ตอนที่แล้วตอนที่ 2 ยกระดับ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 4 กลายเป็นผู้ปลุกพลัง?

ตอนที่ 3 เที่ยงคืน


ตอนที่ 3 เที่ยงคืน

สวี่จื้อไม่ได้วางแผนจะไปเปิดประตู และเธอก็ไม่ได้วางแผนที่จะเข้าไปใกล้ แล้วสอดส่องผ่านตาแมวเพื่อดูว่าใครเป็นคนเคาะ

ท้ายที่สุดแล้ว ร่างกายของเธอก็อ่อนแอ่ หากมีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ เธออาจหนีไม่ทัน

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตู ดังขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ดังกว่าครั้งก่อนอย่างเห็นได้ชัด

สวี่จื้อถือเครื่องเกมไว้ในมือแน่น หัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อย เธอยังคงเงียบราวกับว่าเธอไม่ได้ยินเสียงเคาะที่ค่อยดังขึ้น และดังขึ้น

จนคนข้างนอกดูมั่นใจว่าเธอจะไม่มีทางเปิดประตู ในที่สุดอีกฝ่ายก็เลิกเคาะประตูอย่างไร้ความหมาย แล้วพูดว่า “ฉันรู้ว่ามีคนอยู่ข้างใน เราไม่ใช่คนเลว เราแค่อยากหาเพื่อน”

“เราเป็นนักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียนมัธยมประจำเมือง เรากำลังหาทางรวบรวมผู้คนกันอยู่ หากคุณไม่เชื่อ เราสามารถแสดงบัตรประจำตัวนักเรียนให้คุณดูได้ ในเวลานี้การซ่อนตัวอยู่ในบ้านไม่ปลอด ทำไมไม่มาร่วมมือกับเราละ?”

“ถ้าคุณไม่ต้องการก็บอกเราได้ แล้วเราจะไม่มารบกวนคุณอีก!”

เด็กหนุ่มคนหนึ่งพูด น้ำเสียงของเขาฟังดูจริงใจ แต่ความเร็วในการพูดของเขาค่อนข้างเร็ว

แต่สำหรับสวี่จื้อ แม้ว่าเด็กหนุ่มจะตะโกน เธอก็ได้ยินไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ บางส่วนที่ได้ยินไม่ชัด เธอต้องอาศัยการคาดเดาเอาเอง

หลังจากรอประมาณ 10 วินาที คนที่อยู่นอกประตูก็ดูเหมือนจะรู้ว่าจะไม่มีการตอบกลับใดๆ “ถ้าคุณคิดว่าเราไว้ใจไม่ได้ เราก็ขอตัวก่อน ครั้งต่อไปเราจะให้เพื่อนร่วมชั้นที่เป็นผู้หญิงมาคุยแทน เผื่อว่าคุณจะรู้สึกสบายใจมากขึ้น หรือถ้าคุณเปลี่ยนใจก็สามารถมาหาเราที่โรงเรียนมัธยมประจำเมืองได้”

หลังจากพูดจบ ในที่สุดภายนอกประตูก็เงียบลง สวี่จื้อไม่ได้ยินเสียงฝีเท้า เธอจึงทำได้เพียงแค่รอสักพัก หลังจากไม่มีใครตะโกนหรือเคาะประตู เธอจึงตัดสินว่าอีกฝ่ายคงจะจากไปแล้ว

เมื่อรัฐบาลกลางออกประกาศอพยพฉุกเฉิน มีการเน้นว่าการสูดดมหมอกดำจะส่งผลกระทบต่อร่างกาย และจิตใจของผู้คน บางคนถึงกับมีการอาการหลงผิด และมีบุคลิกนิสัยที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

อารมณ์ของพวกเขาจะรุนแรงขึ้น และก้าวร้าวมากขึ้น แต่กลับกันมันก็ทำให้พวกเขามีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาก

แต่หลังจากการตรวจสอบอย่างรอบคอบด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ ก็พบว่าราคาของความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นไม่ใช่ถูกๆ ระบบการเผาผลาญของคนเหล่านั้นจะเร็วขึ้นมาก และพวกเขาจะแก่เร็วกว่าคนธรรมดาถึงสองเท่า!

สิ่งที่แปลกที่สุดคือ สมองของเขาดูเหมือนจะเกิดการกลายพันธุ์บางอย่าง ทำให้อารมณ์ของเขาอ่อนไหวอย่างยิ่ง และบ้าคลั่งได้แม้จะถูกกระตุ้นเพียงเล็กน้อย

ไม่มีใครสามารถคงสติไว้ได้หลังจากสูดดมหมอกดำในปริมาณที่มากเกินไป สำหรับคนธรรมดาแค่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยหมอกดำเพียง 2 ชั่วโมงก็นับว่าเต็มกลืนแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเมืองแห่งนี้ที่ปกคลุมไปด้วยหมอกเป็นเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้ว

อาจไม่มีคนสติดีเหลืออยู่ในเมืองนี้เลยก็ว่าได้

สำหรับสวี่จื้อเอง เธอก็รู้ว่าสภาพจิตใจของตัวเองเปลี่ยนไปไม่น้อย ไม่อย่างนั้นเธอจะมีความรู้สึกอยากฆ่าใครสักคนได้ยังไง

เมื่อเสียงที่อยู่นอกประตูจะดังขึ้น ความคิดแรกที่แวบขึ้นมาในใจของเธอก็คือ ถ้าเขาบุกเข้ามา เธอจะฆ่าเขาได้ยังไง

สวี่จื้อไม่คิดว่าจะมี ‘คนดี’ เหลืออยู่ เธอเชื่อว่าเด็กหนุ่มคนนั้นต้องมีจุดประสงค์บางอย่าง และต้องการหลอกให้เธอเปิดประตู

แล้วเขารู้ได้อย่างไรว่ามีคนอยู่ในบ้านหลังนี้?

เขามีผู้สมรู้ร่วมคิด แล้วกำลังมุ่งเป้ามาที่เธอหรือเปล่า?

จิตใจของสวี่จื้อเต็มไปด้วยคำถามมากมาย และเธอเริ่มคิดว่าครั้งต่อไปที่อีกฝ่ายมาเยือน เขาอาจจะพาพวกมาด้วย แล้วบุกเข้ามาฆ่าเธอก็เป็นได้

“นี่ฉันเป็นคนหัวรุนแรงขนาดนี้เลยเหรอ?”

ไม่ เมื่อไม่กี่วันก่อน แม้ว่าเธอจะต้องการแก้แค้นพ่อแม่ของตัวเองก็ตาม แต่ก็แค่อยากทำให้พวกเขามีชีวิตแย่ๆ ทำให้พวกเขารับรู้ได้ถึงความทุกข์ที่เธอเคยประสบ ไม่ได้ต้องการฆ่าให้ตายจริงๆ แต่วันนี้ ความคิดของเธอค่อยๆ รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

สวี่จื้อถอนหายใจ โดยคิดว่าหากเป็นแบบนี้ต่อไป แม้ว่าเธอจะแข็งแกร่งขึ้น เธอก็จะกลายเหมือนตัวร้ายในนวนิยาย

แต่ถึงอย่างนั้น การเป็นตัวร้ายก็ยังดีกว่าการเป็นตัวประกอบไร้ชื่อที่ตายตั้งแต่ตอนเรื่องมาก

“หวังว่าฉันจะสามารถพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเอง และหาหลบหนีออกจากที่นี่ได้ก่อนที่จะเป็นบ้าไป”

ขณะนี้ หมอกดำกว่า 70% ในโลกมารวมตัวกันอยู่ในเมืองหยุน ส่วนอีก 30% กระจายตัวออกไปทั่วโลก โดยเฉพาะหมอกบนพื้นดินในเมืองนั้นหนาแน่นมากจนเหมือนจะจับตัวเป็นของเหลวสีดำมืด แค่เห็นก็รู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าไม่ควรเข้าใกล้ และหากสูดดมเพียงครั้งเดียวก็อาจทำให้เป็นบ้าได้

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เด็กหนุ่มคนนั้นกล้าพูดว่าเขามาจากโรงเรียนมัธยม นั่นไม่ต่างจากคำโกหก

สวี่จื้อจึงไม่คิดจะตอบกลับใดๆ

เมื่อเด็กหนุ่มปรากฏตัว เธอก็รับรู้ได้ว่าอันตรายในเมืองนี้ไม่ใช่แค่มาจากสัตว์ประหลาดเท่านั้น แต่มนุษย์ที่อยู่ที่นี่ก็จะค่อยๆ อันตรายมากขึ้น ไม่แน่พวกเขาอาจจะน่ากลัวกว่าสัตว์ประหลาดพวกนั้นเสียอีก

สิ่งนี้ทำให้สวี่จื้อรู้สึกได้ถึงเร่งด่วน เธอไม่คิดจะเสียเวลาอีกต่อไป และรีบหยิบเครื่องเกมขึ้นมาเพื่อที่ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็วที่สุด

หลังจากการยกระดับเสร็จสิ้น ความแข็งแกร่งของงูตัวน้อยก็ได้รับการปรับปรุง และยังเหลือแต้มวิวัฒนาการอีก 50 แต้มจากการกินนกอินทรี แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มากพอ เพราะระดับต่อไป แต้มวิวัฒนาการที่ต้องใช้มากถึง 200 แต้ม

[ แต้มวิวัฒนาการ : 50 / 200 ]

[ แฟมิเลียของคุณเอาชนะศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าได้ การยกระดับครั้งหน้าจึงถูกเร่งเข้ามา แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าโชคจะเข้าข้างคุณไปตลอด ทางเลือกหลังจากนี้ คุณควรระมัดระวังให้มากขึ้น ]

[ ตอนนี้ ถึงเวลาที่ต้องเลือกอีกครั้งแล้ว ]

[ 1. มองหาเหยื่อที่อ่อนแอกว่า 2. มองหาเหยื่อที่มีความแข็งแกร่งใกล้เคียงกัน 3. มองหาเหยื่อที่แข็งแกร่งกว่า ]

ในสายตาของสวี่จื้อ นี่ไม่ใช่ตัวเลือกที่ควรกังวล ดังนั้นเธอจึงเลือกข้อ 2 โดยไม่ลังเล

งูตัวน้อยบนหน้าจอเริ่มขยับอีกครั้ง และในขณะนี้ ท้องฟ้าที่ขมุกขมัวด้านนอกหน้าต่างก็ค่อยๆ มืดลง และยามค่ำคืนก็ได้มาถึง

นี่เป็นครั้งแรกที่สวี่จื้อเล่นเกมนานขนาดนี้ เธอรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เธอเงยหน้าขึ้น และขยับตัวเล็กน้อยเพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้า ยังดีที่เกมนี้มีข้อดีอย่างหนึ่ง นั่นคือ เธอไม่ต้องคอยควบคุมมันอยู่ตลอดเวลา

งูตัวน้อยออกล่าไปเรื่อยๆ และกินเหยื่อไปมากมาย เมื่อเห็นว่าแต้มวิวัฒนาการถึง 180 แล้วและสามารถยกระดับได้ในไม่ช้า คำบรรยายก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

[ เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน คุณจะมีโอกาสได้เห็นจุดตัดระหว่างอดีตและอนาคต พลังลึกลับบางอย่างได้แผ่กระจายไปทั่วโลก รอคอยให้ใครสักคนคว้ามันเอาไว้ รวมถึงคุณด้วย แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้! ]

[ แฟมิเลียของคุณยังไม่สามารถย่ำเดินหลังเวลาเที่ยงคืนได้ โปรดหาที่ซ่อน และให้มันได้หลับใหล ]

[ แน่นอน ถ้าคุณตื่นเช้าพอ คุณอาจได้รับบางสิ่ง บางสิ่งที่แม้แต่ตัวคุณเองก็อาจคาดไม่ถึง ]

[ แต่ตอนนี้ก็ถึงเวลาพักผ่อนแล้ว ]

[ โปรดเลือก : 1. ออกล่าเหยื่อต่อไป 2. ค้นหาที่ซ่อนแล้วพักผ่อน ]

“เที่ยงคืน?”

สวี่จื้อคิดขณะที่มีความสงสัยมากมาย แต่ก็ยังเลือกข้อ 2

แต่เธอไม่ใช่คนดื้อดึง ไม่ต้องพูดถึงคำบรรยายที่เหมือนคำเตือนตัวโตๆ ยังเร็วเกินไปที่จะฆ่าตัวตายในตอนนี้

เมื่อหน้าจอเกมแสดงให้เห็นว่างูตัวน้อยเริ่มพักผ่อนแล้ว มันก็เหลือตัวเลือกเดียวคือ [ ปลุก ]

สวี่จื้อจึงควบคุมรถเข็น และเตรียมที่จะไปพักผ่อนด้วยเช่นกัน

แต่เมื่อเธอควบคุมรถเข็น และกำลังจะกลับไปที่ห้องนอน เธอบังเอิญเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่าง และเห็นเหตุการณ์ที่ทำให้เธอประหลาดใจ

ในตอนกลางคืน หมอกสีดำที่ปกคลุมถนนกำลังสั่นไหวเหมือนคลื่นน้ำ

-

สวี่จื้อเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วคิดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีกหรือไม่?

เธอนั่งข้างหน้าต่าง และจ้องมองหมอกสีดำอย่างเงียบๆ หลังจากรอสองสามนาที แล้วไม่เห็นอะไร เธอก็หมดความสนใจ ไม่ว่ายังไงต่อให้มีอะไรเกิดขึ้นจริง เธอก็ไม่อาจทำอะไรได้อยู่ดี

ในที่สุดร่างกายของเธอก็เริ่มรู้สึกเหนื่อย หลังจากที่งูตัวน้อยได้พักผ่อน ความง่วงก็ถาโถมเข้ามา เธอจึงรีบกลับไปห้องนอน และขึ้นไปบนเตียง

แม้คิดได้ว่าตอนให้เกิดอะไรขึ้นจริงๆ เธอก็หนีไปไหนไม่ได้อยู่ดี สวี่จื้อก็ล้มตัวลงนอน และหลับไปด้วยความสบายใจ

เธอต้องการรถเข็นเพราะร่างกายของเธออ่อนแอเกินไป แต่เธอไม่ได้พิการ ดังนั้นแค่การขึ้นลงเตียงจึงไม่ใช่ปัญหา

แต่ก่อนนอน เธอได้นาฬิกาปลุกตั้งไว้ตอนตี 5 ตอนนี้ใกล้เที่ยงคืนแล้ว เมื่อก่อนการนอนเพียงห้าชั่วโมงต่อวันก็ต่างกับการทำร้ายตัวเอง แต่ตอนนี้สวี่จื้อรู้สึกเวลานอนเพียงเท่านี้มากพอแล้ว

ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง

เมื่อถึงตีห้า นาฬิกาปลุกดังขึ้น ไม่นานหลังจากนั้นก็มีมือที่ซีด และเรียวยาวยื่นออกมาจากเตียงเพื่อปิดมัน จากนั้น สวี่จื้อก็ค่อยๆ พยุงร่างกายตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง แม้จะยังสะลึมสะลือ เธอก็ยังเอื้อมมือออกไปคว้าเครื่องเกมที่อยู่ข้างหมอน

หลังจากที่เห็นตัวเลือก [ ปลุก ] บนหน้าจอ สวี่จื้อก็กะพริบตาหลายครั้งเพื่อปลุกตัวเองให้ตื่น

คิดไม่ถึงเลยว่าวันหนึ่งเธอจะเล่นเกมมากจนลืมเรื่องอาหาร และการนอน

สวี่จื้อเอนหมอนให้พิงกับหัวเตียง แล้วกดนิ้วของเธอบนปุ่มของเครื่องเกม

[ คุณได้เลือกปลุกแฟมิเลียตั้งแต่เช้าตรู่ ]

[ เป็นการตัดสินที่ดีเลยทีเดียว พลังนั้นยังไม่ได้สลายไปจนหมด และสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ยังคงหลับใหลอยู่ หากคุณโชคดีพอ คุณอาจจะได้รับบางสิ่งที่ล้ำค่า แต่ถ้าไม่ ก็ยังไม่ต้องเสียใจไป ครั้งหน้ายังมีโอกาสอยู่ กลับกันถ้าคุณเลือกออกล่าในตอนนี้ คุณอาจจะได้พบเหยื่อที่ยังไม่ทันระวังตัวมากมาย ]

[ โปรดเลือก : 1. มองหาบางสิ่งที่เหลือหลงจากหลังเที่ยงคืน 2. มองหาเหยื่อ ]

“นกที่ตื่นเช้าจะได้กินหนอนก่อนใคร”

“ไม่สิ น่าจะเป็นงูที่ตื่นเช้ามากกว่า”

หากมีเรื่องดีๆ แบบนี้ในตอนเช้า ดูเหมือนว่าเธอจะต้องตื่นนอนตั้งแต่ตีห้าทุกวันนับจากนี้

หลังจากคิดดูแล้ว สวี่จื้อก็เลือกข้อ

ท้ายที่สุดแล้ว แม้ว่าการมองหาเหยื่อที่ไม่มีการป้องกันตัวจะน่าสนใจ แต่เธอสงสัยเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ที่หลงเหลืออยู่จากหลังเที่ยงคืนมากกว่า

หลังจากเลือก งูตัวน้อยก็เริ่มเลื้อยไปมา ดูเหมือนมองหาอะไรบางอย่างอยู่นานกว่าสิบนาที ในที่สุด มันก็หยุดอยู่หน้าต้นไม้ประหลาดต้นหนึ่ง

มันดูเหมือนต้นไม้ตายซากที่มีสีดำสนิท ซึ่งยื่นออกมาจากรอยแตกบนพื้น และมีความสูงเพียงครึ่งเมตร บนกิ่งก้านหนึ่งมีผลไม้ขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือมนุษย์ห้อยอยู่

[ โชคของคุณช่างเหลือเชื่อจริงๆ แม้ว่าจะไม่ใช่ของล้ำค่าอะไร แต่ตอนนี้มันก็มีค่ามากสำหรับคุณ ]

จากนั้นตัวเลือกเดียวก็สว่างขึ้นบนหน้าจอ [ เก็บ ]

หลังจากที่สวี่จื้อคลิก งูตัวน้อยก็เข้ามาใกล้ผลไม้สีดำ จากนั้นผลไม้ก็หายไป และมีข้อความปรากฏขึ้นที่มุมซ้ายล่างของหน้าจอ

[ ผลไม้ไร้ชื่อที่มีระดับพลังต่ำ ]

[ ไอเทม … ถูกเก็บไว้ในคลังเก็บของของผู้เล่นแล้ว สามารถกดปุ่ม … เพื่อเปิดคลังเก้บของได้ ]

"หา?"

นี่เธอมีคลังเก็บของด้วยเหรอ?

สวี่จื้อกดปุ่มเพื่อเปิดคลังเก็บของ แล้วอินเทอร์เฟซที่เธอได้เห็นก็แตกต่างจากอินเทอร์เฟซในกมอื่นๆ มีเพียงผลไม้สีดำวางอยู่อย่างโดดเดี่ยวในนั้น

เมื่อ สวี่จื้อคลิกที่ผลไม้ ตัวเลือกที่ทำให้เธอตกใจก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า

[ ให้อาหารแฟมิเลีย : งู ]

[ นำออกจากเกม ]

“นำออกจากเกมเหรอ? หรือว่านี่…”

สวี่จื้อตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นค่อยคลิกดู

วินาทีต่อมา ผลไม้ขนาดเท่าหัวแม่มือก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเธอกลางอากาศ และตกลงไปบนผ้าห่มอย่างเงียบๆ

หรือว่าไอเทมในเกมสามารถนำออกมาสู่โลกความเป็นจริงได้?

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด