บทที่ 16: องค์ชายผู้โชคร้าย สะดุดล้ม+กระตุ้นการขับถ่าย
"เหล่าหวง ข้าว่าข้ารู้สึกแปลกๆ นิดหน่อย"
ในขณะที่กำลังกินดื่มกันอยู่นั้น ตะเกียบของซวีเฟิงเหนียนก็หยุดค้างกลางอากาศ เหนือจานหัวหมูตุ๋น ก่อนจะเอ่ยกับเหล่าหวง
"แปลกอะไรหรือ?"
เหล่าหวงที่กำลังกินดื่มอยู่ เงยหน้าขึ้นอย่างงุนงง พลางตอบกลับ เขายังไม่เข้าใจว่าทำไมซวีเฟิงเหนียนถึงได้พูดแบบนั้น
"ข้าก็บอกไม่ถูก แต่มันเหมือนมีบางอย่าง... เอ่อ พลังลึกลับบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในร่างกายข้า"
ซวีเฟิงเหนียนไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกตอนนี้อย่างไร จึงพูดอ้อมๆ ให้เหล่าหวงฟัง
"พลังลึกลับเคลื่อนไหวอยู่หรือ?"
พอได้ยินคำนี้ เหล่าหวงก็นึกถึงเหตุการณ์ของตนเองก่อนหน้านี้ทันที แววตาของเขาฉายแววตื่นเต้นขึ้นมา
"คุณชาย ดูเหมือนว่าคราวนี้ถึงแม้เจ้าของร้านจะไม่ยอมออกมาพบพวกเรา แต่เขาก็ยังให้เกียรติพอที่จะนำอาหารสมบัติให้ท่าน!"
เหล่าหวงพูดอย่างตื่นเต้น แต่เสียงกลับแผ่วเบาจนแทบจะกระซิบ ถ้าซวีเฟิงเหนียนไม่ตั้งใจฟัง เขาคงแทบไม่ได้ยิน
เห็นเหล่าหวงทำท่าทางลับๆ ล่อๆ ซวีเฟิงเหนียนก็เกือบจะดุออกไป แต่เพียงชั่วพริบตา เขาก็เริ่มเข้าใจความหมายของสิ่งที่เหล่าหวงพูดเมื่อครู่นี้
คราวนี้เอง ซวีเฟิงเหนียนก็เริ่มทำท่าลับๆ ล่อๆ ขึ้นมาเช่นกัน
"เหล่าหวง เจ้าหมายความว่าตอนนี้สิ่งที่อยู่บนโต๊ะนี้ก็คือสิ่งเดียวกับที่เจ้าเคยดื่มวันนั้นงั้นหรือ?"
สิ่งนั้นก็คือสุราหวง จริงๆ แล้วสิ่งที่พวกเขาสั่งก็คือสุราหวงธรรมดาๆ ตามชื่อ แต่เมื่อดื่มเข้าไปแล้วเกิดปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติขึ้นกับเหล่าหวง ซวีเฟิงเหนียนและเหล่าหวงจึงไม่ได้มองว่าสุราหวงนี้เป็นเพียงสุราธรรมดาอีกต่อไป
เหล่าหวงเคยดื่มสุราหวงไปเพียงหนึ่งถ้วย แต่ก็สามารถฟาดฟันกระบวนท่าที่ยิ่งใหญ่ราวกับทัณฑ์สวรรค์ ทำลายขีดจำกัดของตนเอง และเกิดใหม่อย่างน่าอัศจรรย์ ดังนั้น คนที่รู้เรื่องย่อมเชื่อว่าสุราหวงนี้ต้องมีส่วนผสมพิเศษบางอย่างที่หายากและทรงพลังเท่านั้น จึงสามารถทำให้เกิดปาฏิหาริย์เช่นนั้นได้
ดังนั้น เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยม ทั้งสองจึงสั่งสุราหวงอย่างที่เคย แต่ในใจก็ไม่ได้คาดหวังเลยว่าจะได้ดื่มของวิเศษแบบเดิม
ทว่าตอนนี้ เมื่อได้ยินคำพูดของซวีเฟิงเหนียน เหล่าหวงก็นึกถึงความรู้สึกตอนที่ตนเองทะลวงขีดจำกัดได้ขึ้นมาทันที จึงกระซิบเบาๆ อย่างลับๆ กับซวีเฟิงเหนียน ว่าเจ้าของร้านอาจจะให้ของแท้มาให้พวกเขา
เมื่อซวีเฟิงเหนียนเข้าใจความหมาย เขาก็ลดเสียงลงคุยกับเหล่าหวงบ้าง ดวงตาจับจ้องไปที่ขวดสุราหวงตรงหน้า
พูดตามตรง ซวีเฟิงเหนียนไม่ได้สนใจเรื่องการฝึกวิชาหรือการเป็นยอดฝีมือสักเท่าไหร่ แถมยังปฏิเสธสิ่งเหล่านี้อยู่ด้วยซ้ำ
แต่เมื่อโชคชะตานำพาโอกาสมาให้ถึงหน้า ใครกันเล่าที่จะไม่รู้สึกหวั่นไหว?
ดังนั้นตอนนี้ซวีเฟิงเหนียนก็ลืมความคิดเดิมๆ ของตนไปหมดแล้ว สายตาจ้องเขม็งไปที่ขวดสุราหวง ดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกปรารถนาอย่างแรงกล้า
"เหล่าหวง เจ้าว่าถ้าข้าดื่มหมดขวดนี้ ข้าจะสามารถทะลวงขั้นถึงเทียนเซี่ยนได้เหมือนเจ้าไหม?" ซวีเฟิงเหนียนถามเหล่าหวงด้วยเสียงเบาๆ
"อืม... คงยากอยู่ แต่อาจจะขึ้นไปถึงระดับหนึ่งได้เลยก็ได้นะ" เหล่าหวงตอบ
"งั้นดื่มเพิ่มอีกถ้วยละกัน!"
ซวีเฟิงเหนียนเลียริมฝีปากเบาๆ เขารู้สึกได้ว่าตัวเองเริ่มมีเหงื่อซึมออกมาโดยไม่รู้ตัว
"นี่ข้าตื่นเต้นเกินไปหรือ?" ซวีเฟิงเหนียนคิดในใจ
แต่ไม่นานนัก เขาก็รู้ว่าความจริงมันไม่ใช่เพราะตื่นเต้น แต่เพราะ...ท้องของเขากำลังปั่นป่วนอยู่ต่างหาก
อาจเป็นเพราะเขาจดจ่อกับการพูดคุยกับเหล่าหวงมากเกินไป ซวีเฟิงเหนียนจึงไม่ได้สังเกตถึงความผิดปกติในร่างกายของตน
และตอนนี้ ความผิดปกตินั้นก็เริ่มรุนแรงขึ้นอย่างฉับพลัน ในพริบตาเดียวมันก็รุนแรงถึงขีดสุดจนไม่มีใครสามารถเมินเฉยได้
โครกคราก!
จากแค่ความปั่นป่วนเล็กน้อย กลายเป็นคลื่นกระหน่ำเหมือนพายุซัดสาด
"ไม่ไหวแล้ว ข้าทนไม่ไหวแล้ว!"
ความรู้สึกปั่นป่วนที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ซวีเฟิงเหนียนแทบทนไม่ไหว เขาพูดกับเหล่าหวงแค่ประโยคเดียวก่อนจะลุกขึ้นแล้ววิ่งพรวดออกไปข้างนอก
"คุณชาย เป็นอะไรไป?"
เหล่าหวงที่ยังตกตะลึงกับความตื่นเต้นที่พบว่าสุราหวงตรงหน้านั้นมีฤทธิ์เหมือนครั้งก่อน แทบไม่ทันได้ตั้งสติ เมื่อได้ยินคำพูดกะทันหันของซวีเฟิงเหนียนก็ถามออกไปโดยไม่ทันคิดอะไร
พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นซวีเฟิงเหนียนวิ่งออกไปด้วยท่าทางร้อนรนอย่างที่สุด
"ท้องเสียรึ? ทำไมต้องเป็นตอนนี้ด้วยเนี่ย!"
