บทที่ 30 : ทำลายสถิติของเย่ซวงหนิง!
บทที่ 30 : ทำลายสถิติของเย่ซวงหนิง!
ในเวลานี้มดปีศาจสามตาตื่นตระหนกสุดขีด
มันแค่บังเอิญผ่านมา แต่กลับถูกอัจฉริยะปีศาจทั้งสองคนจับจ้อง
เซียวซิงหยูและมู่หรงซินซินยืนนิ่งสงบ, พวกเขาไม่ได้พูดคุยกันแม้แต่คำเดียว
แต่หากสายตาเปรียบได้กับคมดาบ ทั้งสองคงประลองกันไปสามร้อยยกเเล้ว
…..
ในห้องถ่ายทอดสด กล้องกำลังจับภาพทั้งสองคนแบบใกล้ๆ
หนึ่งคืออัจฉริยะสาวแห่งตระกูลมู่หรง อีกหนึ่งคือม้ามืดหนุ่มที่ผงาดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
การแข่งขันระหว่างคนทั้งสอง ทำให้ผู้ชมต่างตื่นเต้นเเละตั้งตารอคอย
หยางซู่มือซ้ายจับไมโครโฟน มือขวากำหมัดแน่น
“ท่านผู้ชมครับ แม้จะผ่านหน้าจอ ผมก็สัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะของคนทั้งสอง”
“ใครกันหนอ ที่จะจัดการมดปีศาจสามตาได้ก่อน?”
“หืม…ดูสิครับ คุณเซียวซิงหยูลงมือแล้ว!”
ในชั่วพริบตา เซียวซิงหยูก็เป็นคนลงมือก่อน
หมาป่าวายุนรกของเขาเริ่มใช้ทักษะ [พันธนาการนรก] อย่างรวดเร็ว
โซ่แปดเส้นที่ร้อนแรง พุ่งเข้าพันธนาการร่างของมดปีศาจสามตาในทันที
เมื่อเห็นฉากนี้, หยางซู่ก็บรรยายด้วยความตื่นเต้น
“พลังของไฟนรกช่างน่ากลัว!”
“กระดองของมดปีศาจสามตาขึ้นชื่อว่าหนาและแข็งมาก, มันมีค่าป้องกันเป็นห้าเท่าของอสูรระดับเดียวกัน”
“แต่ไฟนรกของหมาป่าวายุนรกกลับสามารถทะลุเกราะ เเละสร้างความเสียหายที่แท้จริงให้กับศัตรูได้ในทันที!”
…..
ตอนนี้ มดปีศาจสามตาถูกพันธนาการด้วยโซ่นรกจนต้องส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด
“เฮยเฟิง ปิดฉากได้เลย!” เซียวซิงหยูออกคำสั่งทันที
เเต่ในขณะที่หมาป่าวายุนรกกำลังจะสังหารมดปีศาจสามตา มันก็มีคลื่นเสียงชุดหนึ่งพุ่งเข้ามา
คลื่นเสียงนี้พุ่งมาอย่างรวดเร็วเเละได้กลายเป็นใบมีดสายลมจำนวนนับไม่ถ้วน จนหมาป่าวายุนรกจึงต้องหลบฉากออกไป
สถานการณ์นี้ทำให้หยางซู่ทุบโต๊ะแล้วตะโกน
“มู่หรงซินซินลงมือแล้วครับ!”
“ค้างคาวปีกกระดูกของเธอ ใช้ทักษะใบมีดสายลมขัดขวางท่าไม้ตายของหมาป่าวายุนรกได้ทันท่วงที!”
“เเล้วดูนั่นครับ, ค้างคาวปีกกระดูกใช้ทักษะ [เพลิงเย็นกระดูกวิญญาณ] เพื่อโจมตีขั้นเด็ดขาดเเล้ว!”
“มู่หรงซินซินจัดการมดปีศาจสามตาได้สำเร็จเเล้ว, นี่แหละที่เรียกว่าสตรีสมัยใหม่ พวกเธอไม่แพ้บุรุษหน้าใหนเลย!”
ภาพการถ่ายทอดสดที่ตื่นเต้นเร้าใจ ประกอบกับเสียงบรรยายที่เปี่ยมไปด้วยความกระตือรือร้น ทำให้ผู้ชมขนลุกไปทั่วทั้งร่าง
……
ที่หน้าผา
มดปีศาจสามตากลายเป็นเถ้าถ่านท่ามกลางเปลวไฟสีเขียว เเละเหลือไว้เพียงแกนอสูรในผืนดินที่ไหม้เกรียม
มู่หรงซินซินก้มลงเก็บแกนอสูร ก่อนจะมองไปยังเซียวซิงหยูที่อยู่ไม่ไกล
อย่างไรก็ตาม ถึงเธอจะไม่ได้พูดอะไร แต่ดูเหมือนสายตาของเธอจะสื่อความหมายได้ทุกอย่างเเล้ว
“คุณหนูมู่หรง เห็นคุณมีท่าทีเย็นชาแบบนี้ ฉันนึกว่าคุณจะไม่แคร์ผลการทดสอบนี้ซะอีก”
“ที่ใหนได้ คุณก็ชอบการเเข่งขันเหมือนกันนี่” เซียวซิงหยูเอ่ยแซวด้วยรอยยิ้ม
ในเวลาเดียวกัน ข้อมูลบนกระดานคะแนนก็มีการอัปเดตอีกครั้ง
จำนวนอสูรที่เซียวซิงหยูและมู่หรงซินซินล่าได้เท่ากันที่ 51 ตัว
…..
“ท่านผู้ชมครับ สถานการณ์เริ่มน่าสนใจแล้ว” หยางซู่ยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดี
“ตอนนี้ เซียวซิงหยูและมู่หรงซินซินคะแนนเท่ากัน พวกเขาอยู่อันดับหนึ่งร่วมกัน!”
“เหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงก่อนการทดสอบจะจบลง ใครจะรักษาอันดับหนึ่งไว้ได้ มารอลุ้นกันครับ!”
เมื่อการทดสอบมาถึงจุดนี้ ความสนใจทั้งหมดจึงต่างจับจ้องไปที่เซียวซิงหยูและมู่หรงซินซิน
มู่หรงซินซินเป็นตัวแทนของตระกูลใหญ่ทั้งสี่
ส่วนเซียวซิงหยูเป็นตัวแทนของชนชั้นสามัญชนที่ไม่มีอำนาจหรือเส้นสายใดๆ
ตลอดประวัติศาสตร์ ไม่เคยมีเรื่องราวที่เด็กหนุ่มธรรมดาๆสามารถเอาชนะอัจฉริยะจากตระกูลใหญ่ๆ ได้
หลังจากนั้น มู่หรงซินซินและเซียวซิงหยูก็ยังคงขับเคี่ยวกันต่อไป
เเละไม่ว่าเซียวซิงหยูจะไปที่ไหน มู่หรงซินซินก็จะตามไปที่นั่น
ภูเขาหยินหนานแบ่งออกเป็นหลายโซน ยกตัวอย่างเช่น ทะเลสาบ น้ำตก ป่าทึบ และทุ่งหิมะ
อสูรที่อาศัยอยู่ในแต่ละโซนจึงมีลักษณะแตกต่างกันออกไป
เเต่ไม่ว่าเซียวซิงหยูจะไปล่าอสูรที่โซนไหน มู่หรงซินซินก็จะตามไป เพื่อแย่งชิงแต้มเสมอ
…..
พรวด!!!
หนามแหลมที่ลุกโชนด้วยเปลวไฟสีเขียวพุ่งออกจากตัวค้างคาวปีกกระดูก เเละทะลุหัวของเม่นขนโลหิต
สมองของเม่นขนโลหิตระเบิดกระจายเต็มพื้น ภาพนี้ทำให้ผู้ชมในห้องถ่ายทอดสดรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
หยางซู่หัวเราะแห้งๆเเล้วบรรยายภาพนี้ทันที
“ดูเหมือนว่ามู่หรงซินซินจะแค้นฝังหุ่นจริงๆ, เธอสู้กับเซียวซิงหยูอย่างเอาเป็นเอาตาย แถมยังแย่งแต้มมาได้อีกแล้ว!”
