ตอนที่แล้วบทที่ 115 ดินแดนเอลฟ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 117 การฟื้นคืนชีพของซูเซียนจือในแดนสวรรค์

บทที่ 116 ความหวั่นไหวที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน


“อะไรกันนะ”

เฉียนฝูจื่อจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างประหลาดใจ ความงามของนางดูคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก เขานึกถึงเด็กสาวที่เคยพบเมื่อไม่กี่ปีก่อนในคราบของชายหนุ่ม หน้าตายังไม่เติบโตดี แต่มีบุคลิกเยือกเย็นมั่นคง…

สองเงารวมเป็นหนึ่งในความคิดของเฉียนฝูจื่อ เขาเบิกตากว้างด้วยความตื่นเต้นและแปลกใจ ใบหน้ายิ้มแย้มราวกับพบขุมทรัพย์

“เป็นเจ้าจริงๆ หรือ ฮ่าๆ! ในที่สุดเจ้าโผล่มาจนได้ ข้าก็ว่าแล้ว สภาปรุงโอสถของเรานี่เหมาะสมกับเจ้าที่สุด! ตอนนี้ระดับพลังของเจ้าก็พร้อมแล้ว เรื่องการเป็นนักปรุงโอสถน่าจะลองพิจารณาดูสักหน่อย ข้าว่าอย่าได้ปล่อยพรสวรรค์นี้สูญเปล่าเลยนะ!”

ความกระตือรือร้นของเฉียนฝูจื่อทำให้ผู้เฝ้าประตูทั้งสองถึงกับตะลึงงัน ไม่เคยเห็นมาก่อนว่าหัวหน้าของพวกเขาจะมีท่าทีเช่นนี้ ขณะเดียวกัน ความรู้สึกคุกคามของพลังระดับฮวาชินจากผู้เฝ้าประตูอีกสามคนก็หายไปทันที!

หลังจากทั้งสองเดินเข้าไปในห้องโถงของสภาปรุงโอสถ หนึ่งในผู้เฝ้าประตูอดไม่ได้ที่จะหยิกแก้มเพื่อนและพูดอย่างเหม่อลอย

“ข้ากำลังฝันอยู่หรือเปล่า…เจ้านั่นจินเป่าเอ๋อเป็นใครกันแน่”

ผู้เฝ้าประตูอีกคนทำหน้าจริงจังตอบ

“จินเป่าเอ๋อ…ชื่อมันคุ้นหูจริงๆ!”

ด้านจินเป่าเอ๋อ ตั้งใจจะกล่าวขออนุญาตเข้าไปในหอสมบัติ แต่เฉียนฝูจื่อกลับพูดจ้อต่ออย่างไม่หยุด ดูท่าจะพยายามดึงตัวนางเข้าเป็นสมาชิกของสภาปรุงโอสถให้ได้

“เอาแบบนี้ดีไหม เจ้าว่าไหม ที่ผ่านมาหลายปี เจ้าคงยุ่งกับการบำเพ็ญเพียรมาก คงห่างเหินจากศาสตร์การปรุงโอสถพอควรใช่หรือไม่ ถ้าเช่นนั้นเจ้าลองเริ่มใหม่ค่อยๆ ปรับตัวดูก่อน เพราะการปรุงโอสถแตกต่างจากการบำเพ็ญเพียร หากเว้นไปนานอาจทำให้ฝีมือตกก็เป็นได้…”

ด้วยความจนใจ จินเป่าเอ๋อจึงทำได้แค่เม้มปากฟังคำพูดของเฉียนฝูจื่อจนจบ แล้วตัดสินใจที่จะลงมือปรุงโอสถให้เขาดูสักครั้ง

ไม่นานนัก วัตถุดิบก็ถูกจัดเตรียมเรียบร้อย ด้วยความระมัดระวังยิ่งยวด เฉียนฝูจื่อยังคงเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ข้างๆ

จินเป่าเอ๋อจำต้องยอมปรุงโอสถ แม้ว่านางจะหลับไปถึงสองปี แต่ปฏิกิริยาของร่างกายกลับยังคงคล่องแคล่ว มือขยับไปตามขั้นตอนที่ถูกต้อง ตั้งแต่การเตรียมสมุนไพร ปริมาณ ระดับ และลำดับการใส่ ตลอดจนการควบคุมไฟ ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น…

ณ แดนผี…

ตั้งแต่ราชาผีซาเหลิ่งถูกสังหารลง บรรดาผู้ฝึกวิญญาณก็สามารถบำเพ็ญเพียรได้อย่างสงบ ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกกลืนกินวิญญาณอีกต่อไป บนถนนในมุมหนึ่ง หญิงสาวร่างมอมแมมคนหนึ่งนั่งคุดคู้อยู่ในมุมแคบ มือกุมธูปซึ่งไม่รู้ขโมยมาจากที่ใด และสูดกลิ่นด้วยความหิวโหย

ผู้คนที่ผ่านไปต่างมองดูนางด้วยสายตารังเกียจ พร้อมหลีกเลี่ยงไม่เข้าใกล้ ราวกับกลัวว่านางจะสัมผัสตัวพวกเขา หญิงสาวไม่ได้เงยหน้าขึ้นเลย มีเพียงเศษผ้าสีดำปิดบังใบหน้าไว้ เห็นร่องรอยแผลเป็นน่าเกลียดสามรอย เมื่อรู้สึกถึงสายตาแปลกๆจากคนรอบข้าง ร่างกายของนางแข็งทื่อ มือขวาซึ่งหมดแรงกำแน่นจนปลายนิ้วซีดขาว

จินเป่าเอ๋อ! ไม่ว่านางจะต้องจ่ายด้วยสิ่งใด นางจะต้องฆ่านางให้ได้!

ทันใดนั้น แสงสีขาวเจิดจ้าก็พาดลงมาจากท้องฟ้าอันมืดมิด ส่องตรงไปยังหญิงสาวที่อยู่บนพื้น นางหวาดกลัวจนถอยหนี พร้อมยกมือปิดหน้าตนเองแน่น ไม่กล้าให้ใครเห็น!

ภาพนี้ทำให้บรรดาผู้ฝึกวิญญาณรอบข้างพากันตกตะลึง เมื่อแสงสีขาวโอบล้อมหญิงสาวนั้นก็มีแรงดูดมหาศาลตามมา ก่อนจะยกนางขึ้นไปบนฟ้า และเมื่อแสงสีขาวหายไป นางก็พลันหายลับไปจากโลกนี้ ทิ้งไว้เพียงเสียงกรีดร้องสุดท้ายที่น่าหวาดหวั่น…

ขณะเดียวกัน จินเป่าเอ๋อซึ่งใบหน้านิ่งสงบ กำลังควบคุมไฟในการปรุงโอสถอย่างตั้งใจ นางไม่กังวลนัก เพราะตั้งแต่บรรลุขั้นฮวาชินมา นางก็สามารถปรุงโอสถระดับห้าได้แล้ว

ตรงข้ามกับเฉียนฝูจื่อที่ยืนอยู่ข้า ๆ ด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ราวกับว่าเป็นตัวเขาเองที่กำลังปรุงโอสถ

จินเป่าเอ๋อสังเกตเห็นท่าทางกระตือรือร้นของเขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างปลงๆ

ไม่นานนัก เสียงเบาๆจากเตาโอสถก็เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าโอสถเสร็จเรียบร้อยแล้ว จินเป่าเอ๋อหยิบกล่องขึ้นมาเตรียมจะเก็บโอสถลงไป…

แต่ทันใดนั้น นางก็รู้สึกถึงอาการกระตุกแปลกๆ ในใจ เหมือนหัวใจถูกบีบแน่นจนเจ็บแปลบ ความรู้สึกไม่สบายแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย นางถึงกับหยุดมือกะทันหัน โอสถในมือร่วงหล่นลงพื้น…

เฉียนฝูจื่อเห็นดังนั้นก็ตะโกนว่าให้ระวัง พลางก้มลงเก็บโอสถแต่ละเม็ดด้วยความลนลาน ปากก็พึมพำว่านางไม่ระมัดระวัง โชคดีที่โอสถยังไม่เสียหาย

เขาไม่ได้สังเกตเลยว่าใบหน้าของนางซีดเผือด ดวงตาเบิกกว้าง หายใจติดขัด ขมวดคิ้วแน่นราวกับสัมผัสถึงบางสิ่งได้

ในคฤหาสน์เซียน หลงหลีซิงซึ่งกำลังหลับอยู่ก็ลืมตาตื่นขึ้นทันที สายตาเยือกเย็นของเขามองผ่านดวงตาของจินเป่าเอ๋ออย่างระแวดระวัง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีอันตราย จึงสังเกตเห็นสีหน้าผิดปกติของนาง

“เกิดอะไรขึ้น”

ทำไมนางจึงเกิดความหวั่นไหวถึงเพียงนี้ ความรู้สึกอาฆาตที่มาจากก้นบึ้งของวิญญาณ รุนแรงเสียจนแม้แต่หลงหลีซิงเองยังสัมผัสได้! ใครกัน…ที่มีความเกลียดชังจินเป่าเอ๋อถึงเพียงนี้

เมื่อได้ยินเสียงของหลงหลีซิง จินเป่าเอ๋อพยายามข่มความรู้สึกหวาดหวั่นในใจ สีหน้าเคร่งขรึมขณะตอบ

“ไม่แน่ใจ…แต่คนที่ยึดมั่นจะสังหารข้าเช่นนี้ คงมีแค่คนเดียว…แต่ก็ไม่น่าจะใช่ นางควรจะอยู่ที่แดนผีวิญญาณ และ…”

และนางเองก็ทำลายพลังบำเพ็ญของอีกฝ่ายเสียสิ้น ทั้งยังทำลายใบหน้าของนางอีก!

จะหาว่านางโหดเหี้ยมไร้ปรานีก็ช่าง แต่นางไม่เสียใจที่ทำลงไป!

“เฮ้อ…ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว โอสถรวบรวมพลังระดับห้า! เจ้าเก่งมาก เห็นทีว่าหลายปีมานี้เจ้าคงไม่ปล่อยเวลาเสียเปล่า…หือ เจ้าไม่สบายตรงไหนหรือ”

เสียงของเฉียนฝูจื่อที่เคยตื่นเต้นเต็มไปด้วยความภาคภูมิ ตอนนี้มีแววกังวลเล็กน้อย

จินเป่าเอ๋อค่อยๆ ยกศีรษะขึ้น สีหน้าเริ่มกลับมาเป็นปกติ นางส่ายหน้าเบาๆ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่อยากจะเข้าไปค้นคว้าข้อมูลในหอสมบัติ ขอความกรุณาท่านให้ข้าเข้าไปได้หรือไม่เจ้าคะ”

เมื่อได้ยินดังนั้น เฉียนฝูจื่อก็พยักหน้าอย่างรวดเร็ว

“ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้ล่ะ! ตราบใดที่เป็นนักปรุงโอสถของสภาปรุงโอสถ สามารถเข้าไปได้อยู่แล้ว! ตามข้ามาสิ ข้าจะพาเจ้าไปเอง!”

เขาพานางเดินมาจนถึงส่วนหลังของสภาปรุงโอสถ ที่นั่นมีอาคารทรงเจดีย์ขนาดใหญ่ตั้งตระหง่าน มีค่ายเวทป้องกันรอบด้าน แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของสมบัติภายในเป็นอย่างมาก!

เมื่อนางเดินตามเฉียนฝูจื่อเข้าไปในอาคาร จินเป่าเอ๋อถึงกับตกตะลึง เพราะภายนอกเจดีย์ดูเหมือนมีขนาดไม่เกินเจ็ดถึงแปดเมตร แต่ภายในกลับกว้างขวางถึงสามสิบเมตร อีกทั้งยังดูสูงโปร่งทอดยาวขึ้นไป

เฉียนฝูจื่อสังเกตเห็นความตื่นตะลึงในแววตาของนางก็หัวเราะอย่างภาคภูมิ พร้อมพูดเชิญชวน

“หอสมบัติของข้ามีคัมภีร์มากกว่าสำนักเพียวเมี่ยวหลายเท่า ไม่เพียงแค่เวทมนตร์ แต่ยังมีวิชาค่ายเวท คาถาสัญลักษณ์ การควบคุมสัตว์ การปรุงโอสถ การสร้างอาวุธ ศาสตร์เชิดหุ่น ศาสตร์การฝึกกาย ศาสตร์ดาบ…ทุกแขนงอย่างครบถ้วนเป็นที่สุด! ว่าไง เจ้าไม่ลองพิจารณามาเป็นผู้อาวุโสที่นี่หรือ จะได้เข้าออกหอสมบัติได้ทุกเมื่อที่ต้องการ!”

จินเป่าเอ๋อเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย

“ข้าคงต้องพิจารณาดูดีๆ แล้วล่ะ แต่เกรงว่าเมื่อถึงเวลานั้น ท่านอาจจะไม่กล้ารับข้าไว้ก็ได้นะ”

ด้วยระดับพลังของนางในตอนนี้ บวกกับฐานะของผู้ใช้คาถาสัญลักษณ์และค่ายเวท ถือเป็นภัยคุกคามไม่น้อย

หากประกาศตัวในฐานะนักปรุงโอสถอีก คงดึงดูดศัตรูที่ไม่จำเป็นมากเกินไป

เฉียนฝูจื่อหัวเราะออกมาพร้อมโบกมืออย่างไม่สนใจ ก่อนเดินจากไป

เมื่อเหลือเพียงนางอยู่ลำพัง สีหน้าจินเป่าเอ๋อจึงแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดอีกครั้ง…

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด