ตอนที่แล้วตอนที่ 48 : ประสบการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 50 : ดูเหมือนปูนซีเมนต์จะหลวมนิดหน่อย

ตอนที่ 49 : ฉันอยู่คนเดียวได้


หลังมื้ออาหารเย็นจบลง คณะเจ็ดคนก็เดินกลับมหาวิทยาลัยหลินชวนภายใต้แสงจันทร์ยามราตรี

เสี่ยวฟู่โผก้าวเดินอย่างช้าๆ ตลอดทาง แม้ว่าจะไม่ได้พูดอะไร แต่เห็นได้ชัดว่าเธอไม่อยากกลับไปที่หอพักเร็วนัก ความลับเล็กๆ น้อยๆ ในใจนี้ก็ถูกเผยออกมาจนหมด ดังนั้นเจียงฉินจึงตัดสินใจพาเธอไปเดินเล่นรอบๆ มหาวิทยาลัย และแอบส่งสัญญาณให้อีกห้าคนกลับไปก่อน

ฟ่านซูหลิงมีท่าทางเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด เธอไม่ค่อยอยากให้เฟิงหนานซูและเจียงฉินอยู่กันตามลำพังสักเท่าไหร่

ผู้ชายหน้าหม้อแบบนี้ต้องรีบหนีให้ไกล จะเข้าไปยุ่งกับเขาทำไมก็ไม่รู้ ในฐานะพี่ใหญ่สุดของห้องพัก เธอรู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ของเธอที่จะต้องเตือนให้เพื่อนร่วมห้องได้ตาสว่าง

แต่เกาเหวินฮุ่ยกลับให้การสนับสนุนอย่างดีเยี่ยม ไม่พูดไม่จาเธอก็ลากฟ่านซูหลิงออกไปทันที

“บุปผายามใบไม้ผลิ จันทรายามใบไม้ร่วง ช่วงเวลาดีๆ และบรรยากาศที่สวยงามแบบนี้ คนที่พยายามทำตัวเหมือนหลอดไฟจะเป็นโสดไปตลอดชีวิต!”

พอได้ยินคำสาปอันชั่วร้ายของเกาเหวินฮุ่ย ฟ่านซูหลิงก็ไม่กล้าขัดขืนอีก ได้แต่เฝ้ามองเฟิงหนานซูเดินตามเจียงฉินไปอย่างเชื่อฟัง

หลังจากกลับมาถึงหอพักฟ่านซูหลิงก็ยังไม่คลายความกังวล: “เจียงฉินคนนั้นมันเป็นคนหน้าหม้อ ฉันเห็นมากับตาว่าเขาไปเกี่ยวพันกับผู้หญิงตั้งสี่คน แถมทั้งสี่คนนั้นยังอยู่ห้องพักเดียวกันอีกด้วย ตลอดชีวิตของฉันไม่เคยเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้มาก่อนเลย!”

เกาเหวินฮุ่ยที่กำลังแช่เท้าพูดปลอบใจ: “หนานซูอาจเป็นคนเก็บตัว ดูน่ารักนิดหน่อย แต่เธอก็ไม่ได้โง่”

“แต่เธอหลอกง่าย”

“เรื่องนั้นฉันไม่รู้หรอก แต่เธอน่าจะรู้ดีว่าอยู่กับใครแล้วมีความสุข” เกาเหวินฮุ่ยคิดว่าความสุขเป็นสิ่งสำคัญ

ฟ่านซูหลิงตัดสินใจไม่พูดอะไรต่อ หยิบหนังสือขึ้นมาแล้วเริ่มอ่าน แต่หลังจากอ่านไปได้สักพักก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา: “เหวินฮุ่ย เธอดูแปลกๆ ไปนะ เขาถึงกับหลอกให้เธอกินขิงด้วยซ้ำ ดูยังไงเขาก็ไม่ใช่คนดีเลย!”

“ซูหลิง”

“หืม?”

“หนานซูรอเขามานานแล้ว”

“...”

“ช่างเถอะ ฉันไม่รู้ด้วยแล้ว”

ท้องฟ้ายามค่ำคืนหลังฝนตกดูเย็นยะเยือกราวกับสายน้ำ ทำให้ทั้งสองเงาร่างที่เดินอยู่บนถนนในมหาวิทยาลัยยืดยาวออกไปเรื่อยๆ

เพียงแต่ว่าร่างตรงหน้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เดินอยู่ดีๆ ก็หยุดอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้ร่างเล็กที่เดินตามหลังชนเข้าไปจังๆ อย่างไม่ทันตั้งตัว

แต่การได้เอาเปรียบครั้งนี้ไม่ได้ทำให้รู้สึกภาคภูมิใจนัก อย่างน้อยเจียงฉินก็คิดเช่นนั้น

เฟิงหนานซูดูตกตะลึงและยืนอึ้งอยู่กับที่ ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโลกใบนี้ของเธอยังไม่ครอบคลุม สิ่งที่เธอรู้ส่วนใหญ่ก็มักจะมาจากนิยายแฟนตาซีอย่าง [สาวน้อยดวงตาเวทมนตร์]

แม้ว่านิยายแฟนตาซีสำหรับเด็กเล็กจะน่าสนใจมาก แต่ก็มักจะไม่มีพล็อตเรื่องความรักให้เห็น

ทำไมน่ะเหรอ?

ถ้านิยายสำหรับเด็กเต็มไปด้วยเนื้อเรื่องเกี่ยวกับการมีความรัก งั้นมันจะสมเหตุสมผลตรงไหน?

ดังนั้นเฟิงหนานซูจึงไม่มีทางรู้ว่าเธอกำลังถูกเอาเปรียบ

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เจียงฉินก็รู้สึกกระดากใจเล็กน้อย เธออุตส่าห์ให้เงินนายเพื่อเอาไปเริ่มต้นธุรกิจเชียวนะ แต่นายกลับแอบเอาเปรียบเธอ เดรัจฉานเอ้ย

ขอครั้งสุดท้าย

คืนนี้ขอเป็นครั้งสุดท้าย

เจียงฉินหยุดและรอให้เฟิงหนานซูเดินมาชนเขา ก่อนจะพูดขึ้นอย่างจริงจัง: “ฉันได้ยินมาว่าเพื่อนร่วมห้องของเธอชวนไปดูหนัง ทำไมถึงไม่ไปล่ะ?”

เฟิงหนานซูกระชับเสื้อบริเวณหน้าอก ดวงตาของเธอบ่งบอกถึงความดื้อรั้น: “ฉันไม่ชอบดูหนัง”

“เธอคงเคยดูพินอคคิโอใช่ไหม เวลาที่โกหกจะมีจมูกยาวขึ้น เหมือนเธอตอนนี้เลย”

ทันทีที่ได้ยินเฟิงหนานซูก็ยืนตัวแข็งอยู่กับที่ จากนั้นจึงค่อยๆ ยกมือขึ้นไปแตะที่จมูกของตัวเอง

ฮึ หลอกฉันอีกแล้ว คนโกหกไม่ได้จมูกยาวขึ้นจริงๆ สักหน่อย

“เธอเคยออกมาเดินเล่นตอนกลางคืนบ้างไหม?”

เฟิงหนานซูรีบสับเท้าเดินตามมา: “ไม่เคย ตอนกลางคืนในหลินชวนมืดไปหน่อย”

เจียงฉินอดไม่ได้ที่จะหยุดแล้วหันกลับมามองที่เธอ: “ตอนนี้ก็มืดแล้วไม่ใช่เหรอ เธอกลัวหรือเปล่า งั้นฉันไปส่งเธอกลับดีไหม?”

“ไม่เอา ถ้าอยู่กับเพื่อนฉันไม่กลัว”

“เพื่อนร่วมห้องก็เป็นเพื่อนเหมือนกัน แล้วทำไมถึงไม่กล้าไปดูหนังกับเพื่อนร่วมห้องล่ะ?”

เฟิงหนานซูไม่ตอบ ปากเล็กสีชมพูของเธอเม้มเข้าด้วยกัน จากนั้นเดินตามเจียงฉินไปข้างหน้า

ฉันไม่ได้รู้สึกปลอดภัยกับเพื่อนทุกคนที่อยู่ด้วยหรอกนะ…

ความจริงแล้วตอนกลางคืนในมหาวิทยาลัยหลินชวนไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่ ถ้าไปที่ป่าต้นเมเปิล เดินเข้าไปสามก้าวคุณก็จะได้เห็นคู่รักกำลังจูบกัน เดินไปอีกสามก้าวก็เห็นอีกคู่หนึ่ง ชวนให้น่าอึดอัดสุดๆ ขณะที่ลานด้านหน้ามหาวิทยาลัยก็แน่นขนัดไปด้วยผู้คน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเฟิงหนานซูไม่ชอบบรรยากาศแบบนั้น

ที่สนามกีฬามีคนหอบโคมไฟมานั่งเล่นไพ่ แต่บริเวณรอบข้างต่างก็วุ่นวายไปหมด แน่นอนว่าที่นี่ก็มีคนจูบกัน

เจียงฉินมองพวกเขาจูบกันจนรู้สึกมึนงง คิดในใจว่าเดี๋ยวฉันให้พวกนายยืมเงินไปเปิดห้องเอาไหม จากนั้นก็รีบยกมือปิดดวงตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นของเฟิงหนานซูแล้วเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว

สุดท้ายทั้งสองคนก็เดินอ้อมไปอ้อมมาจนมาถึงริมทะเลสาบหวางเยว่

นี่คือทะเลสาบเทียมที่ใหญ่ที่สุดในมหาวิทยาลัย ถูกออกแบบให้ดูเหมือนทะเลสาบตามธรรมชาติ ล้อมรอบด้วยโขดหินรูปทรงขรุขระและอู่ต่อเรือหินขนาดใหญ่