ตอนนี้ ข้อมูลบนกระดานคะแนนได้มีการอัปเดตอีกครั้ง
ที่หนึ่ง: มู่หรงซินซิน ล่าอสูรไปแล้ว 89 ตัว
ที่สอง: เซียวซิงหยู ล่าอสูรไปแล้ว 81 ตัว
……
ใต้ธารน้ำตกที่เชี่ยวกราก มันมีก้อนหินขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างกันประมาณห้าเมตร
เซียวซิงหยูอยู่ทางซ้าย ส่วนมู่หรงซินซินอยู่ทางขวา
เเละในแอ่งน้ำใต้ธารน้ำตก
หมาป่าวายุนรกที่มีไฟนรกสีดำลุกท่วมทั่วร่างได้เผยเขี้ยวแหลมคมเเละขนลุกชันด้วยความโกรธ
ส่วนค้างคาวปีกกระดูกบินวนอยู่กลางอากาศ ส่งเสียงร้องอย่างดุร้ายและอวดดี
“คุณมู่หรง นี่มันแค่การทดสอบ คุณจะจริงจังอะไรขนาดนั้น”
มู่หรงซินซินไม่ได้ตอบกลับ
เธอเหมือนเด็กสาวเก็บตัว เเละทำเพียงจ้องมองเซียวซิงหยูด้วยสายตาเย็นชา
ในช่องแสดงความคิดเห็น ผู้ชมต่างพากันพูดคุยอย่างสนุกสนาน
[คนโบราณว่าไว้ ผู้หญิงด่าคือผู้หญิงรัก~]
[ไม่รู้ทำไม…เเต่คู่นี้ดูน่าจิ้นให้คู่กันจัง!]
[ใช่ๆ…คนหนึ่งก็หล่อคนหนึ่งก็สวย เหมาะสมกันมาก!]
ด้วยรูปลักษณ์ที่หล่อเหลา เเละรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เซียวซิงหยูจึงดูเหมือนคาสโนว่าตัวพ่อ
ส่วนมู่หรงซินซินที่เงียบขรึม, เธอจึงเหมือนภรรยาที่ชอบงอนสามี
เเม้เเต่ผู้บรรยายมืออาชีพอย่างหยางซู่…ก็อดจิ้นคู่นี้ไม่ได้
“ต้องยอมรับเลยว่า ถึงแม้บรรยากาศจะตึงเครียด แต่มันก็มีความรู้สึกแปลกๆแฝงอยู่”
“คู่กัดคู่นี้ ผมขอจิ้นด้วยคน!”
……
ใต้ธารน้ำตก เซียวซิงหยูเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“เหลือเวลาอีกแค่ครึ่งชั่วโมงก่อนการทดสอบจะจบลงแล้ว”
“คุณมู่หรง ต่อจากนี้ผมไม่ยอมอ่อนข้อให้คุณแล้วนะครับ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หยางซู่ก็ขมวดคิ้วเเล้วรีบบรรยายทันที
“ท่านผู้ชมครับ ที่เซียวซิงหยูพูดแบบนี้ หมายความว่าที่ผ่านมาเขายังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดอย่างนั้นเหรอ?”
เมื่อการทดสอบเริ่มนับถอยหลัง 30 นาที
เซียวซิงหยูก็เก็บรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ดวงตาเทพอสูรเริ่มเปิดใช้งาน จนดวงตาของเขาเเปล่งประกายสีแดงเลือด
“เฮยเฟิง ไปกันเลย!”
เซียวซิงหยูขี่หมาป่าวายุนรก ไล่ล่ากระต่ายน้ำแข็งที่กำลังหนีอย่างหัวซุกหัวซุน
มู่หรงซินซินก็สั่งการค้างคาวปีกกระดูก โดยหวังจะแย่งแต้มอีกครั้ง
ส่วนหยางซู่ยังคงบรรยายอย่างมืออาชีพด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
“ตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่ 30 นาที”
“พลังวิญญาณของทุกคนใกล้จะหมดแล้ว เซียวซิงหยูและมู่หรงซินซินก็เช่นกัน”
“เเละเพราะแบบนี้ ทุกครั้งที่อสูรใช้ทักษะมันจึงมีค่ามาก”
“ตอนนี้ มู่หรงซินซินจึงจะใช้แผนเดิมเพื่อแย่งแต้มอีกแล้ว!”
ภายใต้คำสั่งของมู่หรงซินซิน ค้างคาวปีกกระดูกกระพือปีก สร้างกระแสลมแรง ผลักหมาป่าวายุนรกออกไป
จากนั้น, ค้างคาวปีกกระดูกก็พ่นเปลวไฟสีเขียวออกมา ปกคลุมร่างของกระต่ายน้ำแข็ง
ตูมมม!!!
นี่คือทักษะประจำตัวของค้างคาวปีกกระดูก [เพลิงเย็นกระดูกวิญญาณ]
ในช่วงครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา ภายใต้การบังคับบัญชาที่แม่นยำของมู่หรงซินซิน ค้างคาวปีกกระดูกใช้ทักษะนี้แย่งแต้มมาได้ห้าถึงหกครั้ง
เเต่หยางซู่กลับสังเกตเห็นรอยยิ้มของเซียวซิงหยูในภาพหน้าจอ
“แปลก เซียวซิงหยูเหมือนกำลังยิ้ม...”
“เดี๋ยว! สถานการณ์ไม่ปกติ!”
หยางซู่ตื่นเต้นจนเสียงของเขาสั่นเครือ
“กระต่ายน้ำแข็งยังไม่ตาย!”
“พลังโจมตีของค้างคาวปีกกระดูกไม่พอ มันยังขาดอีกนิดเดียว!”
มู่หรงซินซินตกตะลึง เธอไม่คิดว่าตัวเองจะตัดสินใจพลาด
กระต่ายน้ำแข็งถูกเพลิงเย็นกระดูกวิญญาณโจมตีจนบาดเจ็บสาหัส…แต่มันยังมีลมหายใจรวยริน
เเละในขณะที่มู่หรงซินซินกำลังตกตะลึง
ฉัวะ!
รอยกรงเล็บหมาป่าก็ปรากฏขึ้นในเสี้ยววินาที เเละปลิดชีพกระต่ายน้ำแข็งตัวนี้
เซียวซิงหยูเดินมาเก็บแกนอสูรแล้วยกยิ้มหล่อเหลาให้มู่หรงซินซิน
“คุณมู่หรง ผมจะเริ่มจริงจังแล้วนะครับ”
……
ที่วิทยาลัยชิงหลง ณ ที่นั่งกรรมการ
ผู้อำนวยการซูหรูหยานจ้องมองหน้าจอถ่ายทอดสด เเละเธอได้เห็นทุกการกระทำของเซียวซิงหยู
“เจ้าเด็กนี่ คงรู้อยู่แล้วว่าพลังโจมตีของค้างคาวปีกกระดูกยังขาดไปอีกนิด ถึงได้เข้าไปปิดฉากได้อย่างแม่นยำ”
“ถ้าไม่มีประสบการณ์ในสนามรบมาหลายปี คงไม่มีความสามารถในการคาดการณ์ที่ยอดเยี่ยมแบบนี้เเน่ๆ”
“เซียวซิงหยู นายนี่มันอัจฉริยะระดับปีศาจจริงๆ...”
…..
ในขณะนี้
ดวงตาของเซียวซิงหยูเป็นสีแดงระเรื่อๆ
ในส่วนลึกของดวงตาเทพอสูรมีเข็มสีดำสองเล่ม, มันเหมือนเข็มนาฬิกาที่กำลังหมุนทวนเข็มนาฬิกา
เเละนี่คือความสามารถหนึ่งของดวงตาเทพอสูร มันคือการมองเห็นพลังชีวิตที่แท้จริงของสัตว์อสูรทุกตัว
ในมุมมองของเซียวซิงหยู เหนือหัวกระต่ายน้ำแข็งจะมีแถบพลังชีวิตปรากฏขึ้น
ส่วนพลังโจมตีของค้างคาวปีกกระดูก, เขาคำนวณจากพลังวิญญาณที่มู่หรงซินซินใช้ไป
เซียวซิงหยูจึงสามารถคาดการณ์ได้อย่างง่ายดายว่าหลังจากค้างคาวปีกกระดูกใช้ทักษะเพลิงเย็นกระดูกวิญญาณแล้ว, กระต่ายน้ำแข็งจะยังมีพลังชีวิตเหลืออยู่อีกเล็กน้อย
ด้วยความสามารถของดวงตาเทพอสูรนี้ ตราบใดที่เซียวซิงหยูต้องการแย่งแต้ม มันก็จะไม่มีใครหยุดเขาได้
…..
“ท่านผู้ชมครับ สถานการณ์เริ่มพลิกผันแล้ว!”
“รอบนี้ เซียวซิงหยูแย่งแต้มของหมาป่าเพลิงพิโรธจากมู่หรงซินซินได้อีกครั้ง!”
“น่าเสียดาย พลังโจมตีของค้างคาวปีกกระดูกยังขาดไปอีกนิดหน่อยเช่นเคย!”
“อีกเเล้ว เสือดำค่ำคืนที่บาดเจ็บสาหัส ถูกหมาป่าวายุนรกปิดฉากด้วยกรงเล็บเดียว!”
“สรุปแล้ว มู่หรงซินซินโชคร้าย หรือเซียวซิงหยูมีความสามารถในการคาดการณ์ที่เหนือชั้นกันแน่?”
…..
จากนั้น เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เหลือเวลาอีก 5 นาทีก่อนการทดสอบจะสิ้นสุด
ข้อมูลบนกระดานคะแนนได้รับการอัปเดตอีกครั้ง
ที่หนึ่ง: เซียวซิงหยู ล่าอสูรไปแล้ว 110 ตัว
ที่สอง: มู่หรงซินซิน ล่าอสูรไปแล้ว 89 ตัว
ฉากนี้ทำให้ห้องถ่ายทอดสดคึกคักมาก
ข้อความแสดงความคิดเห็นขึ้นเต็มหน้าจออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
หยางซู่กำไมโครโฟนแน่น เเล้วตะโกนสุดเสียง
“เหลือเชื่อ เหลือเชื่อ เหลือเชื่อ!”
“เซียวซิงหยูทำลายสถิติของเย่ซวงหนิงได้แล้ว!”
“เหลือเวลาอีก 5 นาทีก่อนการทดสอบจะจบลง เซียวซิงหยูได้ทำลายสถิติ เพราะเขาล่าอสูรไปแล้ว 110 ตัว!”
ในอดีต เย่ซวงหนิงเคยเข้าร่วมการทดสอบที่ภูเขาหยินหนาน เเละเธอสร้างสถิติระดับตำนานไว้ที่ 109 ตัว
ทุกคนคิดว่าสถิตินี้จะคงอยู่ไปอย่างน้อยห้าสิบปี…แต่เพียงหนึ่งปีต่อมา สถิตินี้ก็ถูกทำลายโดยเซียวซิงหยูเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม, คนที่ซวยที่สุดไม่ใช่เย่ซวงหนิง แต่เป็นมู่หรงซินซิน
ตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว จำนวนอสูรที่มู่หรงซินซินล่าได้ถูกหยุดอยู่ที่ 89 ตัว
หลังจากนั้น ทุกครั้งที่มู่หรงซินซินโจมตีอสูรจนบาดเจ็บสาหัส เซียวซิงหยูก็จะเป็นคนปิดฉาก
นี่คือเหตุผลที่เซียวซิงหยูสามารถทำลายสถิติของเย่ซวงหนิงได้ มู่หรงซินซินแอสซิสต์ให้เขาอย่างน้อยยี่สิบครั้ง
เซียวซิงหยูเก็บแกนอสูร พร้อมมุมปากที่ยกยิ้มเจ้าเล่ห์
“คุณหนูมู่หรง ขอบคุณที่ช่วยปูทางให้ผมนะครับ”
“การที่ผมทำลายสถิติของรุ่นพี่เย่ซวงหนิงได้ คุณมีส่วนร่วมไม่น้อยเลย!”
มู่หรงซินซินจ้องมองเซียวซิงหยูด้วยสายตาไม่พอใจ
เเละในที่สุดเธอก็พูดขึ้น
“คนเจ้าเล่ห์!”
นี่เป็นครั้งแรกที่มู่หรงซินซินพูดกับผู้ชายที่ไม่ใช่พี่ชายของเธอ
“คุณหนูมู่หรง ขอบคุณสำหรับคำชมนะครับ”
“…”
มู่หรงซินซินรู้สึกพูดไม่ออกกับคนแบบนี้อย่างมาก
………………..