ตอนที่แล้วบทที่ 46:เยียวยา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 48:อู๋หมิง

บทที่ 47:อนาคต


บทที่ 47:อนาคต

ลู่หย่วนหมิงใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็กลับมาถึงCDอีกครั้ง เช่นเดิม เขาเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ แต่คราวนี้คนที่นั่งข้าง ๆ เขา ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญหญิงคนนั้นอีกแล้ว แต่เป็นเกยูหรงผู้มีใบหน้าสวยงามราวกับนางฟ้า

แต่ลู่หย่วนหมิงไม่มีความสุขเลย เขาอยากนั่งข้างผู้เชี่ยวชาญหญิงคนนั้น ที่พูดจาไม่น่าฟังมากกว่า…

อย่างไรก็ตาม…

ลู่หย่วนหมิงแอบมองเกยูหรงเป็นครั้งคราว

ผู้หญิงคนนี้ สวยมากจริง ๆ

ขอโทษนะ ก็เพราะลู่หย่วนหมิงชายหนุ่มโสดสนิท เขาพบว่าเกยูหรงนั้นตรงกับสเปกของเขาอย่างที่สุด ตั้งแต่ทรงผม ใบหน้า การแต่งตัว รูปร่าง ไปจนถึงขาเรียวสวยสองข้าง…

แม้แต่ท่าทางที่ตั้งใจพูดคุยทำงาน แต่กลับแฝงไปด้วยความเขินอาย ก็ล้วนแตะต้องจุดอ่อนในใจเขา

(แต่เลขานุการคนนี้แต่งตัวแบบนี้ และไม่ได้แต่งหน้า ไม่ได้แต่งหน้าเลย… ไม่จริงน่า!)

ลู่หย่วนหมิงนึกถึงความทรงจำเก่า ๆ นั่นคือตอนเขาเพิ่งจบมหาวิทยาลัยก่อนที่จะถูกรถชนจนกลายเป็นคนไข้ คืนหนึ่งเขาใช้เบราว์เซอร์…

จบแล้ว!!

ใบหน้าของลู่หย่วนหมิงเปลี่ยนสีฉับพลันเป็นสีเขียวปนขาว แววตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวังพร้อมกับท่าทางราวกับต้องการจะทำลายทุกอย่าง

(เขาเข้าใจแล้ว ว่าทำไมพวกเขาถึงร้องตะโกนให้ลบประวัติในคอมพิวเตอร์เวลาเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน )

ลู่หย่วนหมิงไม่รู้ตัวเลยว่าใบหน้าของเขากำลังถูกวิเคราะห์โดยมนุษย์หลายหมื่นคน เมื่อเขาแสดงออกถึงความสิ้นหวังและความต้องการทำลายล้างโลก ท่าทางของเขานั้นดูจริงจังจนทำให้หลายหมื่นคนสลบไป จากนั้นข้อมูลที่วิเคราะห์ได้จากสีหน้าของเขาก็ถูกส่งไปยังผู้บังคับบัญชาสูงสุด ไปถึงทหาร ไปถึงโต๊ะของหัวหน้า รวมถึงหวางหล่าว

ไม่นาน แผนการอพยพประชาชนทั้งเมือง แผนการระดมพลของกองทัพภาคตะวันตกเฉียงใต้ แม้กระทั่งแผนการ "เตะสองเท้า" และแผนการต่าง ๆ อีกมากมาย ต่างก็ถูกเขียนขึ้นโดยหน่วยข่าวกรอง แล้วส่งไปยังโต๊ะของหัวหน้าอย่างรวดเร็ว

หวางหล่าวซึ่งกำลังอยู่ในศูนย์บัญชาการเมื่อเห็นแผนการเหล่านี้ ก็รู้สึกเหมือนใจเต้นรัวจนเกือบจะหมดสติ เขาถึงกับต้องเอามือทาบอกแล้วหายใจหอบ

ทหารรีบวิ่งไปหาหวางหล่าวทันที พร้อมกันนั้นแพทย์พยาบาลก็รีบเข้ามา แพทย์คนหนึ่งคว้ายาออกมาให้หวางหล่าวกลืน จากนั้นก็วัดความดันโลหิต ชีพจร และอื่น ๆ

หวางหล่าวกลืนยาเม็ดรักษาหัวใจลงไป เขารีบผลักหมอออกไปพร้อมกับก้าวขาใหญ่ ๆ มุ่งหน้าไปยังห้องประชุมศูนย์บัญชาการ เหล่าแพทย์และพยาบาลต่างตกใจพากันร้องเสียงอึกทึก หมอชราที่เป็นหัวหน้าตะโกนขึ้นว่า “หวางหล่าว คุณต้องพักผ่อน ชีพจรไม่ปกติ ตามกฎระเบียบ เราต้อง….”

“อย่ามาพูดเรื่องกฎระเบียบกับฉัน!”

หวางหล่าวหน้าเครียด ขณะเดิน มุมตาของเขาดูเหมือนจะมีหยดน้ำใส ๆ เขาจึงรีบถอดแว่นตาออก ถูตาเบา ๆ พลางสั่ง “ประชุมด่วน แจ้งให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องมาพร้อมกับเตรียมห้องประชุมส่วนตัว ฉันจะประชุมทางวีดีโอกับพวกคณะกรรมการ!”

คำสั่งออกไปแล้ว ไม่นาน หวางหล่าวก็มาถึงห้องเล็ก ๆ บนผนังของห้องมีหน้าจอหลายจอ ภาพของผู้คนอื่น ๆ ปรากฏขึ้นบนหน้าจอแล้ว

“แผนอื่น ๆ ยังพอรับได้ แต่แผนเห็ด นี่ ใครเป็นคนเสนอ? บ้าไปแล้ว! ที่นี่ไม่ใช่ป่ารกร้าง การปลูกเห็ดบนผืนแผ่นดินที่ประชากรอาศัยอยู่ นั่นเท่ากับทำให้เรากลายเป็นคนผิดในประวัติศาสตร์!”

“ผมไม่เห็นด้วยเด็ดขาด! ถ้าทำจริง พวกเราที่นั่งอยู่ในที่นี้ เมื่อถึงเวลาลงไปจะมีหน้าไปพบบรรพบุรุษ จะไปบอกบุคคลสำคัญว่าเราไม่ได้นำแสงสว่างมาสู่มนุษย์ทั้งโลก และไม่ได้ปกป้องประชาชนจากวิญญาณร้าย แต่เราปลูกเห็ดบนแผ่นดินของตัวเอง บนเมืองของตัวเองงั้นเหรอ… ผมไม่เห็นด้วยเด็ดขาด!”

ณ ขณะนั้น ไม่ใช่แค่หวางหล่าวที่กำลังขยี้ตาแต่ทุกคนที่อยู่ในวิดีโอก็ขยี้ตาเช่นกัน หนุ่มร่างผอมบางคนหนึ่งดูอายุน้อยที่สุด เพียงแค่กลางวัย คล้ายกับหวางหล่าวค่อย ๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยว่า "เราเจอแต่เรื่องร้าย ๆ เกิดอะไรขึ้น…พึ่งจะดีขึ้นมา พึ่งจะเห็นหนทางที่จะแซงหน้าอันดับหนึ่งได้ โควิดก็มาซะแล้ว พึ่งจะรอดจากโควิด กำลังคิดจะเร่งเศรษฐกิจ เหล่าสัตว์ประหลาดพวกนี้ก็มาอีก…"

หวางหล่าวตบโต๊ะดังลั่น "พูดบ้าอะไร! เราคือชาติจีน! บรรพบุรุษเรายิงดวงอาทิตย์ตกได้ถึงเก้าดวง! ขณะที่ทั่วโลกยอมรับชะตากรรมอยู่กับน้ำท่วม บรรพบุรุษเราต่อสู้กับน้ำท่วมมาตลอดไม่เคยยอมแพ้! ความยากลำบากพวกนี้คืออะไรกัน! ก่อนที่จะค้นพบผู้มีพลังพิเศษ เรายังผ่านมันมาได้ ตอนนี้เรามีคุณลู่เข้าร่วมด้วย เราจะกลัวอะไรอีก! เราคือจีน! จะตายก็ขอให้ตายอย่างองอาจ!"

ลู่หย่วนหมิงไม่รู้เรื่องทั้งหมดนี้เลย

เขารู้สึกเหมือนมีมดกำลังคลานไปทั่วร่างกาย ราวกับมีคนจำนวนมากกำลังมองดูเขาอยู่ อืม ความรู้สึกอึดอัดแบบนี้... ราวกับมีคนหลายหมื่นคนกำลังจ้องเขามากกว่า!

ดังนั้น เมื่อลู่หย่วนหมิงลงจากเฮลิคอปเตอร์ เขาจึงเดินแบบขาติดขา ความอับอายทำให้เขาเดินแทบไม่ได้ ตอนนี้ เขาเห็นใครก็เหมือนกับคนที่เคยเข้าไปดูประวัติการเข้าเว็บของเขา และเกยูหรงที่วิ่งตามเขามายิ่งเป็นหลักฐานชัดเจน!

จบสิ้นแล้ว!

จบสิ้นแล้วชีวิตฉัน!

ลู่หย่วนหมิงเดินโซซัดโซเซ ไปตามถนนชุนซี ใบหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึกราวกับคนไม่มีชีวิต เขาไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ ตรงหน้าเขาคือหวางหล่าวผู้มีสีหน้าเคร่งขรึม ยืนอยู่พร้อมกับชายสูงวัยกับชายวัยกลางคน และผู้ติดตามอีกหลายคน รวมถึง เจ้าหน้าที่สี่ห้าคน ลู่หย่วนหมิงมองเห็นยศทหารบนบ่าของเจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่ข้างหน้าสุด เป็นดอกจันทน์ หนึ่งดอก ติดอยู่บนดาวหนึ่งดวงตรงกับยศทหารที่เขาได้รับมา

เมื่อลู่หย่วนหมิงปรากฏตัว พวกเขาทั้งหมดต่างจ้องมองเขาอย่างแข็งกร้าว หวางหล่าวเห็นท่าทางการเดินโซซัดโซเซของลู่หย่วนหมิงจึงถอนใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าและคว้ามือลู่หย่วนหมิงไว้ แล้วกระซิบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “อย่ากลัว พวกเรายังอยู่ตรงนี้”

ลู่หย่วนหมิงแม้จะไม่เข้าใจความหมายของคำพูดนั้น แต่เมื่อได้ยินเสียงและคำพูดแบบนั้นแล้วเขาก็เริ่มรู้สึกสงบลง เขาจึงพูดขึ้นว่า "คุณปู่หวางเราไปกันเถอะ ไปดูเขตแดนที่เหลืออยู่กัน"

“ไม่ต้องรีบ” หวางหล่าวตบมือลู่หย่วนหมิงเบา ๆ พร้อมกับพยักหน้าเบา ๆ ไปยังกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลัง “ให้พวกเขามาทำความรู้จักไว้ก่อน เผื่อเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นมาจะได้ไม่แย่ คนพวกนี้ ยิ่งอยู่สูงยิ่งลืมว่าตัวเองยืนอยู่บนอะไร ลืมว่ารากของตัวเองอยู่ตรงไหน มันไม่ดีหรอก ถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นมา ตอนนี้สงครามกำลังเดือดพล่าน เพราะงั้นเดี๋ยวฉันสั่งสอนพวกเขาเอง”

ลู่หย่วนหมิงยังไม่ค่อยเข้าใจ แต่หวางหล่าวยังไม่ได้ลดเสียงลง คนที่อยู่ด้านหลังยกเว้นเจ้าหน้าที่ที่ยังคงนิ่งเฉย ทุกคนต่างยิ้มออกมาแม้ว่ารอยยิ้มนั้นดูเหมือนจะฝืน ๆ บ้าง

หวางหล่าวจับมือลู่หย่วนหมิงเดินไปตามถนนชุนซี พร้อมกับพูดไปด้วยว่า “ไหน ๆ เธอก็เรียกฉันว่าปู่แล้ว วันนี้เราไปกินข้าวเย็นด้วยกันเถอะ เดี๋ยวก็ดื่มเหล้าด้วยกันพูดคุยเรื่องอนาคตกันหน่อย เป็นไง”

ลู่หย่วนหมิงถึงเพิ่งสังเกตเห็นว่า ถนนชุนซีทั้งสายถูกปิดตาย มีทหารลาดตระเวนอยู่ด้านนอกถนน ส่วนกองทัพปลดปล่อยประชาชนก็ลาดตระเวนอยู่ภายในถนน พร้อมกับสร้างแนวป้องกันใหม่ ๆ ทีละขั้น ซึ่งมันดีกว่าที่เขาเคยเห็นมาก่อน ถึงขั้นเว่อร์วังเลยทีเดียว

หวางหล่าวดึงลู่หย่วนหมิงให้เดินช้า ๆ เส้นทางที่พวกเขากำลังเดินอยู่นี้ แท้จริงแล้วเป็นผลลัพธ์จากการวิเคราะห์ของหน่วยงานวิเคราะห์ ลู่หย่วนหมิงได้เห็นทั้งกำลังพลและป้อมปราการ สิ่งเหล่านี้ถูกจัดแสดงเพื่อให้เขาได้เห็นและจดจำ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นการเสริมสร้างความเชื่อมั่นของเขาต่อสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไป

เขาคือผู้วิเศษเพียงหนึ่งเดียว หากแม้แต่เขายังสูญเสียความเชื่อมั่น คนอื่น ๆ จะเป็นอย่างไร?

เหล่าประชาชนธรรมดา สามารถพึ่งพา รัฐบาล กองทัพปลดปล่อยประชาชน และผู้คนลับ ๆ ที่ทำงานด้านการศึกษา พวกเขาเป็นเสมือนรากฐาน เป็นที่พึ่งสุดท้าย ในขณะนี้ ลู่หย่วนหมิงก็เช่นกัน เขาเองคือที่พึ่งของทุกคน ทุกคนสามารถสูญเสียความเชื่อมั่น แต่เขาเสียไม่ได้!

เมื่อเห็นเหล่ากองทัพปลดปล่อยประชาชน และฐานปฏิบัติการอาวุธหนัก ลู่หย่วนหมิงก็แสดงสีหน้าสนใจ เขาไม่ได้ถามอะไร เพียงแค่เดินตามหวางหล่าวไป แต่ดวงตาของเขากลับเปล่งประกาย ไม่ว่าจะเป็นทหารที่เรียงแถว หรืออาวุธหนักที่เขาไม่รู้จักชื่อ เขาก็เต็มไปด้วยความสนใจ

เหล่าผู้ที่รับผิดชอบสังเกต บันทึก และวิเคราะห์ลู่หย่วนหมิงต่างก็โล่งใจในตอนนี้ หวางหล่าวยิ้มแล้วพาลู่หย่วนหมิงไปที่จิ่วโหลว ภายในนั้นได้จัดโต๊ะอาหารไว้เรียบร้อยแล้ว อาหารบนโต๊ะไม่ได้มีมากมายและไม่ซับซ้อน นอกเหนือจากอาหารบางอย่าง ส่วนใหญ่แล้วเป็นอาหารธรรมดา ๆ เช่น ผักกาด เต้าหู้ ฯลฯ

ลู่หย่วนหมิงและหวางหล่าวนั่งลงพร้อมกัน ตามด้วยเหล่าหล่าวเหนียนที่ลู่หย่วนหมิงมองดูแล้วรู้สึกคุ้นหน้าแต่ก็จำไม่ได้ และสุดท้ายคือเจ้าหน้าที่ ทุกคนต่างนั่งล้อมโต๊ะ

หวางหล่าวหัวเราะเบา ๆ พลางใช้ตะเกียบคีบเต้าหู้ขึ้นมา "คุณลู่ ลองชิมสิ ฉันชอบทานเต้าหู้ที่นี่มาก"

ลู่หย่วนหมิงแม้ยังคงรู้สึกเกร็ง ๆ แต่เขามีความประทับใจในตัวหวางหล่าวมาก จึงคีบเต้าหู้ใส่ชามของตัวเอง "คุณปู่หวาง เรียกผมแค่ 'ลู่ 'ก็ได้นะ"

พูดจบ ลู่หย่วนหมิงก็ลองชิมเต้าหู้ นัยน์ตาเบิกกว้างและดูดเต้าหู้เข้าปากอย่างรวดเร็ว

เต้าหู้ชิ้นนี้ทั้งนุ่มนวลและหวาน หอมกลิ่นผักกาด แต่รสชาติกลับคล้ายเนื้อ เมื่อใช้ตะเกียบคีบก็รู้สึกหนักแน่นเหมือนเต้าหู้เก่า ๆ

รสชาติแบบนี้ เขาไม่เคยทานมาก่อน

ลู่หย่วนหมิงไม่ใช่คนโง่ ในชั่วพริบตา เขาก็เข้าใจว่า อาหารเหล่านี้ไม่ใช่ฝีมือพ่อครัวธรรมดาคาดว่าคงจะเป็นพ่อครัวที่ทำอาหารต้อนรับแขกต่างชาติในเมืองหลวงที่รังสรรค์อาหารเลิศรสนี้ขึ้นมา