ทางทิศตะวันออกที่เป็นทางน้ำเข้ามีน้ำตกซึ่งถูกสร้างขึ้นอย่างตั้งใจ เสียงน้ำตกกระทบดังซู่ซ่า ให้ความรู้สึกไม่ต่างกับธรรมชาติของจริงมากนัก

เจียงฉินรู้สึกว่าสถานที่นี้ค่อนข้างเงียบสงบ เขาจึงดึงเฟิงหนานซูให้นั่งลง

เสียงกบร้อง เสียงน้ำกระเพื่อม แสงจันทร์สลัวๆ และสายลมยามค่ำคืน

ทันใดนั้นเฟิงหนานซูก็ถอดรองเท้าหนังคู่เล็กและถุงเท้าสีขาวบางๆ ที่มีขอบลายลูกไม้ออก เผยให้เห็นเท้าคู่เล็กที่เนียนนุ่มละเอียดอ่อนคู่หนึ่ง นิ้วเท้ากลมมนและน่ารัก จากนั้นเธอก็ค่อยๆ เหยียดเท้าไปวางบนตักเจียงฉินอย่างแผ่วเบา

“?”

“ตอนช่วงฝึกทหารฉันสัญญาไว้แล้วนี่ ว่าจะให้นายเล่นเท้าได้” เฟิงหนานซูมองเขาอย่างเงียบๆ

เจียงฉินเขินจนพาลเป็นโมโห: “เธอล้อเล่นหรือไง ฉันเป็นสุภาพบุรุษนะ เธอใช้สิ่งนี้มาทดสอบความเป็นสุภาพบุรุษของฉันงั้นเหรอ? ขอบอกไว้ก่อนเลย อย่าหวังว่าฉันจะแตะต้องมัน”

ทันใดนั้นเฟิงหนานซูก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย: “ฟู่… เบาๆ หน่อย มันเจ็บ”

“บัดซบ ทำไมมือฉันมันถึงได้มีความคิดเป็นของตัวเองล่ะ?”

“มักจั๊กจี้นิดหน่อย” ดวงตาของเฟิงหนานซูเริ่มมีม่านน้ำประกายแวววาว

“ไม่เป็นไร มันไม่ใช่ปัญหา เอาข้างนั้นมาด้วยสิ”

เจียงฉินบีบสิ่งที่นุ่มนวลและเรียบเนียนในมือพลางมองออกไปยังผิวน้ำในทะเลสาบ: “อันที่จริงช่วงนี้ฉันเพิ่งว่าง แต่เพราะต้องฝึกทหารทุกวันก็เลยไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นเลย แล้วหลังจากการฝึกทหารจบลงฉันอาจจะยุ่งกว่านี้อีก”

หลังจากที่พูดสิ่งนี้ออกไปเจียงฉินก็เหมือนจะตกตะลึงเล็กน้อย รู้สึกว่าฉากนี้ดูคุ้นเคยแปลกๆ

โอ้ ใช่แล้ว ในช่วงวันหยุดฤดูร้อนที่ผ่านมา เขาได้รับเงินค่ารื้อถอนและต้องการเรียนขับรถ ในขณะเดียวกันก็พยายามทำความเข้าใจสภาวะตลาดของอุตสาหกรรมต่างๆ ดูเหมือนตอนนั้นเขาก็เคยพูดอะไรแบบนี้ด้วย

ในเวลานั้น ดูเหมือนเสี่ยวฟู่โผจะพูดว่าเธอไม่เคยเหงา เธอบอกว่าตัวเองอยู่คนเดียวมาตลอด แต่ไม่กี่วันหลังจากนั้นกลับมีอารมณ์หม่นหมองขึ้นมา แม้แต่หนังสือที่เธอชอบก็ยังอ่านไม่ลง

เจียงฉินหันไปมองเฟิงหนานซู เขาพบว่าเสี่ยวฟู่โผกำลังเม้มริมฝีปาก แสร้งทำเป็นว่าไม่ใส่ใจ

“เฟิงหนานซู?”

“ฉันอยู่คนเดียวได้” เฟิงหนานซูยังคงมองไปทางอื่น

เจียงฉินอดไม่ได้ที่จะยื่นหน้าเข้าไปใกล้เธอ: “เธอแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“อืม”

“งั้นก็หันหน้ามาให้ฉันดูสิ”

“ไม่เอา”

“เอาล่ะ ไม่ต้องร้องไห้ ถ้ายุ่งมากๆ เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปด้วย แต่ห้ามสร้างปัญหาเด็ดขาด”

“ไม่ได้ร้องซะหน่อย”

เฟิงหนานซูเอ่ยอะไรบางอย่างเบาๆ จากนั้นก็มองดูทะเลสาบอย่างเงียบๆ สัมผัสได้ว่าเท้าของเธอเริ่มอุ่นขึ้นเรื่อยๆ และอยากจะนั่งอยู่ตรงนี้ตลอดไป

(จบตอน)

หลอดไฟ หมายถึงก้างขวางคอ

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด