บทที่ 314 คนที่ทำให้เทพแห่งการพนันถึงกับหายใจไม่ออก
บทที่ 314 คนที่ทำให้เทพแห่งการพนันถึงกับหายใจไม่ออก
“ข้อมูลเหล่านี้มีประโยชน์มากสำหรับทางฝั่งเรา คุณยินดีจะมอบเอกสารพวกนี้ให้ฉันจริง ๆ หรือ?” หยางเจี้ยน ฮว่ามองหลี่เอ้อร์ด้วยความจริงจัง พร้อมถามอย่างระมัดระวัง
หลี่เอ้อร์ไม่ปล่อยให้โอกาสนี้ผ่านไป ใบหน้าของเขาแสดงถึงความหนักแน่นมากยิ่งกว่าหยางเจี้ยนฮว่าเสียอีก พลางพูดด้วยความจริงจังว่า “ในฐานะคนจีน มันเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ผมจะได้ช่วยชาติ ผมรอโอกาสนี้มานานแล้ว”
หลี่เอ้อร์ส่งเอกสารที่ได้มาจากตู้เซฟของกวานไฉ่ป้าให้หยางเจี้ยนฮว่า เอกสารเหล่านี้เป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงถึงการที่ฝั่งอังกฤษจงใจปล่อยให้ยาเสพติดแพร่ระบาดในเกาะฮ่องกง
แม้ว่าหยางเจี้ยนฮว่าจะยังมองไม่ออกว่าแท้จริงแล้วหลี่เอ้อร์เป็นคนอย่างไร แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกซาบซึ้งในตัวเขา ไม่ว่าจะจริงหรือแกล้งทำ การมีเอกสารชั้นยอดนี้ย่อมเป็นประโยชน์ในช่วงเวลาสำคัญ และอาจใช้เป็นบทเรียนที่เจ็บแสบให้กับอังกฤษได้
“ดีมากค่ะ! คุณหลี่ เก่งมาก” หยางเจี้ยนฮว่ากล่าวพร้อมยื่นมือออกไป “ขอแนะนำตัวอีกครั้ง ฉันคือหยางเจี้ยนฮว่า หน่วยข่าวกรองแห่งชาติ”
“หลี่เอ้อร์ ตำรวจฮ่องกง” หลี่เอ้อร์ตอบกลับโดยเจตนาเลี่ยงคำว่า “ราชการ” ของอังกฤษ พร้อมเสริมว่า “ตำรวจของเขตปกครองพิเศษในอนาคต”
การได้ทำในสิ่งที่หลี่เอ้อร์กำลังทำอยู่นี้ แม้จะไม่ได้เป็นที่ยอมรับในฐานะนักรักชาติที่ดี แต่อย่างน้อยก็ทำให้เขารู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องแย่นัก ดังนั้นเขาจึงปิดบังเล็ก ๆ น้อย ๆ เรื่องการหยิบอัญมณีจากตู้เซฟของกวานไฉ่ป้าไปโดยไม่มีใครรู้เห็น
หยางเจี้ยนฮว่าประทับใจที่หลี่เอ้อร์กล้าประกาศเช่นนั้น ในช่วงเวลานี้มีไม่กี่คนหรอกที่จะกล้าเข้าข้างแผ่นดินใหญ่ หลายคนยังลังเล ดังนั้นเมื่อมีคนเช่นหลี่เอ้อร์แสดงออกชัดเจน ก็เป็นเรื่องที่หายากและมีค่า เธอถึงกับลืมไปว่าหลี่เอ้อร์มีชื่อเสียงเรื่องความเจ้าชู้เสียด้วยซ้ำ
“อาจารย์ คิก ๆ คุณสองคนปิดประตูอยู่ในห้องคุยอะไรกันอยู่หรือ?” ไป่อันหนีเปิดประตูเข้ามา แสดงสีหน้าระแวงเหลือบมองหลี่เอ้อร์สลับกับหยางเจี้ยนฮว่า
หลี่เอ้อร์ตอบกลับอย่างมั่นคงด้วยท่าทีตรงไปตรงมาว่า “เราคุยกันเรื่องชาติบ้านเมือง”
ไป่อันหนีหรี่ตามองอย่างไม่ค่อยเชื่อ แต่หยางเจี้ยนฮว่ากลับมีสีหน้าเปิดเผยสุด ๆ ไป่อันหนีเองก็ต้องยอมแพ้ไป
“มีอะไรหรือ?” หลี่เอ้อร์ทำหน้าเคร่งถามลูกศิษย์
ไป่อันหนีเบ้หน้า “อาหารพร้อมแล้วค่ะ พี่สะใภ้ให้มาชวนคุณลงไปกินข้าวค่ะ”
หลังอาหารเย็น หยางเจี้ยนฮว่าก็ออกจากบ้านของหลี่เอ้อร์ไป เธอพอใจกับผลการสังเกตการณ์มากกว่าที่คาดไว้ เมื่อหลี่เอ้อร์ยืนยันความร่วมมือแล้ว หยางเจี้ยนฮว่าก็ตัดสินใจว่าจะหาทางปกป้องเขาให้ดีที่สุด
หลังอาหาร หยางเจี้ยนฮว่ามีปากเสียงกับหลี่เอ้อร์ก่อนจากไปอย่างไม่พอใจ ทั้งยังกล่าวว่าหลี่เอ้อร์เป็นคนไร้ยางอาย เธอจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเขาอีก ข่าวการออกจากบ้านของหยางเจี้ยนฮว่ากระจายไปอย่างรวดเร็ว บางคนก็รู้สึกยินดี บางคนก็เศร้า
“อาจารย์ เราต้องไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาหรือ? ทางแผ่นดินใหญ่น่ะจนมากนะ!” ไป่อันหนีพูดด้วยคิ้วขมวด เธอเริ่มสงสัยว่าหลี่เอ้อร์อาจจะคิดบางอย่างอยู่
หลี่เอ้อร์จ้องไปที่ไป่อันหนี “ผมไม่ได้หมายถึงพวกเรา แต่หมายถึงผมคนเดียวต่างหาก!” พอพูดจบเขาก็หน้าเปลี่ยนทันทีเมื่อไป่อันหนีงับแขนเขา “โอ๊ย ๆ ไป่อันหนี เธอจะบ้าหรือไง จะกัดให้ขาดเลยไหม!”
ไป่อันหนีเงยหน้ามองอย่างขุ่นเคือง “คราวหน้าจะกล้าแบ่งแยกอีกไหมล่ะ?”
หลี่เอ้อร์ทำหน้าตกใจ
“ว่าแต่ ไป่อันหนี เธอพอมีเงินเหลือเท่าไหร่?” หลี่เอ้อร์นึกได้บางอย่างเลยรีบเปลี่ยนเรื่อง
ไป่อันหนีเหล่มองก่อนตอบ “ในบัญชีก็น่าจะมีสักเจ็ดถึงแปดแสนนะคะ ทำไมหรือคะ?”
ยังไม่ทันที่หลี่เอ้อร์จะตอบ ไป่อันหนีก็เสริมว่า “ถ้าอยากได้เยอะ ๆ คงต้องไปขอจากคุณแม่แล้วล่ะ”
หลี่เอ้อร์ถึงกับตาวาว ใช่สิ! เขาลืมไปเลยว่าตัวเองมีแม่ยายที่ทั้งรวยและยังเป็นดาราชื่อดังอีกด้วย ไป่อันหนีมีศักยภาพมากพอที่จะแบ่งเบาภาระด้วยการลงทุนเพื่อชาติได้
“คิดอะไรอยู่คะ?” ไป่อันหนีถามเมื่อเห็นสายตาวาววับของหลี่เอ้อร์
“ผมกำลังคิดถึงคุณแม่ของเธอ” หลี่เอ้อร์ตอบลอย ๆ ก่อนจะรีบแก้ว่า “ไม่ใช่ ผมหมายถึง…”
“กล้าเหรอ?” ไป่อันหนีเลิกคิ้วขึ้น
“ไม่ใช่! ผมหมายถึงว่าผมมีโครงการดี ๆ อยากให้แม่เธอลงทุนด้วย” หลี่เอ้อร์ตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“แม่ฉันไม่ถนัดเรื่องลงทุนหรอกนะ” ไป่อันหนีบอกตรง ๆ
“แม่เธอไม่ถนัด ผมยังถนัดนี่! ผมไม่เอาโอกาสดีไปให้คนนอกหรอก ลงทุนในแผ่นดินใหญ่ตอนนี้คือโอกาสทองเลยนะ” หลี่เอ้อร์กล่าวอย่างมั่นใจ
ไป่อันหนีจ้องเขม็งที่หลี่เอ้อร์ แม้จะฟังเรื่องนี้เพียงครึ่งเดียว แต่ก็จำได้แม่นในคำว่า ‘โอกาสทองอย่าให้คนนอกได้ไป’
หลี่เอ้อร์ได้แต่นิ่งงัน “ผมพูดอะไรผิดไปหรือ?”
ไป่อันหนีเปิดศึก ‘การฝึกปราบสามี’ หลี่เอ้อร์รีบเผ่นออกไปทันที แต่ไป่อันหนีวิ่งไปขวางที่ประตูไว้ เขาไม่มีทางเลือกนอกจากกระโดดออกหน้าต่างหนีไป
อีกด้านหนึ่ง โจวซิงซิงกำลังบันทึกการเฝ้าสังเกตอย่างขะมักเขม้น
‘เกาจิ้นกินข้าวตอนกี่โมง เข้าห้องน้ำตอนกี่โมง เข้าห้องน้ำนานเท่าไร เจอใครบ้าง’ เขาจดทุกอย่างอย่างละเอียด
เสาไป่ซิงที่อยู่ข้าง ๆ เริ่มเบื่อและหาวออกมา
“โจวซิงซิง ฉันหิวแล้ว ไปกินอะไรกันไหม ฉันเลี้ยงเอง!” เสาไป่ซิงชวน เมื่อเห็นร้านแฮมเบอร์เกอร์อยู่ไม่ไกล
ปกติแล้วของฟรี โจวซิงซิงไม่มีทางพลาด แต่เขารู้สึกไม่ปลอดภัยนักที่จะรับน้ำใจจากเสาไป่ซิง เลยทำหน้าเคร่งขรึม “ตอนนี้เราทำงานอยู่ เจ้าหัวใหญ่คนนั้นเข้าไปในห้องสมุดนานแล้ว เธอเข้า
ไปดูหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ได้เลย!” เสาไป่ซิงตอบตกลงทันที
เมื่อเสาไป่ซิงเข้าไปในห้องสมุด ก็พบตัวเกาจิ้นอย่างรวดเร็ว ต้องยอมรับว่าเสาไป่ซิงมีความสามารถในการสืบหาเป้าหมายได้ดีทีเดียว ใบหน้าที่ดูงงงวยของเธอทำให้คนอื่นคิดว่าเธอแค่ผ่านไปเฉย ๆ
เสาไป่ซิงเดินผ่านเกาจิ้นไป
“เธอ! กระเป๋าเงินตกนะ!” เกาจิ้นตะโกนเรียกเตือน
เสาไป่ซิงหันกลับ “อ้อ! ขอบคุณนะคะ”
เสาไป่ซิงหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมา แต่ในช่องใส่ที่ใส่บัตรประจำตัวตำรวจของเธอสะท้อนแสงขึ้นมา เกาจิ้นรีบหันหน้าหนีแสร้งทำเป็นไม่เห็น
เสาไป่ซิงแอบชำเลืองดูเกาจิ้น และเมื่อเห็นว่าเขาไม่ทันสังเกตบัตรประจำตัวของเธอก็โล่งใจ
‘เปรี้ยง!’ ปืนพกของเสาไป่ซิงที่คาดอยู่หลุดตกพื้นดังลั่น
เกาจิ้นถึงกับอึ้ง เสาไป่ซิงก็เช่นกัน
“ฉันบอกว่านี่คือปืนของเล่น คุณเชื่อไหม?” เสาไป่ซิงกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ผมเชื่อ” เกาจิ้นตอบด้วยน้ำเสียงฝืน ๆ
เสาไป่ซิงดีใจ “ใช่ค่ะ นี่เป็นปืนของเล่น ฉันซื้อให้ตำรวจหน้าใหม่ในหน่วย”
“เอ่อ…” เกาจิ้นรู้สึกเหมือนจะขาดใจ