุกคนอีกทีนึงนะคะ
ชื่อจีน “不是吧君子也防”
เรื่องนี้ยังไม่จบ
ปัจจุบันมี 700++ ตอนค่า
💖💖💖