บทที่ 15 ไฉ่หยวนหญิงผู้มีพรสวรรค์และปราชญ์ไฉ่หยง
บทที่ 15 ไฉ่หยวนหญิงผู้มีพรสวรรค์และปราชญ์ไฉ่หยง
ครึ่งชั่วยามผ่านไป ฟางอวี่กับเตี้ยนเหว่ยเดินออกจากป่ามาถึงถนนหลวง
"เผ่าต่างดาวอีกกลุ่มแล้ว!"
เยี่ยนโจวเป็นที่ราบกว้างสุดลูกหูลูกตา พอก้าวขึ้นถนนหลวง ฟางอวี่ก็เห็นเผ่าต่างดาวกลุ่มหนึ่งกำลังล้อมรถม้าอยู่ห่างออกไปหลายร้อยเมตร พวกมันกำลังฆ่าฟันอย่างบ้าคลั่ง
"เตี้ยนเหว่ย ข้าไปก่อน!"
ฟางอวี่ขมวดคิ้ว พูดกับเตี้ยนเหว่ยที่อยู่ทางขวามือ ร่างพลันกลายเป็นสายแสงพุ่งไปหาเผ่าต่างดาว
ก้าวเดียวหลายจั้ง เร็วราวสายลม
แม้ฟางอวี่จะไม่ใช่คนใจบุญที่สงสารฟ้าดินเสมอไป แต่เมื่อเห็นเผ่าต่างดาวสังหารมนุษย์ ในใจก็อดโกรธไม่ได้
ต่างเผ่าพันธุ์ย่อมมีใจต่างกัน เมื่อพบเผ่าต่างดาว เขาย่อมไม่ปล่อยไป
อีกอย่าง จากศิลาเทพพิภพที่ได้จากเผ่าต่างดาวมิโนทอร์กลุ่มก่อน เขาเดาว่าพวกเผ่าต่างดาวน่าจะพกศิลาเทพพิภพติดตัว
เขาอยากพิสูจน์การคาดเดาของตน
หากเป็นจริงตามที่เขาคาดไว้ ต่อไปเขาก็จะออกล่าเผ่าต่างดาวโดยเฉพาะ
เตี้ยนเหว่ยเห็นดังนั้น รีบวิ่งตามไปทันที
แต่ความเร็วของเตี้ยนเหว่ยตามนายท่านไม่ทัน มองร่างของนายท่านที่จากไปไกล ในดวงตาเตี้ยนเหว่ยเต็มไปด้วยความอิจฉาและจนใจ
เพียงไม่ถึงสิบลมหายใจ ฟางอวี่ก็วิ่งมาได้เกือบแปดร้อยเมตร
ตอนนี้ เขาเห็นรูปร่างของเผ่าต่างดาวกลุ่มนี้ชัดเจนแล้ว
เผ่าต่างดาวกลุ่มนี้สวมเสื้อคลุมสีดำ หน้าตาคล้ายมนุษย์มาก แต่บนหัวมีเขาสีดำสองเขา
"เผ่ามาร!"
เห็นรูปร่างของพวกเผ่าต่างดาว ม่านตาฟางอวี่หดเล็กลง
เพราะเผ่าต่างดาวพวกนี้หน้าตาเหมือนกับเผ่ามารใน[คัมภีร์เผ่าต่างดาว]ไม่มีผิด
ตามที่[คัมภีร์เผ่าต่างดาว]กล่าวไว้ เผ่ามารเป็นเผ่าพันธุ์ที่โหดร้ายกระหายเลือด ที่ใดที่เผ่ามารผ่านไป ไม่มีผู้รอดชีวิตแม้แต่คนเดียว เผ่ามารบำเพ็ญด้วยการกินเลือดเนื้อของทุกเผ่าพันธุ์
เห็นทหารมารบางตัวนั่งยองๆ แทะกินศพ ดวงตาฟางอวี่เต็มไปด้วยสังหารวิญญาณ ไม่ลังเลแม้แต่น้อย ชักดาบพุ่งเข้าหากลุ่มทหารมาร
"ฮี่ๆๆ มนุษย์มาหาที่ตายอีกคนแล้ว พลังเลือดของมนุษย์คนนี้เข้มข้นมาก ต้องเป็นยาบำรุงชั้นดีแน่ พวกเจ้า ฆ่ามัน!"
ขณะที่ฟางอวี่อยู่ห่างจากกลุ่มเผ่ามารเพียงไม่กี่สิบเมตร หัวหน้าเผ่ามารที่ถือขวานยักษ์สีดำมองมาที่เขาด้วยสายตาโลภมาก พูดอย่างเหี้ยมโหด
พอหัวหน้าเผ่ามารโบกขวานในมือ ทหารมารหลายสิบนายที่ถือดาบยาวสีดำก็ทิ้งอาหารของตน ตะโกนพุ่งเข้าใส่ฟางอวี่
ดวงตาสีแดงของกลุ่มทหารมารเต็มไปด้วยความโลภ มองฟางอวี่ราวกับมองอาหารรสเลิศ
ขณะนี้ ในรถม้ายังมีผู้รอดชีวิตสองคน คนหนึ่งเป็นหญิงสาวที่ตกใจจนสีหน้าซีดขาว อีกคนเป็นชายชราที่มีสีหน้าใจดี บุคลิกสง่างามแบบนักปราชญ์ ใบหน้าก็ซีดเช่นกัน
"คุณชาย พวกปีศาจนี่น่ากลัวเหลือเกิน ท่านรีบหนีไปเถิด อย่าเข้ามา!"
หญิงสาวโผล่ศีรษะเล็กๆ ออกมาจากหน้าต่างรถ เห็นฟางอวี่ที่พุ่งเข้ามา ดวงตาที่สิ้นหวังเปล่งประกายวูบหนึ่ง แต่นึกถึงความน่ากลัวของกลุ่มเผ่ามาร แววตาก็หม่นลงทันที ตะโกนเตือนเสียงดัง
ฟางอวี่ได้ยินดังนั้น เหลือบมองรถม้า ก็เห็นใบหน้างามที่ซีดเผือดโผล่ออกมาจากหน้าต่างด้านขวา
ในยามนี้ยังห่วงเตือนให้เขาหนี หญิงสาวผู้นี้คงเป็นคนจิตใจดีงาม
แม้ไม่รู้จักหญิงสาวผู้นี้ แต่จากการที่นางเตือนให้เขาหนี ฟางอวี่ก็รู้ว่านางเป็นคนใจดี
เพราะคนทั่วไปเมื่อเจอสถานการณ์คับขัน ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอด ย่อมต้องร้องขอความช่วยเหลือก่อน ไม่ใช่เตือนให้เขาหนี
ฟางอวี่ไม่คิดมาก พุ่งตรงเข้าหากลุ่มเผ่ามาร ไม่กี่ลมหายใจก็มาถึงข้างหน้าทหารมารที่นำหน้า
มือขวาที่จับด้ามดาบออกแรงชัก เสียงใสกังวานดังขึ้น แสงดาบสีเงินวาบผ่านดุจสายฟ้า
ในชั่วขณะถัดมา ศีรษะของทหารมารหกนายที่นำหน้าก็ขาดกระเด็น เลือดสีแดงฉานพุ่งจากลำคอที่ไร้ศีรษะราวน้ำพุ
ฟางอวี่ใช้ปลายเท้าแตะพื้น ร่างพุ่งผ่านช่องว่างระหว่างร่างไร้ศีรษะสองร่างที่ยังไม่ล้มลง ไม่มีเลือดแม้แต่หยดเดียวแปดเปื้อนร่าง ถือดาบบุกเข้าหาทหารมารที่เหลือ
เขาว่องไวดุจวิญญาณ พุ่งซ้ายทะลุขวาในหมู่ทหารมารหลายสิบนาย ทุกครั้งที่ฟันดาบ ก็พรากชีวิตทหารมารไปหลายชีวิต แต่พวกทหารมารกลับแตะต้องแม้แต่ชายเสื้อของเขาไม่ได้
เพียงสิบกว่าลมหายใจ นอกจากฟางอวี่แล้ว ทหารมารทั้งหมดก็ตายสิ้น
รอบกายฟางอวี่เต็มไปด้วยซากศพและเศษแขนขาของทหารมาร เลือดย้อมพื้นแดงฉาน
ขณะนี้ฟางอวี่สีหน้าปกติ ลมหายใจสม่ำเสมอ เสื้อผ้าสะอาดเรียบร้อย ไม่มีเลือดแม้แต่หยดเดียว
หญิงสาวที่โผล่ศีรษะออกมาเห็นดังนั้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง แววตาไม่มีความสิ้นหวังเหมือนก่อน แต่เต็มไปด้วยประกายตื่นเต้น
"มนุษย์ เจ้ากล้าสังหารลูกหลานเผ่ามารของข้า ข้าจะสับเจ้าเป็นหมื่นชิ้น!"
หัวหน้าเผ่ามารเห็นดังนั้น เอ่ยเสียงเย็น
"ตึง ตึง ตึง"
พูดจบ ก็พุ่งเข้าหาฟางอวี่อย่างรวดเร็ว ก้าวเดียวหลายจั้ง ทุกก้าวที่ลงพื้นมาพร้อมเสียงดังสนั่น เมื่อเหลืออีกไม่กี่จั้งจะถึงฟางอวี่ จู่ๆ ก็กระโดดขึ้นสูงหลายจั้ง สองมือจับขวานยักษ์สีดำ ใช้ท่าผ่าภูผาฟันลงมาที่ศีรษะฟางอวี่อย่างดุดัน
คมขวานใหญ่ราวกับเขียงมีแสงสีเลือดลอยวูบ
ฟางอวี่เห็นดังนั้น ไม่เลือกที่จะรับการโจมตี ใช้ปลายเท้าแตะพื้น ร่างพุ่งไปข้างหน้าหลายเมตร
"โครม!"
พอฟางอวี่หายตัวไป ขวานของหัวหน้าเผ่ามารก็ฟันลงบนพื้นที่ฟางอวี่เพิ่งยืนอยู่ ทิ้งร่องลึกยาวหลายเมตรบนพื้นแข็ง
ได้ยินเสียงดังสนั่นด้านหลัง ฟางอวี่พลันหมุนตัว ร่างวูบหายไปชั่วพริบตา ปรากฏอยู่ด้านหลังศีรษะหัวหน้าเผ่ามาร ฉวยจังหวะที่พลังยังไม่คลาย ซัดหมัดใส่แผ่นหลังอีกฝ่าย
"ตูม!"
เสียงดังสนั่น แผ่นหลังของหัวหน้าเผ่ามารยุบลงทันที จากนั้นร่างใหญ่โตก็ล้มคว่ำไปข้างหน้า ไถลไปยี่สิบกว่าเมตรจึงหยุด บนพื้นทิ้งรอยถลอกชัดเจน
"มนุษย์ เจ้าคอยดู... องค์ราชันย์มารผู้สูงส่งจะแก้แค้นให้ข้า... วันหนึ่งพระองค์จะรวบรวมทุกภพภูมิ... เจ้า..."
หัวหน้าเผ่ามารหันมามองฟางอวี่ พ่นเลือด ดวงตาเต็มไปด้วยความแค้นและไม่ยอมจำนน พูดยังไม่ทันจบ เสียงก็ขาดห้วง ศีรษะตกลงบนพื้น สิ้นลมหายใจ
ที่แท้หมัดเมื่อครู่ของฟางอวี่ทำลายหัวใจของมันจนแหลกแล้ว
เห็นหัวหน้าเผ่ามารตาย ฟางอวี่หันไปมองรถม้าที่อยู่ห่างออกไปห้าสิบเมตร
ขณะที่เขามอง ก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งประคองชายชราลงมาจากรถ เดินตรงมาทางเขา
ชายชราและหญิงสาวมาหยุดตรงหน้าเขา พร้อมกันคำนับ "ขอบคุณคุณชายที่ช่วยชีวิต!"
"เรื่องเล็กน้อย ไม่ต้องมากพิธี!"
ฟางอวี่โบกมือ สายตาพินิจหญิงสาวและชายชราตรงหน้า
หญิงสาวสวมชุดฮั่นฝูสีขาว ดูจากรูปโฉมยังไม่ถึงวัยปักปิ่น แม้จะดูเหนื่อยล้าจากการเดินทาง แต่ผิวขาวดั่งหิมะ คิ้วงามดั่งภูผา กิริยานุ่มนวล มีกลิ่นอายของนักอ่าน เป็นหญิงงามที่หาได้ยาก
ชายชราสวมชุดขุนนางสีเขียว สีหน้าใจดี บุคลิกสง่างามแบบนักปราชญ์ ดูเหมือนปราชญ์ผู้รอบรู้
เห็นฟางอวี่พินิจพวกตน หญิงสาวก้มหน้าอย่างเขินอาย ส่วนชายชรายังคงสงบนิ่ง
"ข้าชื่อฟางอวี่ ขอถามท่านลุงและคุณหนูว่าเรียกนามใด?"
ฟางอวี่ประสานมือถาม ชายชราและหญิงสาวแต่งกายหรูหรา ดูก็รู้ว่าฐานะไม่ธรรมดา
"ข้าน้อยนามไฉ่หยง นี่คือลูกสาวเฉ้าจี ครั้งนี้หากไม่ได้คุณชายฟางช่วย พ่อลูกเราคงถูกพวกมารเหล่านี้ฆ่าตายแน่"
ชายชราประสานมือตอบ เมื่อพูดถึง "พวกมาร" ดวงตาก็ฉายแววหวาดกลัว
ฟางอวี่ตะลึง เขาไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะเป็นปราชญ์ไฉ่หยงและลูกสาวไฉ่หยวน
หากเขาจำไม่ผิด ตอนนี้ไฉ่หยงควรถูกเนรเทศไปเมืองสกฟางแห่งมณฑลปิงโจว ปิงโจวห่างจากเยี่ยนโจวหลายร้อยกิโลเมตร ทำไมพ่อลูกสองคนถึงมาอยู่ที่เยี่ยนโจว?
ไฉ่หยงเป็นคนเมืองเฉินหลิวแห่งมณฑลเยี่ยนโจว หรือว่าพ่อลูกสองคนอยากกลับบ้านเกิด?
"เป็นท่านไฉ่นี่เอง ไม่ทราบว่าท่านไฉ่มีแผนอย่างไรต่อไป?" ฟางอวี่ยิ้มถาม
"ข้าเป็นเพียงนักโทษ ราษฎรธรรมดาคนหนึ่ง ไม่สมควรให้คุณชายเรียก 'ท่าน'"
ไฉ่หยงพูดอย่างขมขื่น
พูดจบ สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล "แต่เดิมข้าถูกฮ่องเต้เนรเทศไปเมืองสกฟางแห่งมณฑลปิงโจว ไม่นึกว่าช่วงก่อนหน้านี้ เมืองสกฟางถูกพวกปีศาจที่ตกลงมาจากฟ้าบุกทำลาย พวกมันฆ่าคนไม่เลือกหน้า โหดร้ายที่สุด โชคดีที่มีบ่าวซื่อสัตย์สละชีพปกป้อง ข้าถึงพาลูกสาวหนีออกมาจากเมืองสกฟางได้ ตั้งใจจะพานางกลับบ้านเกิดที่เมืองเฉินหลิว ใครจะรู้ว่าที่นี่ก็พบพวกปีศาจเหล่านี้"
"หากไม่ได้คุณชายช่วย พ่อลูกเราคงตกเป็นอาหารของพวกมันไปแล้ว ตอนนี้ดูเหมือนเยี่ยนโจวก็มีพวกปีศาจ พ่อลูกเราเป็นแค่คนธรรมดา ไม่รู้ว่าควรไปที่ใดดี?"
พูดถึงตรงนี้ ไฉ่หยงถอนหายใจยาว "ฮ่า! โลกทุกวันนี้ช่างทำให้คนมองไม่เข้าใจเสียจริง!"
ได้ยินคำพูดของไฉ่หยง ดวงตาฟางอวี่เป็นประกาย
ไฉ่หยงเป็นปราชญ์ใหญ่ พูดในแบบของฟางอวี่ก็คือ "เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเมือง" พิภพของเขาพอดีต้องการคนมีความสามารถเช่นนี้
แม้ตอนนี้จะรับเตี้ยนเหว่ยมาเพียงคนเดียว แต่วันหน้าเมื่อรับคนมามากขึ้น ก็จำเป็นต้องมีคนมีความสามารถหลากหลายด้านมาบริหาร
การสร้างทหารสงคราม ไม่ใช่แค่สอนวิธีบำเพ็ญเท่านั้น ยังต้องมีคนอย่างไฉ่หยงมาปลูกฝังความจงรักภักดีต่อเขาด้วย
เมื่อความคิดเป็นหนึ่งเดียว จึงจะรวมพลังเป็นเชือกเส้นเดียว และชนะทุกศึก
อีกอย่าง หากต้องการให้คนมีความสามารถจงรักภักดี ก็ต้องรับทั้งครอบครัวของพวกเขามาด้วย ไม่เช่นนั้น จะมีใครยอมทิ้งญาติสนิทมาเดินทางกับเขา
แม้จะพบคนที่ยอมทิ้งครอบครัวมากับเขา ฟางอวี่ก็จะไม่รับ
เพราะคนที่ใจดำพอจะทิ้งญาติสนิท จะจงรักภักดีต่อเขาได้อย่างไร
เมื่อมีครอบครัวเข้ามาในพิภพ ก็ต้องมีคนดูแล ไฉ่หยงเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการดูแลครอบครัวเหล่านั้น
ป.ล. จากผู้แปลนะครับ นิยายเรื่องนี้ผสมยุคสมัยเยอะมากครับ ตัวละครหลักของเรื่อง อาจจะมีการใช้คำสรรพนามหลากหลายมาก เช่น ผม ฉัน เรา และ ข้า กับตัวละครที่ต่างกันครับ ใครมีไอเดียให้บ้างครับ แนะนำกันได้นะครับ จะได้ปรับใช้ต่อไปครับ ทั้งนี้ ขอบคุณที่ติดตามกันนะครับ
(จบบทที่ 15)