ตอนที่ 47 : ชีวิตประจำวันของเฟิงหนานซู
ที่ชั้นล่างของหอพักหญิงในยามพลบค่ำค่อนข้างคึกคัก เต็มไปด้วยคู่หนุ่มสาวที่กำลังหวานชื่นกันอยู่ คู่หนึ่งไปหลบอยู่หลังพุ่มไม้ อีกคู่ไปอยู่ในโรงจอดรถ พวกเขาทั้งหมดต่างคนต่างอยู่ ไม่รบกวนกันเหมือนกับว่าตกลงไว้แล้วล่วงหน้า
เจียงฉินเฝ้าดูเฟิงหนานซูเดินขึ้นไปชั้นบน จากนั้นจึงนั่งยองๆ อยู่ข้างทาง มองไปยังคู่รักที่อยู่ตรงหน้าด้วยความสนใจ
ทั้งสองคนนั่งคุยกันจนกระทั่งลงเอยด้วยการจูบ มือแต่ละข้างต่างก็เคลื่อนที่ไปมา ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่นาทีก็พันกันเป็นเกลียวราวกับว่าจะรวมร่างเข้าด้วยกัน
แต่สายตาของเจียงฉินก็ถูกสังเกตเห็นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นฝ่ายชายจึงดึงฝ่ายหญิงเข้ามาในอ้อมอกแล้วสลับข้างกัน หันก้นไปทางเจียงฉิน แถมยังใช้มือดึงกางเกงที่เข้าวินให้เขาดูอีกด้วย
เมื่อเห็นฉากนี้ เจียงฉินก็อดไม่ได้ที่จะถ่มน้ำลายใส่ นักศึกษามหาวิทยาลัยหมาเยิ้บแม่พวกนี้รู้จักแต่เก็บไว้กินคนเดียว
ในขณะนี้เอง มีหญิงสาวคนหนึ่งวิ่งลงมาจากชั้นบน ไม่พูดไม่จาก็เดินดุ่มๆ มาหาเขาทันที
เจียงฉินดูคุ้นหน้าคุ้นตาเธอ เพราะเธอเป็นคนแรกที่เห็นเขาตรงประตูหลังห้องเรียนในวันนั้น
“แฟนของเฟิงหนานซูใช่ไหม ฉันชื่อเกาเหวินฮุ่ย”
“ฉันชื่อเจียงฉิน ชายหนุ่มรูปงามที่อยากเป็นหนุ่มหน้าขาวให้เสี่ยวฟู่โผเลี้ยงดู”
เกาเหวินฮุ่ยได้ยินประโยคหลังไม่ชัดเท่าไหร่ เธอเอ่ยขึ้นเหมือนไม่มีอะไร: “รอให้นายมาเลี้ยงข้าวนี่มันไม่ง่ายเลย ดอกไม้ในหอพักของเราเหี่ยวเฉาไปหมดแล้ว”
เจียงฉินยืนขึ้นพลางปัดฝุ่นที่กางเกง: “ช่วงนี้ฉันยุ่งมาก เลยต้องเลื่อนมาหลายวันหน่อย เดี๋ยววันนี้ฉันเลี้ยงเต็มที่เลย จะกินอะไรก็ได้ไม่ต้องเกรงใจ”
“นายยุ่งตั้งแต่เปิดเทอมเลยเนี่ยนะ? นายไม่รู้ใช่ไหมว่าเฟิงหนานซูเอาแต่คิดถึงนายอยู่ทุกวันในหอพัก”
“คิดถึงฉัน?”
เจียงฉินไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ เด็กสาวซื่อบื้อคนนั้นคงไม่เข้าใจหรอกว่าความคิดถึงคืออะไร: “อายุแค่นี้ก็หัดโกหกแล้ว ต่อไปห้ามทำให้เฟิงหนานซูเสียคนเด็ดขาดเลยนะ”
เกาเหวินฮุ่ยขมวดคิ้วเข้าด้วยกัน: “ฉันพูดเรื่องจริง”
“ไร้สาระ เธอไปได้ยินเรื่องนี้มาจากไหน?”
“ตอนที่เราคุยกัน เธอมักจะบอกว่าเจียงฉินพาฉันไปแช่บ่อน้ำพุร้อน เจียงฉินพาฉันไปที่บาร์ เจียงฉินกับฉันอ่านหนังสือด้วยกัน แต่ทุกครั้งที่พูดถึงก็มีอยู่แค่นี้ ไม่เคยมีอะไรใหม่ๆ เลย แค่เห็นพวกเราก็รู้แล้วว่าเธอกำลังรอให้นายพาไปเที่ยวอยู่!”
“จริงเหรอ?” เจียงฉินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพราะคำโกหกไม่น่าจะสามารถพูดออกมาได้ลื่นไหลขนาดนี้
“แน่นอนสิ ฉันไม่เคยเจอแฟนหนุ่มแบบนายเลย เปิดเทอมมาจะสัปดาห์แล้ว นายยังไม่เคยมาหาเธอเลยสักครั้ง เธอเองก็ไม่กล้าไปหานายด้วย มันมากเกินไปจริงๆ”
“เดี๋ยวก่อน ทำไมเธอถึงไม่กล้าไปหาฉันล่ะ?”
เกาเหวินฮุ่ยคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว: “ไม่รู้เหมือนกัน ถามไปเธอก็ไม่บอก พอพูดเรื่องนี้แล้วก็รู้สึกแปลกจริงๆ เธอไม่ได้เย็นชา แต่เป็นคนที่กลัวสังคม!”
เจียงฉินยังคิดถึงเรื่องก่อนหน้านี้อยู่ หลังจากที่ได้ยินเขาจึงตอบโดยไม่รู้ตัว: “ใช่ เธอไม่เคยมีเพื่อนตั้งแต่สมัยมัธยมปลายแล้ว เพราะงั้นอย่าไปกลั่นแกล้งเธอล่ะ”
“ใครจะไปแกล้งเธอ พวกเราน่ะเรียนด้วยกันแล้วก็กินข้าวด้วยกัน” เกาเหวินฮุ่ยโต้แย้ง
“แค่ไปเรียนกับกินข้าวเองเหรอ พวกเธอไม่พาเธอออกไปเที่ยวไหนเลยหรือไง?”
เกาเหวินฮุ่ยส่ายหัวทันทีแล้วรีบกล่าวเสริมว่า: “ไม่ใช่ว่าเราไม่พาเธอไปด้วย แต่เธอต่างหากที่ไม่ไป คืนก่อนเราชวนกันไปดู [แวมไพร์ทไวไลท์] ที่ว่านซิงเฉิงเธอก็ไม่ไป เธอยังบอกอีกว่าเดี๋ยวเจียงฉินจะพาไปดูเอง”
เจียงฉินเงยหน้ามองเธอ: “เธอแต่งเรื่องมาหลอกฉันใช่ไหม?”
“ฉันจะไปหลอกนายทำลูกสุนัขอะไร ต้นขั้วตั๋วหนังฉันยังมีอยู่เลย!”
เจียงฉินอึ้งไปชั่วขณะ คล้ายกับว่าเขาเห็นเสี่ยวฟู่โผผู้น่าสงสารนั่งอยู่คนเดียวในห้องพักมืดๆ จากนั้นโบกมือให้กับเพื่อนๆ ที่กำลังจะไปดูหนังแล้วพูดพึมพำว่า “วันหลังเจียงฉินจะพาฉันไป”
เขายกมือขึ้นเช็ดมุมปาก สายตาเหมือนหลุดลอยออกไปไกล
การเกิดใหม่ของตัวเองทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายในเส้นเวลาเดิม และเฟิงหนานซูก็เป็นหนึ่งในคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด
ในอดีต เฟิงหนานซูไม่มีเพื่อน และมหาวิทยาลัยที่เธอสมัครเข้าก็อยู่ในเมืองหลวง ไม่ใช่มหาวิทยาลัยหลินชวน หากไม่มีเจียงฉินเธอก็คงไม่มาที่นี่ และก็คงไม่ได้รู้จักกับคนเหล่านี้เหมือนในปัจจุบัน ชีวิตของเธอก็อาจจะแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
แต่ทำไมเธอถึงมาที่มหาวิทยาลัยหลินชวน?
อันที่จริงแทบไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเฟิงหนานซูตามเจียงฉินมาที่นี่ เพราะเขาคือเพื่อนเพียงคนเดียวของเธอ เขาพาเธอไปแช่บ่อน้ำพุร้อน นั่งรถหยอดเหรียญ กินอาหารขยะ ไปเที่ยวที่บาร์ ทำให้เธอได้รู้ว่าความเหงาคืออะไร ดังนั้นมันจึงไม่แปลกที่เธอจะติดเขา
แต่บางทีความปรารถนาในการหาเงินมันก็แข็งแกร่งเกินไป นอกเหนือจากการฝึกทหารแล้วเขาก็คิดถึงแค่การสร้างเว็บไซต์ และไม่เคยพาเฟิงหนานซูออกไปเที่ยวเล่นที่ไหนอีกเลย
แล้วทำไมถึงไม่คิดจะพาเธอออกไปเที่ยวเล่นบ้างล่ะ?
เจียงฉินคิดอย่างละเอียดแล้วพบว่าเป็นเพราะเขาคิดว่าเฟิงหนานซูมีเพื่อนสนิทแล้ว จึงมีคนให้ไปไหนมาไหนด้วยกันเป็นธรรมดา ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าสิ่งต่างๆ จะไม่ใช่อย่างที่เขาคิด
เจียงฉินหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วเปิดดูรายชื่อกับ QQ จากนั้นก็พบว่าตั้งแต่วันแรกที่เปิดเทอมเขาแทบไม่เคยติดต่อไปหาเฟิงหนานซูก่อนเลย
“เจียงฉิน นายยืนเหม่อทำไม?”
“ไม่มีไร พอดีดูโทรศัพท์แล้วเห็นเงาสะท้อนอันหล่อเหลาของตัวเองก็เลยตกใจนิดหน่อย คนอื่นๆ ล่ะไปไหน ทำไมยังไม่ลงมาอีก?” เจียงฉินถามหลังจากได้สติ
เกาเหวินฮุ่ยเงยหน้าขึ้นมองไปที่ชั้นห้า: “น้ำร้อนในห้องน้ำจะไม่ไหลตอนสี่ทุ่ม พวกเธอน่าจะกลัวว่าอาจกลับมาไม่ทัน ก็เลยเตรียมสำรองน้ำเก็บไว้ก่อน”
ทันทีที่เธอพูดจบ ตามทางเดินก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น เฟิงหนานซูเดินนำอยู่ด้านหน้า ผมยาวสลวยพลิ้วไหวเบาๆ ภูเขาสองลูกที่งดงามแกว่งไปมาเล็กน้อยตามจังหวะก้าวลงบันได
ข้างหลังเธอคือเพื่อนร่วมห้องอีกสี่คน คนแรกคือฟ่านซูหลิงพี่ใหญ่สุดในห้องพัก หยางหมิ่นที่มีสำเนียงทางใต้ ไช่ฟางที่ร่างอวบหน่อยๆ และหวังไห่หนี่ สาวร่างเล็กจากทางภาคใต้
หลังจากที่แนะนำตัวกันคร่าวๆ เจียงฉินก็ค่อยๆ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอ
ความสัมพันธ์ของเกาเหวินฮุ่ยและเฟิงหนานซูดูจะสนิทที่สุด รองลงมาเป็นฟ่านซูหลิง หยางหมิ่นกับไช่ฟางเป็นคู่ซี้กัน ส่วนหวังไห่หนี่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด เธอชอบออกไปพบปะผู้คนบ่อยๆ
“เจียงฉิน วันนี้พวกเราตั้งใจจะจัดการนาย อย่ามาเสียใจทีหลังล่ะ” เกาเหวินฮุ่ยพูดพร้อมกับคล้องแขนเฟิงหนานซู
เจียงฉินไม่สนใจ: “อย่างอื่นอาจไม่มี แต่เงินน่ะเหลือเฟือ ไม่ต้องพูดถึงอาหาร จรวดฉันก็ยังเลี้ยงได้”
เฟิงหนานซูมองเขาอย่างเงียบๆ: “เจียงฉิน ฉันอยากกินจรวด”
“...”
“หน้าร้อนแบบนี้จะมากินจรวดอะไร กินหม้อไฟดีกว่า”
“หม้อไฟก็ร้อนเหมือนกัน กินอะไรเย็นๆ เป็นไง ฉันอยากกินอาหารทะเลอยู่พอดี”
“แถวมหาวิทยาลัยไม่มีร้านอาหารทะเล กินอะไรง่ายๆ แต่แพงๆ ก็พอ”
สาวๆ เริ่มส่งเสียงคุยกันจอแจ เลือกรายการอาหารพลางเดินออกไปนอกมหาวิทยาลัย
พอเดินมาถึงหน้าประตูมหาวิทยาลัย เกาเหวินฮุ่ยก็เหมือนนึกอะไรบางอย่างออก: “หนานซู เก็บน้ำร้อนในห้องน้ำไว้แล้วใช่ไหม เดี๋ยวต้องกลับมาสระผมทีหลังนะ”
“ฉันไม่ได้เก็บน้ำไว้นะ” เฟิงหนานซูเอ่ยด้วยความสับสน
“ไม่ได้เก็บน้ำไว้? แล้วทำไมพวกเธอถึงอยู่ข้างบนนานนัก?”
“ซูหลิงกับคนอื่นๆ ไปเก็บน้ำ ส่วนฉันกำลังล้างเท้าอยู่”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้เกาเหวินฮุ่ยก็ถึงกับอึ้ง: “กินมื้อเย็นเสร็จเราก็ต้องเดินกลับอยู่ดี ล้างเท้าตอนนี้จะไม่เสียเปล่าเหรอ?”
เฟิงหนานซูย่นจมูกเล็กน้อย: “ล้างแล้วมีประโยชน์”
“?????”
จิตใจของเกาเหวินฮุ่ยหมุนติ้วแบบสามร้อยหกสิบองศา เธอพยายามเค้นสมองอย่างหนักแต่ก็ไม่สามารถเข้าใจคำธรรมดาสี่คำนี้ได้
(จบตอน)