หวางหล่าวไม่ได้เข้าเรื่องธุระทันทีหลังจากที่ลู่หย่วนหมิงรับประทานเต้าหู้เข้าไป แต่กลับแนะนำอาหารจานโปรดของตนให้ลู่หย่วนหมิงลิ้มลอง เมื่อรับประทานกันไปได้สักพัก เจ้าหน้าที่ผู้ติดยศเป็นรูปข้าวรวงและหนึ่งดาวก็ลุกขึ้นยืน มีคนรินสุราให้ทันที เจ้าหน้าที่ผู้นั้นยกจอกขึ้นเพื่อเคารพลู่หย่วนหมิง ลู่หย่วนหมิงจึงรีบลุกขึ้นยืนบ้าง มีคนนำจอกสุรามาให้เช่นกัน ทั้งสองจึงดื่มสุราพร้อมกัน

ลู่หย่วนหมิงไม่อาจรู้รสชาติของสุราได้ แต่ถึงแม้จะเป็นสุราขาวแต่กลับไม่แสบร้อนคอ เมื่อดื่มลงไปแล้วกลับรู้สึกอบอุ่น และยังมีรสหวานหอมอบอวลอยู่ในปาก ทำให้เมื่อดื่มหมดแล้วยังคงเลียริมฝีปากราวกับยังติดใจในรสชาตินั้น

เจ้าหน้าที่ผู้นั้นดื่มรวดเดียวจนหมด แล้วกล่าวว่า "ขอบคุณคุณลู่ที่ทำให้สหายร่วมรบของเราต้องสละชีพน้อยลง"

ลู่หย่วนหมิงส่ายหน้าด้วยความเศร้าโศก "ในห้าร้อยคนที่เข้าไปพร้อมกับผม สุดท้ายเหลือรอดเพียงสิบกว่าคน ผมรู้สึกเสียใจ… เอ่อ แล้วเจ้าหน้าที่เป็นชายผิวดำร่างใหญ่หายไปไหน ทำไมผมไม่เห็นเขา หรือว่าอาการบาดเจ็บของเขารุนแรงมาก"

เจ้าหน้าที่ผู้นั้นหันไปมองด้านหลัง ทหารนายหนึ่งก็เข้ามากระซิบข้าง ๆ เจ้าหน้าที่จึงหันมาบอกลู่หย่วนหมิงว่า "ซู่ช่างปลอดภัยดี เพิ่งผ่าตัดกระดูกแขนขาเสร็จ ผมจะให้คนไปตามเขามาเดี๋ยวนี้"

"ไม่ต้อง ๆ " ลู่หย่วนหมิงโบกมือปฏิเสธ "ให้เขาพักผ่อนเถอะ"

เจ้าหน้าที่นิ่งเงียบ เขาพยักหน้าแล้วเคารพลู่หย่วนหมิงด้วยการยกมือเคารพแบบทหาร ก่อนจะนั่งลงอย่างเงียบเชียบ

หวางหล่าวเอ่ยขึ้น “ลู่หย่วนหมิงคุณมีเรื่องอะไร อยากถามผมบ้างหรือเปล่า”

ลู่หย่วนหมิงหันไปมองหวางหล่าวทันที “คุณปู่หวาง นี่เป็นเรื่องเขตแดนที่เหลืออยู่ใช่ไหม ผมมาที่นี่ก็เพื่อจะเข้าไปสำรวจ”

“ไม่”

หวางหล่าวชำเลืองมองไปรอบ ๆ บริกรทุกคนรีบถอนตัวออกจากห้องส่วนตัว เหลือเพียงทหารรักษาความปลอดภัยเพียงไม่กี่คน บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด ทุกคนนั่งตัวตรงราวกับกลัวจะพลาดคำพูดสำคัญ ไม่เพียงแค่ทหารที่อยู่ตรงนั้นแต่ยังรวมถึงผู้คนในเขตด้วย อีกมากมายที่มีสิทธิ์รับรู้เรื่องราวนี้ พวกเขาทั้งหมดนั่งตัวตรงและเงียบฟังเสียงจากห้องอาหาร

“ผมอยากถามคุณเกี่ยวกับเรื่อง… อนาคตของดินแดน… อนาคตของมนุษย์…”

“อนาคตของทุกคน…”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด