ตอนที่ 48 : ประสบการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน
ร้านอาหารใกล้มหาวิทยาลัยอาจไม่จำเป็นต้องหรูหราเสมอไป ท้ายที่สุดทุกธุรกิจต้องคำนึงถึงกำลังซื้อของนักศึกษาก่อนที่จะเปิดร้านอยู่แล้ว ดังนั้นหลังจากเลือกกันอยู่พักหนึ่ง กลุ่มเจ็ดคนจึงตัดสินใจเลือกร้านที่มีลูกค้ามากที่สุด นั่นก็คือร้านอาหารหนานซาน
เจียงฉินพาทั้งหกสาวเดินเข้าไปในห้องส่วนตัว แล้วบอกให้พวกเธอสั่งอาหารกันตามสบาย ในขณะที่เขาขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่
หลังจากที่ออกมา เจียงฉินก็ได้รับคำขอเป็นเพื่อนทาง QQ ข้อความแรกของอีกฝ่ายคือ ‘สวัสดีค่ะบอส ฉันชื่อสือเหมี่ยวเหมี่ยว’
เจียงฉินคิดอยู่นานก่อนที่จะถึงบางอ้อ เธอน่าจะเป็นเด็กสาวที่ถูกเหยาเยี่ยนหลิงบีบให้ออกจากชมรมวรรณกรรม
สือเหมี่ยวเหมี่ยวบอกว่าเธอได้ฟังจากต่งเหวินห่าวแล้ว และเธอยินดีที่จะลงนิยายรายตอนเรื่อง [เธอคือดอกไม้ไฟในโลกใบนี้] บนเว็บไซต์ พร้อมทั้งถามว่าจะเริ่มได้เมื่อไหร่
เจียงฉินคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโยน QQ ของซูไน่ไปให้เธอ โดยบอกให้สือเหมี่ยวเหมี่ยวขอสร้างบัญชีภายในกับซูไน่ เพื่อที่จะสามารถเริ่มอัปเดตได้ในคืนนี้
เมื่อกลับมาที่ห้องส่วนตัว เพื่อนๆ ของเฟิงหนานซูได้สั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว
เด็กสาวกลุ่มหนึ่งอายุสิบเจ็ดสิบแปดปีกลับสั่งอาหารจานเนื้อเต็มโต๊ะ เจียงฉินที่เห็นถึงกับอ้าปากค้าง คิดในใจว่าปี 2008 นี่ดีจริงๆ เพราะเป็นยุคที่สาวๆ ยังไม่ต้องกังวลเรื่องรูปร่างกันขนาดนั้น
“หนานซู ดูสิ ตาของเจียงฉินแทบถลนออกมาเลย เขาคงกังวลเรื่องเงินอยู่ใช่ไหม?” เกาเหวินฮุ่ยพูดแหย่พร้อมแตะไปที่แขนของเฟิงหนานซู
เฟิงหนานซูตบหน้าอกตัวเองเบาๆ: “ไม่เป็นไร ฉันมีเงิน”
เจียงฉินนั่งลงข้างเฟิงหนานซูประหนึ่งว่ากำลังถือดาบทองคำบนหลังม้า[1]: “มีเงินก็ไม่จำเป็นต้องใช้ของเธอ เกาเหวินฮุ่ย วันนี้เธออยากกินแค่ไหนก็กินไปเลย ต่อให้เธอกินจนตัวกลมเหมือนหมูฉันก็ไม่กระพริบตาด้วยซ้ำ”
“จริงเหรอ?” เกาเหวินฮุ่ยพูดจบก็ตกตะลึง “ไม่ใช่สิ นี่นายจะบอกว่าฉันดูเหมือนหมูเหรอ?”
“ลบคำว่าดูเหมือนออกซะ ตอนนี้เธอเป็นนักศึกษาแล้ว ต้องมั่นใจในตัวเองหน่อย!”
“เฟิงหนานซู ดูแฟนของเธอสิ!” เกาเหวินฮุ่ยหน้าแดงทันที
เฟิงหนานซูเงียบไปครู่หนึ่ง: “เจียงฉิน ถ้างั้นทำไมเราไม่เก็บคำว่าดูเหมือนไว้ล่ะ?”
ทันทีที่เสียงนั้นดังขึ้น ทั้งห้องก็หัวเราะออกมา
ไช่ฟางพูดขึ้นว่านี่มันสามีร้องภรรยารับชัดๆ เกาเหวินฮุ่ย เธอนี่ไม่มีวิสัยทัศน์เลยจริงๆ แถมยังจะไปฟ้องเฟิงหนานซูอีก เรียกได้ว่าขายขำมาก
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะในห้อง เจียงฉินก็อดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปมองเฟิงหนานซู ภายใต้แสงไฟสีส้มอ่อน ผิวของเสี่ยวฟู่โผนั้นขาวเนียนไร้ที่ติ ใบหน้าอ่อนโยนงดงาม ริมฝีปากสีชมพูสดใส ดั้งจมูกเรียวโดดเด่น เธอสวยมากจนเหมือนกับว่ามีแอปปรับผิวเนียนเป็นของตัวเอง
เขาค่อนข้างสงสัยจริงๆ ว่าความเข้าใจผิดที่ว่าเขาเป็นแฟนเธอนั้นเกิดขึ้นได้ยังไง?
หรือเป็นเพราะเขาไปส่องดูเฟิงหนานซูที่ประตูหลังของชั้นเรียนการเงินที่สี่เมื่อครั้งที่แล้ว?
เสี่ยวฟู่โผคงไม่รู้จะอธิบายยังไง หรือไม่เธอก็อาจสับสนความหมายของคำว่าแฟนกับเพื่อนผู้ชาย
เจียงฉินคิดในใจและตัดสินใจว่าจะไม่อธิบายอะไรเช่นกัน เฟิงหนานซูเป็นคนที่สวยมาก สี่ปีในมหาวิทยาลัยคงต้องเจอกับการรบกวนอยู่ไม่น้อย ถือเสียว่าเป็นการช่วยปกป้องเธอไปก็แล้วกัน ยังไงเขาก็ไม่ได้คิดที่จะมีความรักอยู่แล้ว
แต่การเป็นโล่ป้องกันคงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะงั้นการใช้ประโยชน์จากจุดเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ก็ไม่น่าจะมากเกินไปใช่ไหม?
“เจียงฉิน ฉันอยากกินรากบัว”
เฟิงหนานซูสวมถุงมือพลาสติกและกำลังแกะกุ้งเครย์ฟิชอยู่ มือเลยไม่ว่าง ดังนั้นเธอจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงใสๆ
เจียงฉินเอื้อมมือหยิบตะเกียบขึ้นมา คีบรากบัวชิ้นหนึ่งที่แช่อยู่ในซอสน้ำส้มสายชู จากนั้นก็ป้อนมันเข้าปากเธอ
เสี่ยวฟู่โผกินอย่างเอร็ดอร่อย รากบัวเย็นๆ ชิ้นหนึ่งเคี้ยวแค่สองสามคำก็หมด
เมื่อได้เห็นฉากนี้คนในห้องส่วนตัวก็ส่งเสียงระเบิดขึ้นทันที ทุกคนพากันมองไปที่พวกเขาด้วยสายตาคลุมเครือและหยอกล้อ
“เจียงฉิน ฉันก็อยากกินรากบัวเหมือนกัน~”
เกาเหวินฮุ่ยต้องการแก้แค้นกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น เธอจึงเลียนแบบคำพูดของเฟิงหนานซูเพื่อหยอกล้อพวกเขาทั้งสอง
ผลคือ เจียงฉินหยิบตะเกียบคู่ใหม่ออกมา คีบชิ้นหนึ่งแล้วป้อนมันให้เธอจริงๆ: “เสี่ยวฟู่โผของฉันค่อนข้างกลัวสังคม คงต้องพึ่งพี่สาวเกาอีกมากในช่วงสี่ปีข้างหน้า เพราะงั้นถือซะว่ามันเป็นคำขอบคุณล่วงหน้าของฉันแล้วกัน”
เดิมทีเกาเหวินฮุ่ยแค่ล้อเล่น แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย โดยเฉพาะคำว่าพี่สาวเกาที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนโดนยกยอจนแทบลอยขึ้นฟ้า เธอจึงเปิดปากรับหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าทันใดนั้นรสเผ็ดก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งปากแล้ววิ่งขึ้นไปถึงจมูก
เกาเหวินฮุ่ยถึงกับน้ำตาไหล
“แหวะ นี่มันขิงนี่ เจียงฉิน ไอ้สารเลว นายให้ฉันกินขิงเหรอ!”
“ให้ตายเถอะ ฉันขอโทษ ก็ว่าอยู่ทำไมรากบัวชิ้นนี้ถึงมีสีแปลกๆ ไอ้ที่เหลืองๆ น่ะไม่เท่าไหร่ แต่แมร่งไม่มีรูด้วยซ้ำ”
เกาเหวินฮุ่ยหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมด พอรสชาติขิงจางลงเธอก็ลุกขึ้นยืนพร้อมเท้าสะเอว ประกาศกร้าวว่าจะสู้ตายกับเจียงฉิน จนกระทั่งเจียงฉินเรียกเธอว่าพี่สาวเกาสามครั้งติดกันเธอจึงยอมปล่อยเขาไป
หลังจากเรื่องตลกจบลง เจียงฉินก็วางตะเกียบไว้บนจานตรงหน้า แต่เขากลับพบว่าบนจานครึ่งหนึ่งมีกุ้งที่ถูกแกะเปลือกแล้ววางอยู่
เขาอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะมองไปที่เฟิงหนานซู
ในเวลานี้เสี่ยวฟู่โผยังคงนั่งแกะเปลือกกุ้งอยู่ ปากเล็กๆ ของเธอที่เปลี่ยนเป็นสีแดงเนื่องจากความเผ็ดดูน่ารักเป็นพิเศษ
“...”
เจียงฉินนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นคีบหางกุ้งขึ้นมาแล้วใส่เข้าไปในปาก เขาค่อยๆ เคี้ยวมันอย่างระมัดระวัง
รสชาติก็พอใช้ได้ แต่หัวใจและกระดูกสันหลังส่วนบนกลับรู้สึกเสียวซ่านอย่างบอกไม่ถูก
เขาไม่เคยได้ลิ้มลองความรู้สึกแบบนี้เลย ไม่ว่าจะเป็นก่อนหรือหลังการเกิดใหม่ก็ตาม
หลังจากนั้นไม่นาน งานเลี้ยงก็ใกล้จะสิ้นสุดลง สาวๆ ทั้งหกคนกินดื่มกันพอแล้ว พวกเธอจึงวางตะเกียบและเริ่มพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
เจียงฉินถือโอกาสนี้อวดเว็บไซต์ของเขาให้พวกเธอดู ขอให้พวกเธอลองใช้งานแล้วให้คำติชมเพื่อดูว่ามีจุดไหนที่ควรจะแก้ไขบ้าง
ตอนนี้เว็บไซต์ของเขามีโครงสร้างหลักๆ และเนื้อหาแล้ว สิ่งที่ขาดไปเพียงอย่างเดียวก็คือประสบการณ์การใช้งานจริงจากผู้ใช้ ในฐานะบอส วิสัยทัศน์และความรู้สึกของเขามักถูกจำกัดด้วยผลประโยชน์ ทำให้บางทีไม่สามารถประเมินได้อย่างแม่นยำ การมีผู้ใช้จริงเท่านั้นที่จะทำให้รู้ว่าเว็บไซต์ดีหรือไม่ดี
“เว็บไซต์นี้เหมือนกับฟอรัมสำหรับนักศึกษาใช่ไหม?”
“ใช่ ประมาณนั้น แต่ฟอรัมเดิมเน้นไปที่การเรียนรู้ ในขณะที่ฟอรัมนี้เน้นไปที่ความบันเทิงมากกว่า”
หลังจากที่เจียงฉินพูดจบคิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันทันที เพราะเขาสังเกตเห็นว่าฟ่านซูหลิงที่อยู่ตรงข้ามเขากำลังมองมาด้วยสายตาเย็นชา: “เพื่อนร่วมชั้นฟ่าน เป็นอะไรไป ยังไม่อิ่มเหรอ?”
“เปล่า อิ่มแล้ว”
ฟ่านซูหลิงเก็บสีหน้าลง หยิบแก้วน้ำชาขึ้นมาดื่ม
เจียงฉินรู้สึกสับสนเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบกับเพื่อนร่วมห้องของเฟิงหนานซู เขาไม่เคยรู้จักเธอมาก่อน แล้วทำไมพอเขาเลี้ยงข้าวเธอ อีกฝ่ายกลับดูไม่พอใจ?
แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ เที่ยงวันนี้ ฟ่านซูหลิงพี่ใหญ่ของห้องพัก 503 ไปกินข้าวที่ถนนหนานเจียพอดี
เธอได้เห็นฉากอันโด่งดังที่สาวๆ สี่คนพากันรุมล้อมเจียงฉินด้วยตาตัวเอง
แต่ตอนนั้นเธอไม่รู้จักเจียงฉิน เพราะงั้นเธอจึงไม่ได้สนใจเขามากนัก
จนกระทั่งเธอกำลังนั่งกินข้าว จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่าที่หน้าผาก ทำให้ภาพของชายที่ถนนหนานเจียซ้อนทับกับภาพของคนตรงหน้าทันที
นี่ไม่ใช่ไอ้ผู้ชายหน้าหม้อที่นำปัญหามาสู่คนทั้งห้องพักหรอกเหรอ?
คนแบบนี้จะมาคบกับเฟิงหนานซูผู้บริสุทธิ์ผุดผ่องได้ยังไง เป็นไปได้ไหมที่เขาคิดว่าเฟิงหนานซูนั้นเป็นพวกหลอกง่าย?
ด้วยความคิดเช่นนี้ ความประทับใจของฟ่านซูหลิงที่มีต่อเจียงฉินจึงเข้าขั้นเลวร้าย
แต่เธอยังไม่แน่ใจว่าจะพูดเรื่องนี้ออกมาดีไหม และก็ยังไม่รู้ว่าจะพูดมันออกมายังไง
(จบตอน)
[1] 大马金刀 ถือดาบทองคำบนหลังม้า เป็นสำนวนจีน หมายถึงการกระทำที่ตรงไปตรงมาและเด็ดขาด แสดงถึงอำนาจ