บทที่ 461 ยืมดาบสังหารคน
“พวกเราหาที่พักกันก่อนเถิด”
ผู้อาวุโสเฉินซวนนำหลัวเฉิงและศิษย์คนอื่นๆ มุ่งหน้าไปยังเชิงเขาด้านหนึ่งของยอดเขาจินอวี่
เฉินหลิงอวี่ถามด้วยความสงสัย เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่เข้าร่วมการประลองสามสำนัก
“อาจารย์ การประลองสามสำนักไม่ใช่ว่าจัดขึ้นบนยอดเขาจินอวี่หรือ?”
ผู้อาวุโสเฉินซวนยิ้ม
“มิผิด แต่ยอดเขาจินอวี่พิเศษยิ่ง ยิ่งขึ้นไปก็ยิ่งต้องรับแรงกดดันมหาศาล คงไม่มีใครต้องการให้ตนหมดแรงตั้งแต่ก่อนเริ่มประลองใช่หรือไม่?”
“ดังนั้นเราจะพักที่เชิงเขาก่อน คืนนี้พักผ่อนให้เต็มที่ และพรุ่งนี้ค่อยเริ่มการประลอง อีกทั้งยังทำให้ทุกคนได้ปรับตัวกับสถานที่ใหม่ ไม่ให้เสียสมาธิเมื่อเริ่มประลอง”
หลัวเฉิงพยักหน้าเห็นด้วย ทันทีที่เขาก้าวเท้าสู่แผ่นดินนี้ ก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันลึกลับ
ดูเหมือนตำนานการประลองของราชันย์ที่ทำให้ยอดเขานี้กำเนิดขึ้น อาจเป็นความจริง
ผู้อาวุโสเก้าหันไปยิ้มให้หลัวเฉิง
“เจ้าทำได้ดีมากเมื่อครู่ ทำให้ซุนหยิงหยางหน้าหงาย ไม่ทำให้สำนักซวนหยวนเสื่อมเสียชื่อเสียง”
เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ทำให้ผู้อาวุโสเก้ารู้สึกชื่นชมหลัวเฉิงมากขึ้น ไม่เพียงเพราะพลัง แต่เพราะจิตใจที่ไม่หวั่นไหวแม้ถูกท้าทายโดยสำนักเมฆาอัสนี
“การประลองสามสำนักครั้งนี้ เจ้าพร้อมจะเข้าสู่สองอันดับแรกหรือไม่?”
หลัวเฉิงลูบจมูก
“ศิษย์จะพยายาม”
ผู้อาวุโสเก้าหัวเราะเสียงดัง
“ดี! หากเจ้าเข้าสู่สองอันดับแรก ข้าจะให้รางวัลเจ้าอย่างหนัก ต่อให้ได้อันดับสอง ข้าจะจัดการเรื่องพนันระหว่างเจ้ากับฉินต้าวหยวนให้เอง!”
หลัวเฉิงแอบยิ้มในใจ
อันดับหนึ่งนั้น เขามุ่งมั่นต้องได้ และชีวิตของฉินต้าวหยวนก็เช่นกัน
เสียงเยาะเย้ยดังขึ้นจากข้างๆ
หลินจือถงที่เดินอยู่ห่างออกไป ใบหน้าเคร่งขรึมเมื่อได้ยินอาจารย์เขายกย่องหลัวเฉิงอย่างไม่ปิดบัง
หลังจากสำนักซวนหยวนออกเดินทางต่อ คนจากสำนักเมฆาอัสนีและสำนักหมอกหยกก็ตามมาติดๆ โดยมีคนจากกลุ่มอื่นๆ ตามมาในภายหลัง
ซุนซวนหวู่ที่เดินเคียงข้างซุนหยิงหยาง สายตาเต็มไปด้วยความมืดมน จ้องหลัวเฉิงไม่วางตา
“เจ้าคนไร้ค่า มันมีวิญญาณยุทธ์ขยะ แต่ทำไมถึงก้าวหน้าได้รวดเร็วเช่นนี้? เพียงครึ่งปีจากขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ กลายเป็นผู้บรรลุขั้นเขตแดนลึกลับระดับสาม อีกทั้งยังบรรลุมนุษย์กระบี่เป็นหนึ่งขั้นกลาง!”
ในการพบกันครั้งก่อน ซุนซวนหวู่ไม่คิดจะสนใจหลัวเฉิงเลย เพราะหลัวเฉิงเป็นเพียงมดปลวกที่ไม่คู่ควรให้ใส่ใจ
แต่วันนี้ กลับต้องพ่ายแพ้ต่อหลัวเฉิง แม้ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่ก็ถือเป็นความอับอายอย่างยิ่ง
ซุนหยิงหยางขมวดคิ้ว
“การทดสอบของตระกูลจีไม่น่าผิดพลาด คงเป็นเพราะเขาได้รับสมุนไพรสวรรค์และวัตถุดิบล้ำค่าเป็นจำนวนมาก กระตุ้นให้เขาเติบโต แต่รากฐานเช่นนี้ย่อมไม่มั่นคง”
ซุนซวนหวู่พยักหน้าด้วยความมุ่งร้าย
“จริงดั่งท่านพ่อว่า ข้าจะทำให้เขากลับไปเป็นคนไร้ค่า ทุบทำลายร่างกายของเขาให้แหลกยับ!”
ซุนหยิงหยางกล่าวเตือน
“หากมีตระกูลจีอยู่เบื้องหลัง อย่าทำอะไรโดยพลการ จะดึงภัยมาสู่ตัว”
ซุนซวนหวู่กัดฟัน
“แล้วข้าจะทำอย่างไร? จะปล่อยเขาไปง่ายๆ หรือ?”
ซุนหยิงหยางแสยะยิ้ม
“ย่อมไม่ปล่อย เราจะให้คนอื่นจัดการแทน ยืมดาบสังหารคน พ่อคิดว่าฮวาจิงหยางไม่ชอบเขา...เจ้าคงรู้ว่าควรทำอย่างไร”
ซุนซวนหวู่ยิ้มอย่างมุ่งร้าย ขณะมองไปทางฮวาจิงหยางที่อยู่ด้านหลัง
ฮวาจิงหยางมิใช่คนที่ชอบให้มีกรวดทรายบดบังตา
และศัตรูของเขามักจะไม่มีชีวิตรอดหรืออยู่ในสภาพที่เลวร้าย
ความคิดนั้นทำให้ซุนซวนหวู่แสยะยิ้มกว้างขึ้น
ในไม่ช้า หมู่ตึกที่ตั้งอยู่ที่เชิงเขาจินอวี่ก็ปรากฏขึ้นในสายตาของพวกเขา
หมู่ตึกเหล่านี้สร้างขึ้นโดยสามสำนักใหญ่ ใช้สำหรับการประลองสามสำนักโดยเฉพาะ ในช่วงเวลาปกติไม่มีใครอาศัยอยู่ ผู้มาถึงสามารถเลือกได้ตามต้องการ
แน่นอนว่า การเลือกขึ้นอยู่กับพลังและสถานะของผู้เลือก
สถานที่ที่ดีที่สุดจะเป็นของสามสำนักใหญ่เสมอ
ผู้อาวุโสเฉินซวนนำหลัวเฉิงและศิษย์คนอื่นๆ มุ่งหน้าไปยังหมู่ตึกที่หรูหราที่สุดอย่างชำนาญ
“ทุกคน เลือกห้องพักกันได้ตามสะดวก! พักผ่อนให้เต็มที่ เตรียมพร้อมสำหรับการประลองสามสำนักในวันพรุ่งนี้”
ผู้อาวุโสเฉินซวนจัดการคำสั่งให้ทุกคน
“ผู้อาวุโสเสวี่ยอวิ๋น ผู้อาวุโสเผิงซาน คืนนี้ขอรบกวนพวกท่านเฝ้ายาม”
“รับทราบ!”
หลัวเฉิงเลือกห้องพักที่ตั้งอยู่ทางด้านในสุดของทิศตะวันออก
หมู่ตึกทั้งหมดสร้างด้วยหิน ดูเรียบง่ายและสง่างาม มีเพียงห้องนอนและสวนขนาดเล็ก
แม้ไม่มีใครพักอาศัยมานาน แต่ด้วยพลังจากยอดเขาจินอวี่ ทำให้ที่พักยังคงสะอาดเรียบร้อย
หลังจากจัดการทำความสะอาดเล็กน้อย หลัวเฉิงเดินไปยังลานเล็กในห้องพัก พลางคิดในใจ
“ลองดูว่าจะสามารถผสานกระบวนท่าที่สองของเพลงกระบี่ทลายสวรรค์เข้ากับเทพวายุสังหารได้หรือไม่!”
เมื่อความคิดผุดขึ้น เขาก็หยิบกระบี่ยาวเล่มหนึ่งขึ้นมา หลับตาเพื่อเตรียมสภาพจิตใจให้พร้อม ย้อนทบทวนสิ่งที่ได้รับจากการฝึกในช่วงสองวันที่ผ่านมา
เมื่อเวลาผ่านไป หลัวเฉิงจมอยู่ในสมาธิและการฝึกกระบวนท่า ลืมเวลาไปโดยสิ้นเชิง
ค่ำคืนมาถึง ดวงดาวประดับฟ้า
ยอดเขาจินอวี่ส่องแสงราวกับแสงเหนือ งดงามลึกลับ
ในลานเล็ก หลัวเฉิงถือกระบี่ ยืนนิ่งประดุจหินผา
ทันใดนั้น
สายลมแรงพัดขึ้นมาในลานอย่างไม่มีที่มา
“เทพวายุสังหาร!”
เขาลืมตาและกระซิบเบาๆ ก่อนสะบัดกระบี่ออกไปอย่างรวดเร็ว
บูม!
ปราณกระบี่คมกริบพุ่งทะลุอากาศ ปั่นป่วนลมจนกลายเป็นพายุหมุนของปราณกระบี่ ที่ยากจะคาดเดาทิศทาง ม้วนเอาโต๊ะหินด้านหน้าเข้าสู่กระแสลม
ซ่า ซ่า ซ่า!
โต๊ะหินถูกบดขยี้จนกลายเป็นผงธุลีหายลับไปในอากาศ
หลัวเฉิงพยักหน้าเล็กน้อย
“ถือว่าเริ่มต้นสำเร็จแล้วในการผสานกระบวนท่าที่สอง ตอนนี้กระบวนท่าไม่เพียงมีความรวดเร็วของสายลม แต่ยังแปรเปลี่ยนได้ดั่งเมฆหมอกอีกด้วย ทำให้พลังสังหารยิ่งเพิ่มขึ้น หากศัตรูไม่ทันตั้งตัว ย่อมถูกสังหารเป็นแน่”
หากจะจัดระดับ กระบวนท่านี้ตอนแรกถือเป็นขั้นเริ่มต้น
แต่ตอนนี้ได้พัฒนาเข้าสู่ขั้นสำเร็จเล็กน้อยแล้ว!
ขณะที่หลัวเฉิงกำลังจะเก็บกระบี่ เขารู้สึกถึงบางสิ่งที่ลึกซึ้งแฝงเร้นอยู่ กำลังพลุ่งพล่านขึ้นมาจากใจเขาและกำลังจะไหลผ่านกระบี่ในมือ
เขาหรี่ตา และเริ่มสำรวจความรู้สึกนี้อย่างละเอียด
“ดูเหมือนข้าใกล้บรรลุมนุษย์กระบี่เป็นหนึ่งขั้นสูงแล้ว ขอเพียงมีจุดเปลี่ยนก็สามารถทะลวงขอบเขตได้ทันที!”
หลัวเฉิงยิ้มเล็กน้อย เขารู้แล้วว่าการสร้างกระบวนท่าด้วยตนเองช่วยเสริมความก้าวหน้าในวีถีกระบี่ของตน
การบรรลุมนุษย์กระบี่เป็นหนึ่งขั้นสมบูรณ์นั้น ดูจะไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว
เขาหันไปชมแสงสลับลายของยอดเขาจินอวี่ ก่อนจะกลับเข้าห้องไปนั่งสมาธิบนเตียง
เมื่อยามดึกมาเยือน ดาวบนฟ้าถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอก
ยอดเขาจินอวี่จมอยู่ในความมืด
ฟิว!
เงาร่างหนึ่งลอบเข้ามาในลานเล็กของหลัวเฉิง เงียบงันราวกับลมที่พัดผ่าน เข้าสู่หน้าห้องของเขา
“หืม? หญิงคนนี้ยังไม่ยอมเลิกราอีกงั้นหรือ?”
หลัวเฉิงที่อยู่ในห้อง ลืมตาขึ้นเล็กน้อย!