บทที่ 83 อุดมการณ์
บทที่ 83 อุดมการณ์
เมื่อลู่หยางเห็นมอนสเตอร์วิ่งเข้ามาในระยะ 60 เมตร ชายหนุ่มก็เริ่มท่องคาถา 10 วินาทีต่อมาฝูงโทรลล์ก็วิ่งเข้ามาในทะเลเพลิง ขณะที่ลู่หยางชี้ไม้เท้าไปด้านหน้าพร้อมกับยิงลำแสงเปลวไฟที่มีความกว้างมากกว่า 3 เมตร ซึ่งเปลวเพลิงอันบ้าคลั่งมันก็ทำให้พวกฉิงชางรู้สึกตกตะลึง
ระบบ: คุณได้รับค่าประสบการณ์ 126 หน่วย (รวมโบนัสค่าประสบการณ์จากการล่ามอนสเตอร์เลเวลสูงกว่า 36 หน่วย)
…
เสียงแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้นติดต่อกัน 20 ครั้งเรียกสติของพวกฉิงชางให้กลับคืนมา
“มันได้ค่าประสบการณ์เยอะขนาดนี้เลยเหรอ?!” ฉิงชางอุทานอย่างตกใจ
แม้พวกเขาทั้งห้าจะเคยต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่มีเลเวลสูงกว่าตัวเอง แต่มอนสเตอร์พวกนั้นก็มีเลเวลสูงกว่าพวกเขาเพียงแค่ 3 เลเวลเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ค่าประสบการณ์ที่ได้รับจึงไม่ได้เยอะแยะอะไรมากมาย และการเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ที่เลเวลสูงกว่าก็เป็นเรื่องยากลำบากมากพอสมควรด้วย
ตอนนี้สมาชิกภายในทีมมีจำนวนสูงถึงเจ็ดคน พวกเขาจึงคิดว่าค่าประสบการณ์ที่ได้รับคงจะไม่ได้เยอะมากนัก อย่างไรก็ตามเพียงแค่ค่าประสบการณ์จากการสังหารมอนสเตอร์ฝูงแรก มันก็มากเพียงพอที่จะทำให้พวกเขารู้สึกตกตะลึง
“ค่าประสบการณ์เยอะมาก”
“แบบนี้พวกเราได้เพิ่มเลเวลกันแบบติดจรวดแน่ ๆ”
“เพราะแบบนี้สินะพี่ชายลู่หยางถึงอยู่ในอันดับ 1 ของกระดานจัดอันดับ”
“เอาล่ะวันนี้ฉันจะพาพวกคุณเก็บเลเวลกัน 4 ชั่วโมงจนถึงตอนนั้นเลเวลของพวกคุณก็น่าจะใกล้ใกล้เลเวล 10 ได้แล้ว” ลู่หยางกล่าว
เหมาชิวมองไปยังกำแพงไฟของลู่หยางพร้อมกับเอ่ยถามขึ้นมาว่า
“อาจารย์ ไฟร์วอลล์ของคุณอยู่ได้นานแค่ไหน?”
“ประมาณ 3 นาทีได้” ลู่หยางตอบ
พลังโจมตีเวทของชายหนุ่มมีมากกว่า 200 หน่วยบวกกับสกิลไฟร์วอลล์ในปัจจุบันมีเลเวล 2 ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้วผลของสกิลควรจะอยู่ได้เกือบ ๆ 4 นาที
ดวงตาของเหมาชิวเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น ก่อนที่เขาเอ่ยถามขึ้นมาว่า
“อาจารย์ ถ้าอย่างนั้นผมลองไปลากมอนสเตอร์มาเหมือนซุนหยูได้ไหม?”
“ถ้าทำได้ก็ดี แต่คุณจะไหวเหรอ?” ลู่หยางถาม
“ผมอาจจะทำได้ไม่สมบูรณ์แบบเหมือนซุนหยู แต่อย่างน้อยก็น่าจะใกล้เคียง” เหมาชิวกล่าว
“แค่ลากมอนสเตอร์มาที่นี่ผมว่าผมก็น่าจะทำได้นะ” ฉิงชางกล่าว
พาลาดินมีสกิลช่วยเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่อีก 15% ฉิงชางจึงค่อนข้างจะมั่นใจในความสามารถของตัวเองมากพอสมควร
“พวกคุณจะลองดูก็ได้ ตราบใดที่ลากมอนสเตอร์เข้าทะเลไฟได้ 20 วินาที แค่นี้มันก็ไม่มีปัญหา” ลู่หยางกล่าว
ซุนหยูและพวกฉิงชางเบิกปากกว้างด้วยความตื่นเต้น เพราะถ้าหากว่ามันมีคนมาลากมอนสเตอร์ได้เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม มันก็หมายความว่าความเร็วในการเก็บเลเวลของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นประมาณ 3 เท่า
หลังจากปรึกษากันอยู่ครู่หนึ่งพวกเขาก็เริ่มวางแผนให้เหมาชิวไปหลอกล่อมอนสเตอร์เป็นคนแรก ฉิงชางคอยหลอกล่อมอนสเตอร์เป็นคนที่ 2 และซุนหยูที่มีเทคนิคดีมากที่สุดคอยหลอกล่อเป็นคนสุดท้าย
ผู้เล่นเหล่านี้ต่างก็ล้วนแล้วแต่มีศักยภาพจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในอนาคตด้วยกันทั้งสิ้น แม้ช่วงแรกการประสานงานระหว่างพวกเขาจะมีติดขัดกันบ้าง แต่หลังจากลงมือร่วมกันไปเพียงแค่สามครั้ง การเคลื่อนไหวของพวกเขาทั้งสามก็เหมือนกับสหายร่วมรบที่ฝึกด้วยกันมานานหลายปี
นอกจากนี้แม้ว่ามอนสเตอร์ที่ถูกหลอกล่อเข้ามาจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น แต่ลู่หยางก็ยังคงแสดงเทคนิคของผู้เชี่ยวชาญออกมามากขึ้นกว่าเดิม เพราะเขาสามารถควบคุมเวทมนตร์เพื่อจัดการกับมอนสเตอร์ทั้งหมดได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร
เมื่อมีคนมาช่วยลากมอนสเตอร์เพิ่มมากขึ้น ความเร็วในการเก็บเลเวลของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก หลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไปประมาณ 5 ชั่วโมงพวกฉิงชางก็มีเลเวลเพิ่มขึ้นจากเลเวล 5 เป็นเลเวล 9 ส่วนลู่หยางก็มีเลเวลเพิ่มขึ้นเป็นเลเวล 11
ระหว่างรอมอนสเตอร์เกิดใหม่ทุกคนก็กำลังนั่งพักอยู่บนพื้นพร้อมกับพูดคุยกันระหว่างรอเวลา
“วันนี้ช่างเป็นวันที่ดีจริง ๆ” ฉิงชางกล่าวกับลู่หยาง
“5 ชั่วโมงนี้มันเท่ากับพวกเราไปเก็บเลเวลกันเองประมาณ 5 วันได้เลย สมแล้วที่คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญอันดับ 1 ของเซิร์ฟเวอร์” เหมาชิวและพรรคพวกที่เหลือเริ่มกล่าวขอบคุณลู่หยาง
“พวกคุณก็มีเทคนิคที่ดีมากเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นการเก็บเลเวลของพวกเราคงไม่เร็วขนาดนี้” ลู่หยางกล่าว
พวกฉิงชางรีบโบกมือไปมาเพื่อเป็นการปฏิเสธ
“เทคนิคของพี่เหมาชิวกับพี่ฉิงชางดีมากจริง ๆ ครับ” ซุนหยูกล่าวแทรก
เดิมทีเหมาชิวยังรู้สึกอยากจะแข่งขันกับซุนหยูอยู่บ้าง เมื่อเขาได้เห็นเด็กหนุ่มพูดขึ้นมาแบบนี้มันก็ทำให้เขาทั้งรู้สึกละอายใจและดีใจไปในเวลาเดียวกัน
“น้องชายอย่าพูดแบบนั้นเลย หากเทียบกับเทคนิคการเคลื่อนไหวของนายแล้วฉันยอมรับว่าฉันยังห่างไกลจากนายมาก” เหมาชิวกล่าว
“เทคนิคการเคลื่อนไหวของน้องซุนหยูดีมากจริง ๆ ถ้าให้ต่อสู้ตัวต่อตัวกันในตอนนี้ฉันไม่มีทางเอาชนะนายได้เลย” ฉิงชางกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
พวกเอ็ม 16 ต่างก็พยักหน้าขึ้นมาพร้อม ๆ กัน เพราะมันเห็นได้ชัดว่าเทคนิคของซุนหยูอยู่เหนือกว่าทุกคน
เมื่อได้รับคำชมซุนหยูก็เกาหัวอย่างเขินอายพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า
“เทคนิคพวกนี้ผมได้หัวหน้าสอนมาทั้งนั้น เดิมทีผมก็มีฝีมือพอ ๆ กับพวกพี่ ๆ นั่นแหละ”
ทันใดนั้นพวกฉิงชางก็หันไปมองหน้าลู่หยางพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“เพราะแบบนี้ซุนหยูถึงเรียกพี่ชายว่าหัวหน้าสินะ ที่แท้คุณก็เป็นคนสอนเทคนิคให้กับเขานี่เอง” เหมาชิวกล่าว
“แบบนี้มันแปลก ๆ อยู่นะ คุณเป็นนักเวทแต่คุณฝึกวิธีการหลบในระยะประชิดจนแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง?” เครซี่เบลดพูดขึ้นมาอย่างสับสนและถึงแม้ว่าเขาจะเป็นโจรแต่เขากลับหลบหลีกสู้นักเวทอย่างลู่หยางไม่ได้
เอ็ม 16 กับเหมาชิวพยักหน้าอย่างสับสนด้วยเช่นกัน
“ฉันได้เรียนรู้เทคนิคการเคลื่อนไหวพวกนั้นมาจากครอบครัว ฉันเลยพอจะเคลื่อนไหวได้ดีกว่าคนทั่วไปอยู่นิดหน่อย” ลู่หยางตอบ
ในที่สุดพวกฉิงชางก็พยักหน้าอย่างเข้าใจว่าแท้ที่จริงเทคนิคเหล่านี้เป็นสิ่งที่มีติดตัวมาตั้งแต่นอกเกมนี่เอง
“เพราะแบบนี้พี่ชายถึงกล้าเข้าไปในแผนที่เลเวล 30 คนเดียวสินะ” เหมาชิวกล่าว
ทันใดนั้นพวกฉิงชางก็นึกถึงตอนที่ได้เห็นพวกทหารค้อนโครงกระดูกเลเวล 30 เต็มหน้าจอไปหมด แล้วมันก็ทำให้พวกเขารู้สึกขนลุกขึ้นมาไม่ได้
ย้อนกลับไปในตอนที่พวกเขาเห็นลู่หยางวิ่งเข้าไปในห้องท้องพระโรง ทุกคนต่างก็รู้สึกเป็นห่วงมาก แต่ในตอนนี้พวกเขาก็ได้เข้าใจแล้วว่าสาเหตุที่ลู่หยางเต็มไปด้วยความมั่นใจ นั่นก็เพราะอีกฝ่ายมีเทคนิคการเคลื่อนไหวที่สืบทอดกันมาในครอบครัวนั่นเอง
ลู่หยางเผยรอยยิ้มแต่ไม่พูดอะไร ขณะที่แววตายังคงจับจ้องมองไปยังสีหน้าของทุกคน
สาเหตุที่เขาพาพวกฉิงชางมาเก็บเลเวลนานขนาดนี้ ส่วนหนึ่งก็เพื่อขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ อีกส่วนชายหนุ่มก็อยากจะดูว่านิสัยของคนพวกนี้แท้ที่จริงแล้วเป็นยังไง
แม้จะได้อยู่ร่วมกันเพียงแค่ไม่นานแต่ลู่หยางก็สัมผัสได้ว่านิสัยของพวกฉิงชางเป็นไปอย่างที่เขาเคยได้ยินมาในชาติก่อนจริง ๆ ชายหนุ่มจึงมีความคิดอยากจะชักชวนคนกลุ่มนี้ให้มาอยู่ด้วยกัน
ขณะเดียวกันพวกฉิงชางก็อยากจะอยู่กับลู่หยางต่อไปในอนาคต เพราะอีกฝ่ายทั้งเป็นคนดีและมีเทคนิคการเคลื่อนไหวที่ดีมาก หลังจากเข้ามาภายในเกมพวกเขาก็ได้พบกับการหลอกลวงอย่างมากมาย การมีโอกาสได้พบคนดี ๆ อย่างลู่หยางจึงเป็นเรื่องยากมากพอสมควร
“พี่ชาย ต่อไปคุณพอจะมีแผนอะไรไหม?” ฉิงชางถาม
“ในอนาคตฉันอยากจะตั้งกิลด์ พวกคุณอาจจะอยากหัวเราะเยาะแต่ฉันอยากจะตั้งกิลด์ขึ้นมาต่อต้านการจองพื้นที่เก็บเลเวล บางทีนี่อาจจะเป็นเส้นทางที่ยากลำบากแต่มันก็เป็นเส้นทางที่ฉันอยากจะเลือกเดิน” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“คุณคิดแบบนั้นจริง ๆ เหรอ?” ฉิงชางเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
ลู่หยางพยักหน้ารับ
ฉิงชางตบเขาฉาดก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
“ผมก็มีความคิดแบบนั้นเหมือนกัน ถ้าคุณจะก่อตั้งกิลด์พวกเราพี่น้องขอร่วมอุดมการณ์ไปกับคุณด้วย”
ลู่หยางไม่คิดเลยว่าพวกฉิงชางจะเอ่ยปากขอเข้าร่วมกิลด์เขามาก่อนแบบนี้ เขาจึงพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ไม่ต้องห่วง ในวันที่ฉันตั้งกิลด์ฉันจะชวนพวกคุณมาอยู่ด้วยกันอย่างแน่นอน”
เสร็จลู่หยางจอมเจ้าเล่ห์เรียบร้อย 555