บทที่ 117 การฟื้นคืนชีพของซูเซียนจือในแดนสวรรค์
ความรู้สึกที่เพิ่งเกิดขึ้นนั้นทำให้จินเป่าเอ๋อแทบหายใจไม่ออก นางมั่นใจว่านี่ไม่ใช่ความบังเอิญ อาจมีเรื่องน่าประหลาดบางอย่างเกิดขึ้นที่นางไม่รู้ในที่ใดที่หนึ่ง…เช่น ในแดนผีวิญญาณ
ถ้าซูเซียนจือสามารถพลิกฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้อีก นางคงจะมีความอาฆาตต่อนางเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ! แต่…เป็นไปได้หรือ สถานการณ์เช่นนั้น ต่อให้นางเองก็คงยากที่จะกลับมาแก้แค้นได้
หรืออาจมีใครบางคนยื่นมือเข้าช่วยเหลือนางอีกแล้ว น่ารำคาญนัก!
นางลืมเรื่องพลังแห่งโชคที่อยู่กับซูเซียนจือไปเสียสนิท!
“อย่าคิดมากไปเลย เจ้าตอนนี้ ต่อให้ซูเซียนจือกลับมา นางก็มิใช่คู่มือของเจ้าอีกแล้ว”
ท้ายที่สุด ระหว่างนางกับซูเซียนจือมีช่องว่างของพลังที่ยิ่งใหญ่เกินไป จินเป่าเอ๋อนิ่งคิด และตระหนักได้ว่าอาจเป็นเพียงความกังวลเกินจริงของตน แต่ก็ตั้งใจจะเฝ้าระวังไว้
“อืม…”
ในขณะเดียวกัน ที่กระท่อมไม้ไผ่แห่งหนึ่งในแดนสวรรค์ซึ่งอบอวลไปด้วยพลังวิญญาณ บรรยากาศอันทรงพลังปะทุขึ้นจากร่างชายและหญิงคู่หนึ่งที่นั่งตรงข้ามกัน กลางระหว่างพวกเขา มียาเม็ดสีทองลอยอยู่ กำลังดูดซับพลังจากทั้งสองอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งสีหน้าของทั้งคู่ซีดขาวหมดเลือด แต่มิอาจหยุดได้
“ท่าน…ข้าแทบไม่ไหวแล้ว!”
สตรีใบหน้างดงามกล่าวออกมาด้วยความเจ็บปวด ชายผู้นั้นจึงลืมตามองนางด้วยสายตาอ่อนโยน
“ทนอีกหน่อยเถอะ รวี่เอ๋อ…ทั้งหมดนี้เพื่อบุตรสาวของเรา”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น นางก็กัดริมฝีปากและกัดฟันอดทนต่อไป
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด เม็ดยาทองคำในที่สุดก็อัดแน่นเต็มเปี่ยมและลอยลงไปยังจุดตันเถียนของเด็กสาวที่นอนอยู่บนเตียง
ในชั่วพริบตา พลังอันมหาศาลไหลทะลักเข้าสู่ร่างของเด็กสาว ทำให้รู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัว นางหลับตาแน่น เส้นผมเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อพลางครางออกมาเบาๆด้วยความเจ็บปวด ฝ่ายมารดาที่งดงามของนางก็ได้แต่มองด้วยความเจ็บปวดใจ
“ลูกรักที่น่าสงสารของข้า! ไม่รู้ว่าเจ้าต้องเผชิญความทุกข์ยากเพียงใดในแดนล่าง ถึงกับบาดเจ็บหนักถึงเพียงนี้! ทั้งหมดเป็นความผิดของท่าน! ข้าบอกแล้วว่าให้รีบนำตัวนางขึ้นมา ท่านก็ยืนยันว่านางจะทนได้ ตอนนี้ดูสิเกือบเสียชีวิตไปแล้ว!”
สตรีงามนัยน์ตากลมโตจ้องชายข้างกายด้วยความโกรธ แม้จะขุ่นเคือง แต่ใบหน้ายังเปี่ยมด้วยความอ่อนโยน ริมฝีปากแดงระเรื่อจากความโกรธ ชายผู้นั้นได้แต่ถอนใจและยอมรับผิด
ทันใดนั้น สาวน้อยบนเตียงค่อยๆลืมตาขึ้น ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะผุดลุกขึ้นแล้วขดตัวไปอยู่ที่มุมห้องอย่างไม่รู้ตัว บนใบหน้านางปรากฏรอยแผลสีแดงสามรอยซึ่งทำลายความงามของนางไปอย่างน่าเสียดาย
เห็นได้ชัดว่านางยังไม่สามารถสลัดความหวาดกลัวจากการถูกพลังอันมหาศาลดึงตัวขึ้นมาได้!
จนเมื่อเห็นบุรุษและสตรีที่งดงามราวกับเทพเซียนอยู่ตรงหน้า นางก็เริ่มรู้สึกว่าบรรยากาศรอบกายสว่างจ้าจนแสบตา…ที่นี่ไม่ใช่แดนผีวิญญาณ!
นางออกจากนรกนั่นแล้วหรือ ความทรงจำต่างๆ เริ่มเลือนราง มีเพียงภาพความเจ็บปวดที่จินเป่าเอ๋อทำลายพลังบำเพ็ญ ทำลายใบหน้า และต้องร่อนเร่ไร้หนทางในแดนผีวิญญาณเป็นเวลาสองปี
มารดาที่งดงามของนางมองเห็นรอยแผลบนใบหน้าและแววอาฆาตลึกในดวงตาของบุตรสาว ก็ถึงกับน้ำตาคลอหน้านางเปียกชื้นไปด้วยน้ำตา
“ลูกรัก…ลูกของแม่…”
เสียงสะอื้นพลางโอบกอดนางแนบแน่น แฝงด้วยความห่วงใยและอ่อนโยนจนซูเซียนจือถึงกับตัวแข็งทื่อ
บุรุษที่อยู่ข้างกายมองภาพนี้ด้วยใจที่เต็มไปด้วยความสำนึกผิด หากเขารู้มาก่อน คงไม่ส่งบุตรสาวไปยังแดนล่างให้ต้องพรากจากมารดา
เมื่อซูเซียนจือรู้ว่าหญิงงามผู้นั้นคือมารดาของตน ส่วนชายที่อยู่ข้างกายคือบิดาของตน นางรู้สึกทั้งแปลกใจและไม่อยากเชื่อ แต่เมื่อเห็นใบหน้าของมารดาที่คล้ายกับตนเองถึงหกเจ็ดส่วน นางก็จำต้องยอมรับ
ความรู้สึกน้อยใจ ไร้หนทาง ผิดหวังและขมขื่นถาโถมใส่จนร่างนางสั่นเทิ้ม พลางร้องไห้ฟูมฟาย ระบายความรู้สึกน้อยใจที่สะสมไว้ทั้งหมด
ท่ามกลางภาพครอบครัวที่กลับมาพร้อมหน้าพร้อมตา ชายผู้เป็นบิดากล่าวถึงสถานที่ที่พวกเขาอยู่ ทำให้ซูเซียนจือถึงกับตกตะลึง
“ที่นี่…คือแดนสวรรค์หรือ”
ในโลกบำเพ็ญเพียร ผู้คนต่างพยายามฝึกฝนเพื่อที่จะบินขึ้นสู่แดนสวรรค์ กลายเป็นผู้ที่ทุกคนชื่นชมและยำเกรง แม้แต่โหลวหยุนเซียนจุนยังพยายามทุกวิถีทางเพื่อจะได้ขึ้นสู่แดนสวรรค์…แต่นางเองกลับมาอยู่ที่นี่ได้อย่างง่ายดายเพียงนี้
จะไม่ให้ดีใจได้อย่างไร! ความตื่นเต้นและปีติที่แทบจะทำให้จิตใจระเบิดออกมา
บิดาของนางเข้าใจว่านางยังคงกลัวจึงเอ่ยปลอบพลางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่คำพูดกลับโหดเหี้ยม
“ลูกรัก อย่ากลัวเลย! ที่พ่อแม่ส่งเจ้าลงไปแดนล่างก็เพราะมีเหตุผลของมัน บัดนี้เจ้าได้กลับมาแล้ว คนที่เคยทำร้ายเจ้า พ่อแม่จะช่วยเจ้าล้างแค้นทุกคน!”
ขณะเอ่ยคำพูดนั้น พลังอันแข็งแกร่งของบุรุษก็แผ่ซ่านออกมาอย่างไม่ตั้งใจ ทำให้ซูเซียนจือถึงกับตะลึงพรึงเพริด และในขณะเดียวกันก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่ง...
บิดามารดาของนางเป็นผู้แข็งแกร่งแห่งแดนสวรรค์! นางคือลูกสาวของผู้แข็งแกร่ง! ฮ่าๆๆ! จินเป่าเอ๋อผู้ดิ้นรนอย่างหนักเพื่อหวังจะได้บินขึ้นสู่แดนสวรรค์ บิดามารดาของนางกลับสามารถพานางขึ้นมาได้โดยง่าย! นางจะต้องหัวเราะเยาะจินเป่าเอ๋อให้สมใจ! เช่นนี้แล้ว จินเป่าเอ๋อก็เป็นแค่แมลงตัวหนึ่งในแดนล่างเท่านั้นเอง!
ความรู้สึกปีติอย่างยิ่งใหญ่อัดแน่นในใจของซูเซียนจือ มันเหมือนกับเด็กยากจนที่ถูกเอาเปรียบตลอดชีวิตได้ค้นพบว่าตนเองเป็นเจ้าหญิงเพียงหนึ่งเดียวของอาณาจักรอันยิ่งใหญ่
“ลูกรัก แม้ว่าพลังบำเพ็ญของเจ้ายังไม่สูงนัก แต่ที่นี่มีพลังวิญญาณมากกว่าแดนล่างถึงสิบเท่า หากเจ้าฝึกฝนอย่างตั้งใจ ด้วยบิดามารดาคอยช่วยเหลือ ข้าเชื่อว่าเจ้าจะทะลุขั้นหลอมเทพได้ก่อนอายุยี่สิบอย่างแน่นอน!”
ซูเซียนจือได้ยินเช่นนั้นก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที ก่อนอายุยี่สิบจะได้ทะลุขั้นนฮวาชินหรือ เช่นนี้นางก็จะไล่ตามจินเป่าเอ๋อได้ทัน! และเมื่อวันใดที่จินเป่าเอ๋อสามารถบินขึ้นมาได้ นางจะกำจัดนางให้สิ้นซาก!
วันนั้นจะเป็นวันดับสูญของจินเป่าเอ๋อ!
แววตาของซูเซียนจือเต็มไปด้วยความอาฆาตและความเกลียดชัง ซึ่งทำให้บิดาของนางถึงกับขมวดคิ้ว แต่ไม่นานก็คลายลง…
เขาคิดในใจว่า ลูกสาวของตนคงทนความลำบากมามากพอแล้วในแดนล่าง นับแต่นี้ไปเขาจะคอยดูแลไม่ให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก
หลังจากซูเซียนจือหลับไปแล้ว สตรีงามก็เดินออกมาต่อว่าบุรุษผู้นั้นอย่างโมโห
“ท่านดูสิ เป็นความผิดของท่านทั้งนั้น! ท่านบอกว่าลูกของเรามีโชควาสนาปกป้อง ไม่ต้องทนความยากลำบากแน่นอน แต่สุดท้ายเจ้าดูสิ นางต้องทนทุกข์มามากขนาดไหน! ถ้าไม่ใช่เพราะข้าได้จุดโคมวิญญาณไว้ก่อนจะส่งนางไปล่ะก็ บางทีเราอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกตายไปแล้ว!”
ชายผู้นั้นจึงรีบกล่าวขอโทษทันที น้ำเสียงของเขาแฝงด้วยความปลงใจ
“ท่านพูดถูก ทุกอย่างเป็นความผิดของข้า โชคดีที่ตอนนี้เซียนจือกลับมาแล้ว ท่านอย่าได้โกรธเลย…”
หลังจากปลอบจนภรรยาอารมณ์เย็นลง ชายผู้นั้นจึงขมวดคิ้วและกล่าวด้วยน้ำเสียงสงสัย
“แต่ก็แปลกอยู่ ความจริงข้าเคยทำนายว่าพลังโชควาสนาของเซียนจือจะปกป้องนางให้ปลอดภัยอยู่ในแดนล่างได้โดยไม่ต้องเผชิญอุปสรรคอะไรจนกว่าจะถึงวันที่นางทะยานสู่แดนสวรรค์ แล้วทำไมทุกอย่างถึงกลายเป็นเช่นนี้ได้ แดนล่างคงมีปัญหาอะไรบางอย่างแน่” สตรีงามไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น นางพูดอย่างโหดเหี้ยม
“ข้าไม่สน คนที่กล้ารังแกลูกสาวของข้า จะต้องตายทุกคน! หรือถ้าคนนั้นไม่ตาย ก็อย่าหวังว่าจะขึ้นสู่แดนสวรรค์ได้เลย เพราะข้าจะทำให้นางอยู่อย่างตายทั้งเป็น!”
เมื่อพูดจบ รังสีอำมหิตและความโกรธแผ่พุ่งออกจากร่างของนาง ส่วนบุรุษข้างกายกลับไม่ได้กล่าวสิ่งใด และสายตาของเขาก็เปี่ยมด้วยความอาฆาตไม่แพ้กัน
เรื่องทั้งหมดนี้ จินเป่าเอ๋อย่อมไม่รู้แม้แต่น้อย!