เหล่าหวงมองตามด้วยความรู้สึกอึ้งและงุนงง
แต่ซวีเฟิงเหนียนตอนนี้ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เขารู้ว่าถ้าช้าแม้แต่นิดเดียว ชื่อเสียงของเขาอาจกลายเป็นเรื่องน่าอับอายทั่วหล้า ในวันพรุ่งนี้ นอกจากฉายา "องค์ชายเจ้าสำราญอันดับหนึ่ง" แล้ว เขาอาจได้อีกฉายาหนึ่งว่า "เรื่องขำขันอันดับหนึ่งแห่งยุทธภพ"
แม้ว่าซวีเฟิงเหนียนจะไม่แคร์ชื่อเสียงที่เสียหาย แต่เขาไม่มีวันยอมให้ตัวเองเป็นเรื่องขำขันขนาดนั้นได้
ดังนั้น เขาจึงกัดฟัน วิ่งตรงไปข้างหน้าโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ตอนนี้ซวีเฟิงเหนียนต้องการเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น
นั่นก็คือ…
ห้องส้วม!!!
"เร็ว ๆ ๆ!"
ซวีเฟิงเหนียนเร่งพลังทั้งหมดที่มีในตัว วิ่งอย่างสุดชีวิต เขารู้สึกว่านี่เป็นการวิ่งหนีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต แม้แต่ตอนที่เคยวิ่งหนีชาวนาที่ถือคราดไล่ตามเมื่อไปแอบขโมยมันเทศ ก็ยังไม่เคยเร่งฝีเท้าได้ถึงขนาดนี้
ยิ่งคนกลัวอะไรมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมักจะเจอสิ่งนั้นได้ง่ายเท่านั้น
ซวีเฟิงเหนียนที่กำลังรีบเร่งหัวชนฝาวิ่งไปข้างหน้า จู่ๆ ก็สะดุดและล้มลงบนพื้นอย่างแรง
ตุบ!
เสียงกระแทกดังสนั่นจนทุกคนได้ยินก็รู้สึกขนลุกเกรียวกราว
ทุกคนคิดในใจว่า หลังจากเจอแรงกระแทกขนาดนี้ ซวีเฟิงเหนียนคงจะลุกขึ้นมาไม่ได้ง่ายๆ แน่
เหล่าหวงเองก็เตรียมตัวจะเข้าไปช่วยพยุงแล้วด้วยซ้ำ
แต่ความมุ่งมั่นของซวีเฟิงเหนียน หรืออาจจะเป็นสัญชาตญาณเอาชีวิตรอดของเขา ช่างเกินกว่าที่ใครคาดคิดไว้ เขาลุกขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วโดยไม่รอให้ใครได้ตั้งตัว และยังคงวิ่งต่อไป
“คุณชายโตเป็นผู้ใหญ่แล้วสินะ” เหล่าหวงกล่าวด้วยความภาคภูมิใจและพยายามจะนั่งลง
แต่ยังไม่ทันจะนั่งลงบนเก้าอี้ก็ได้ยินเสียง…
ตุบ!
ใช่แล้ว ซวีเฟิงเหนียนล้มอีกครั้ง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น!?”
ทุกคนต่างตะลึง เหล่าหวงเองก็ยืนอึ้งมองไปเช่นกัน
ท่ามกลางสายตางุนงง ซวีเฟิงเหนียนพยายามลุกขึ้นวิ่งต่อไป แล้วก็ล้มลงอีกครั้ง
พอลุกขึ้นมาก็วิ่งต่อ และล้มลงซ้ำไปซ้ำมาอย่างต่อเนื่อง
วันนี้ซวีเฟิงเหนียนดูเหมือนจะมีเทพแห่งโชคร้ายสิงสถิต แม้พื้นดินจะเรียบแค่ไหน แต่เขาก็
สะดุดล้มไปตลอดทาง
ภาพนี้ช่างสะเทือนใจแก่ผู้ที่พบเห็น ทั้งไม่กล้ามองไม่กล้าฟัง
พูดได้คำเดียว…
อนาถ!
อนาถจนดูไม่ไหว!!