บทที่ 144 ค่าเพื่อน ไม่จ่ายแล้ว!
บทที่ 144 ค่าเพื่อน ไม่จ่ายแล้ว!
ณ เวลา เช้าตรู่
สิ่งแรกที่เห็นก็คือดวงตากลมโตใสแจ๋วคู่หนึ่ง
หยูโจวเอาขาคู่หน้าที่สะอาดเกลี้ยงเกาะขอบเตียง แลบลิ้นออกมา จ้องมองเฉินหยวนเขม็ง
ด้วยความงี่เง่าตามประสาหมา มันคงจะทำท่านี้ค้างไว้ครึ่งชั่วโมง จ้องเขาไม่วางตาแน่ๆ
แต่ก็ด่ามันว่าโง่ไม่ได้หรอกนะ
ก็มันไม่ต้องไปโรงเรียน ไม่ต้องทำงาน ไม่ต้องเข้าเรียนแปดโมงเช้า ไม่ต้องเรียนวิชาเยาวชน ไม่ต้องเบียดเสียดขึ้นรถเมล์สาย 737 ตอนหกโมงครึ่ง... ชิ!
"ท่านหยูโจว ขออภัยที่ไม่ได้เล่นกับท่านจนหนำใจ..."
พอไม่มีเวลาเล่นกับหมา เขาจึงลูบหัวหยูโจวไปที เฉินหยวนก็ลุกขึ้น แต่งตัว ล้างหน้า แปรงฟัน เข้าห้องน้ำ จากนั้นหยิบมือถือขึ้นมาดูชื่อผู้หญิงที่เขาตั้งชื่อเล่นไว้ว่า 'ดวงใจ'
ถึงแม้ว่าที่รักจะตั้งชื่อเล่นให้เขาว่า 'หยวนเป่า' ซึ่งพอเห็นสองคำนี้ เขาก็นึกชื่อลูกคนที่สองไว้รอเลยทีเดียว แต่เฉินหยวนเล่นมือถือในโรงเรียนบ่อยเกินไป รอบข้างก็มีคนอยู่ด้วยตลอด ถ้าเกิดใครมาเห็นเข้าก็จะ... โอ้โห!
โอ้โหพ่อมึงสิ!
ไม่เคยเห็นผู้ชายบริสุทธิ์มีความรักรึไง!?
ผู้หญิงจะเป็นพวกคลั่งรักหน่อยก็ไม่เป็นไร ผู้หญิงใจดีกันทุกคน แต่เฉินหยวนรู้ดีว่าผู้ชายนี่แหละตัวแสบ ชอบพูดจาประชดประชัน
อย่างน้อยในอีก 37 วันข้างหน้า คำว่า 'ที่รัก' จะถูกคนอื่นพูดถึงซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ทำไมต้องเป็น 37 วัน?
ก็เพราะก่อนหน้านี้รู้มาว่าแฟนออนไลน์ของถังเจียนชื่อ 'พีชรสนม' เฉินหยวนก็เลยแซวเขาตลอดทุกครั้งที่เดินผ่าน "กินผลไม้ไหม? ไป กินพีชรสนมกัน"
ส่วนสาเหตุที่เรื่องนี้มีอายุแค่ 37 วัน ไม่ใช่เพราะเฉินหยวนโตขึ้น รู้จักเคารพคนอื่นหรอกนะ
แต่เป็นเพราะต่อมาเครื่องแปลงเสียงของพีชรสนมเกิดพัง เสียงแหบๆที่ดังขึ้นมาในตอนนั้น ทำให้ผู้ชายทุกคนใจดี ไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกเลย
แน่นอนว่าไม่ได้หมายความว่าจะไม่พูดต่อหน้า แต่ทุกครั้งที่คุยกันลับหลังถังเจียน ก็จะมีคนพูดขึ้นมาว่า "พูดถึงสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน... ทำให้นึกถึงตอนที่ถังเจียนช่วยพีชรสนมไต่แรงค์ขึ้น Diamond 3 ภายในครึ่งเดือน"
แล้วผู้ชายพวกนั้นก็จะหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ฮ่าๆๆๆๆ——
สรุปก็คือ
ซินเป่าที่รัก เก็บไว้ในใจก็พอ
แต่การไปเที่ยววัดที่เมืองหนิงก็เป็นตัวเลือกที่ดีนะ แถมรูปภาพใน Douyin ที่เซี่ยซินหยู่ส่งมา บรรยากาศก็ดูดีมาก ใกล้ทะเลด้วย กินข้าววัดเสร็จก็ไปทะเลเก็บปูมาทอดได้เลย
ทำบุญแล้ว ทำบาปต่อผิดตรงไหน
วันนี้เขาทำอะไรเร็วมาก แถมยังเป็นฝ่ายชวนเซี่ยซินหยู่ออกไปเอง เดินลงมาข้างล่างด้วยกัน กินอาหารเช้าแบบลวกๆ เสร็จก็ขึ้นรถเมล์
ตอนที่ทั้งสองคนนั่งเบียดกัน เฉินหยวนรู้สึกได้ว่าสีหน้าของที่รักเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้ เธอดูเป็นธรรมชาติมาก ถึงขั้นเอาหัวมาพิงไหล่เขาได้อย่างสบายใจ แต่ตอนนี้ ความรู้สึกเหมือนสามีภรรยาเก่าหายไป กลายเป็นความ... เขินอายแบบแปลกๆ
ก็คงเป็นอย่างนั้นแหละ เขาพูดแบบนั้นออกไป เซี่ยซินหยู่ก็คงจะประหม่า
เธออยากเป็นแฟนเขา แต่ตอนนี้เธอยังไม่กล้า
มีสอบรายเดือน มีสอบแข่งขัน พอสอบแข่งขันเสร็จก็มีสอบกลางภาค ถึงแม้ว่าการแบ่งห้องครั้งใหญ่จะผ่านไปแล้ว แต่การสอบกลางภาคก็จะมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย
เตะพวกที่เรียนไม่ไหวออกจากห้องเรียนดีๆ แล้วดึงหัวกะทิจากห้องธรรมดาเข้ามาแทน
โรงเรียนหมายเลข 4 ของเซี่ยซินหยู่นี่ไม่ต้องพูดถึง เป็นเครื่องจักรสำหรับการสอบโดยสมบูรณ์ ถึงแม้จะสอบได้ 600 คะแนนในห้องก็ยังมีสิทธิ์ถูกเตะออก ถึงแม้เธอจะมีเส้นสายอย่างคุณอา แต่ถ้าคะแนนตกมากเกินไปก็คงไม่ได้
แต่พรุ่งนี้แล้วพรุ่งนี้เล่า พรุ่งนี้มีมากมายเหลือเกิน...
เรื่องสารภาพรัก ฉันจะจัดการเอง
"ซินหยู่ พวกเธอสอบพรุ่งนี้ใช่ไหม?" เฉินหยวนถาม
"ใช่แล้ว" เซี่ยซินหยู่ตอบ "สอบสองวัน จัดเต็มเหมือนสอบเข้ามหาลัยเลย ดีหน่อยที่ได้กลับบ้านเร็วกว่าปกติ"
"เธอสอบห้องไหนล่ะ?" เฉินหยวนถาม
เซี่ยซินหยู่สอบห้อง 625 ถึงจะไม่ใช่ห้องหัวกะทิ แต่ก็น่าจะไม่ได้แย่ขนาดนั้นมั้ง?
เซี่ยซินหยู่ยิ้มเยาะตัวเอง "ห้องสอบละสามสิบคน ฉันอยู่ห้องสอบวิทย์ห้องที่ 13... อับอายขายขี้หน้าห้อง 3 จริงๆ"
โรงเรียนหมายเลข 4 มีห้องเรียนพิเศษหนึ่งห้อง ห้องเรียนทดลองสามห้อง รวมทั้งหมด 220 คน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะอยู่ใน 220 อันดับแรก
แต่เป็นช่วงคะแนนตั้งแต่อันดับหนึ่งถึงห้าร้อย
ตัวเธอเองที่อยู่อันดับ 394 ก็ได้แค่ระดับกลางๆ ค่อนไปทางท้ายๆ
แน่นอนว่าด้วยคะแนนเท่านี้ ต่อให้สอบกลางภาคก็ไม่โดนเตะออกหรอก
เธอจำได้ว่าเกณฑ์การโดนเตะออกจากห้อง 3 คือประมาณอันดับที่ 550 คะแนน 595
เธอน่ะอยู่ตัวแล้ว
"ฉันสอบห้อง 31 ห้องเรายังมีคนสอบห้อง 35 อีกหลายคน ถือว่าเป็นความภูมิใจของห้อง 18 เลยล่ะ"
จะว่าภูมิใจก็ไม่เชิง
แต่ถ้าเทียบกับมาตรฐานของหลาวโม๋ ก็ยังดีกว่าขี้กองข้างทางอยู่ดี ก็เลยไม่ถึงกับแย่
"พวกนาย... สอบมะรืนนี้ใช่ไหม?" เซี่ยซินหยู่ถาม
"ใช่ เพราะวันนี้มีแข่งบาสเกตบอลรอบชิงชนะเลิศที่โรงยิม" พูดถึงตรงนี้เฉินหยวนก็ทำหน้าหงุดหงิด "พวก... พวกง่อยๆในกลุ่มฉัน ดันเข้ารอบชิงได้ซะงั้น"
แน่นอนว่ารองแชมป์ครั้งนี้ เขาเองมีส่วนช่วยอยู่เจ็ดส่วน
ถ้าไม่ใช่เขาจัดการห้อง 26 ไปได้ พวกนั้นก็คงตกรอบ 16 ทีมไปนานแล้ว
แต่ไอ้พวกนั้นกลับไม่ขอบคุณเฉินหยวนเลยสักนิด
พอรู้ว่าเขาเป็นคนห้อง 15 ไปแล้ว ไม่สามารถแข่งแทนห้อง 18 ได้ ก็พากันทำหน้าระรื่น "เสียดายที่ห้อง 26 ตกรอบแรกไปแล้ว ไม่งั้นพวกเราก็ได้สนุกกันหน่อย"
ห้อง 26 พวกนายนี่แหละที่เป็นผู้ท้าชิงตัวจริงใช่ไหม?
"แต่ฉันคิดว่า คงไม่มีแมตช์ไหนสนุกเท่าแมตช์นั้นแล้วล่ะ" เซี่ยซินหยู่อวยเฉินหยวนไม่หยุด "ถึงฉันจะไม่รู้เรื่องบาสเกตบอล แต่ก็สัมผัสได้ถึงความเร่าร้อนของมันเลย"
"ถ้างั้นถ้าเธอชอบบาสเกตบอล เราไปดู CBA กันไหม มีแข่งของทีมไห่ตงโจวโจวด้วยนะ ฤดูกาลนี้พวกเขานำคะแนนอยู่"
ถึงแม้เซี่ยซินหยู่จะอยากบอกว่า 'ไม่ใช่ว่าชอบดูบาสเกตบอลหรอก แต่เพราะมีนายต่างหาก' แต่การที่เธอสนับสนุนงานอดิเรกของเขา เขาก็ต้องดีใจอยู่แล้ว เธอจึงตอบว่า "อืม ได้สิ มีโอกาสเราไปดูด้วยกันนะ"
บรรยากาศระหว่างทั้งสองคนค่อยๆกลับมาเป็นปกติ นั่งรอรถเมล์ที่ป้ายด้วยกัน
ก่อนจะลุกขึ้น เซี่ยซินหยู่ก็รู้สึกกังวล
เมื่อคืนตอนแคปรูป เธอตั้งใจแคปชื่อ 'หยวนเป่า' เข้าไปด้วย ไม่รู้ว่าเขาเห็นรึเปล่า...
ถ้าเห็นแล้ว ก็น่าจะดีใจใช่ไหม?
แต่ผลลัพธ์ของความดีใจ ก็คือเธอประหม่าจนนอนไม่หลับไปนานเลย
คำพูดน่าอายแบบนั้น ฉันพูดออกไปได้ยังไงนะ...?
แล้วต่อไป ฉันจะใช้อิโมจิ [กลืนหยวนเป่า] ได้ยังไงล่ะเนี่ย (ปล.มันคืออีโมจิ กลืนก้อนทอง)
แต่เธอก็เริ่มเข้าใจแล้วว่า ทำไมการมีแฟนถึงทำให้คนหลงใหลได้ขนาดนี้
นอกจากจะได้สัมผัสตัวกันมากขึ้นแล้ว ยังจะได้ยินเฉินหยวนเรียก 'ที่รัก' ออกมาจากปากด้วย
แล้วฉันก็จะ... หยวนที่รัก หยวนที่รัก หยวนที่รัก~
"ฉันลงแล้วนะ บายบาย"
"อืม บายบาย"
เฉินหยวนโบกมือลาเซี่ยซินหยู่
ทันใดนั้น โจวฟู่ก็ขึ้นรถมา
นี่มันต่อกันแบบไร้รอยต่อเลยนี่หว่า...
"อ๊ะ วันนี้ตื่นเช้าจัง..."
โจวฟู่นั่งลงข้างๆเฉินหยวน ทักทายตามปกติ แต่พอมองไปที่เบาะข้างๆที่ว่างเปล่า ความรู้สึกเคว้งคว้างในใจก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
รีบเคลียร์ที่นั่ง จะได้รีบย้ายไปห้อง 2 ใช่ไหมล่ะ?
"อืม" เฉินหยวนมองโจวฟู่ ไม่รู้ว่าเธอเศร้าเรื่องอะไร แต่ก็ไม่ได้ใช้พลังพิเศษแอบฟัง
ก็เป็นสาววัยรุ่นนี่นา เป็นเรื่องปกติ
จากนั้น โจวฟู่ก็หยิบนมออกมาจากกระเป๋า เฉินหยวนกำลังจะเอื้อมมือไปรับ เธอก็เสียบหลอดดูดแล้วดื่มเองซะอย่างนั้น
?
ค่าเพื่อนล่ะ?
ไม่ใช่ว่าพอเป็นเพื่อนกันแล้วก็ไม่ต้องจ่ายค่าเพื่อนแล้วเหรอ?
ค่าเพื่อนนี่แหละคือสิ่งที่ผูกมิตรภาพไว้ด้วยกัน!
ชิ น่ารำคาญจริงๆ แค่นมขวดเดียว ทำให้รู้สึกเหมือนวันนี้ได้รับสารอาหารไม่ครบ
เพราะโจวฟู่ดูเศร้าๆ ทั้งสองคนเลยไม่ค่อยได้คุยกัน พอลงจากรถก็เดินไปโรงเรียน แล้วก็ขึ้นบันไดไป
ทันใดนั้น โจวฟู่ที่ดื่มนมหมดแล้วก็หยุดเดิน มองเฉินหยวนแล้วถามว่า "นายคิดว่า ถังซือเหวินเป็นยังไงบ้าง?"
"..." เฉินหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง หันไปมอง 'ร่างจริง' ของถังซือเหวินที่ยืนอยู่ข้างล่างบันได ซึ่งอยู่ในจุดบอดสายตาของโจวฟู่ ก็รู้สึกงงขึ้นมาทันที
ส่วนถังซือเหวินก็มึนงงเช่นกัน ยืนนิ่งรอฟังคำวิจารณ์ของตัวเอง
เพราะวันนี้เฉินหยวนตื่นเช้า มาโรงเรียนเช้า ถังซือเหวินก็เป็นคนที่ชอบมาโรงเรียนเช้าเป็นประจำ ฉากนี้เลยไม่ได้บังเอิญอะไร
สิ่งที่เฉินหยวนสงสัยก็คือ——โจวฟู่ เธอรู้ไหมว่ามีใครยืนอยู่ข้างหลังเธอ?
นินทาลับหลังเธอเหรอเนี่ย...?
เกลียดหลี่ยูยู สงสัยหลี่ยูยู กลายเป็นหลี่ยูยูซะเอง
"ก็ดีนะ" เฉินหยวนตอบ
แต่เห็นได้ชัดว่าถังซือเหวินไม่ได้สนใจคำตอบนี้เลย กินซาลาเปาอย่างใจเย็น แล้วรอฟังโจวฟู่พูดต่อ
เพราะเฉินหยวนโกงข้อสอบ อาจจะพูดโกหกก็ได้ แต่โจวฟู่พูดจริงใจ
"เทียบกับฉันล่ะ?" โจวฟู่ถามอย่างจริงจัง
วันนี้พวกเธอจะต้องแยกย้ายไปอยู่คนละห้องแล้ว
ตอนนี้จะรั้งไว้... ไม่สิ เธอจะไปขัดขวางไม่ให้เฉินหยวนกลายเป็นคนที่ดีกว่านี้ไม่ได้
แต่เธอต้อง PUA เฉินหยวนสักหน่อย
ถึงจะแยกห้องกันแล้ว แต่เพื่อนที่ดีที่สุดของนายก็ยังเป็นฉันอยู่ดี
ส่วนถังซือเหวิน ก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดอันดับสองก็แล้วกัน
"อืม..." เฉินหยวนเหลือบมองถังซือเหวิน ไม่กล้าเตือน ตอบเสียงอ่อย "เธอเก่งภาษาอังกฤษ ส่วนซือเหวินเก่งคะแนนรวม"
"งั้นก็แปลว่า การนั่งกับเธอมีประโยชน์กว่างั้นสิ?"
"ทำไมถึงพูดเรื่องผลประโยชน์แบบนี้ล่ะ แล้วฉันจะไปนั่งกับเธอได้ยังไง...?"
บ้าเอ๊ย!
โจวฟู่เป็นคนโง่รึไง?
คิดจริงเหรอว่าฉันจะย้ายไปห้อง 2?
นี่ เธอคิดว่าเทพหยวนมีระดับต่ำขนาดนั้นเลยเหรอ?
กวาดล้างโจรก็เพื่อเข้าสำนักชั้นใน รับการถ่ายทอดวิชาจากเจ้าสำนักงั้นสิ?
ฉันน่ะเป็นสายชิวนะเว้ย
"เธอน่ะอาจจะสอนนายเรียนหนังสือ แต่เธอจะให้นม ขนมปัง ขนมเค้กนายเหรอ?" โจวฟู่พูดอย่างจริงจัง
ไม่ได้ ค่าเพื่อนที่จ่ายไปจะต้องไม่สูญเปล่า
"เอ่อ..."
พอรู้ว่าอีกฝ่ายรีบร้อนเรื่องอะไร เฉินหยวนก็เริ่มลังเล แต่ในตอนนั้น ถังซือเหวินก็ชี้ไปที่ซาลาเปาของตัวเอง แล้วพูดเตือนอย่างจริงจังเช่นกันว่า ฉันเคยให้ซาลาเปานายนะ แถมให้ตั้งสองลูก เฉินหยวนเลยจำใจพูดว่า "ฉันก็เคยกินซาลาเปาของเธอนะ..."
"นาย... นายๆๆ..." พอรู้ตัวว่าตัวเองไม่มีข้อได้เปรียบอะไรเลย โจวฟู่ก็เลยงัดไม้ตาย ใช้แผนโจมตีทางอารมณ์ พูดอย่างจริงจังว่า "งั้นนายก็ไปเล่นกับเธอก่อนก็ได้... ฉันไม่ว่าอะไรหรอก รอฉันสอบกลางภาคเสร็จ ฉันจะพยายามสอบเข้าห้อง 2 ให้ได้ ถึงตอนนั้น นายก็รู้ใช่มั้ย?"
"ฉันรู้... แต่ก็ไม่ค่อยรู้"
เพราะถังซือเหวินยืนฟังอยู่ เฉินหยวนเลยพูดแบบนั้น
"ถึงตอนนั้นเราก็มาเล่นด้วยกันไง ถึงจะไม่ได้ให้นายแกล้งเล่นกับเธอ แต่... นายก็ต้องสนิทกับฉันมากกว่าเธอหน่อย"
โจวฟู่ไม่คิดเลยว่า ความหึงหวงในมิตรภาพจะเจ็บปวดขนาดนี้
แต่เธอคิดจริงๆนะว่า ในมิตรภาพควรจะมีการจัดลำดับ 1 2 3 4
เพราะเวลาจะเล่าอะไรให้ใครฟัง ก็มักจะนึกถึงเพื่อนสนิทที่สุดก่อนโดยไม่รู้ตัว
เพื่อนผู้ชายที่สนิทที่สุดของเฉินหยวนคือโจวหยู โจวหยูก็สนิทกับเฉินหยวนที่สุดเหมือนกัน
เพื่อนผู้หญิงที่สนิทที่สุดของโจวหยู... ไม่สิ ทั้งสองคนอยู่ในช่วงไม่ชัดเจนกันแล้วนี่นา
ส่วนเหอซือเจียว เพื่อนผู้หญิงที่สนิทที่สุดก็ไม่ใช่เธอ แถมยังมีผู้หญิงที่สนิทกับเธอเยอะแยะไปหมด
ดังนั้น ถ้าเฉินหยวนไม่ถือว่าเธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด เธอก็จะ...
เป็นเพื่อนอันดับสอง หรือแม้กระทั่งอันดับสามกับทุกคน
ผู้ชายน่ะช่างมันเถอะ แต่ในบรรดาผู้หญิง
เฉินหยวน ฉันจ่ายค่าเพื่อนมาตั้งนาน อย่าทิ้งฉันนะ!
"ขอโทษ พูดเล่น"
เฉินหยวนพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
"หา?" โจวฟู่ไม่เข้าใจ
"จริงๆแล้วไม่มีการแยกห้องหรอก ฉันโกหก" เฉินหยวนก้มหน้า ไม่กล้ามอง
"หา? ทำไมนายทำแบบนี้ล่ะเฉินหยวน นายรู้ไหมว่าฉัน..."
"อรุณสวัสดิ์"
โจวฟู่ยังพูดไม่ทันจบ ก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างแผ่วเบา แล้วก็เห็นถังซือเหวินเดินผ่านเธอไป
พอเห็นแบบนี้ เธอก็นึกถึงหลี่ยูยูที่โดนตบหน้าทันที
จากนั้น ก็นึกภาพชีวิตมัธยมปลายของตัวเองวนไปวนมา เต็มไปด้วยภาพที่น่าสังเวช
พอจินตนาการไป ก็รู้สึกหดหู่ เธอเลยระบายอารมณ์ด้วยการทุบไหล่เฉินหยวนรัวๆ แล้วรีบวิ่งตามถังซือเหวินไปอธิบาย "ซือเหวิน ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น..."
"ฉันรู้ ฉันเป็นแค่ตัวสำรอง" ถังซือเหวินพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
"ขอโทษ ฮือๆๆ"
โจวฟู่รีบกอดถังซือเหวิน กอดแน่นๆ แล้วขอโทษอย่างรู้สึกผิด "ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเธอ แค่เฉินหยวนมันหลอกฉัน ไอ้...ไอ้บ้าเอ๊ย"
ถังซือเหวินที่เดิมทีทำหน้าเย็นชา พอได้ยินแบบนั้นก็กลั้นขำไว้ไม่อยู่ หัวเราะออกมา
แถมยังเป็นรอยยิ้มสดใสที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เสียงหัวเราะ "ฮ่าๆๆ" ก็เหมือนเสียงผู้ชายที่เพี้ยนๆ เล็กน้อย...
เห็นแบบนี้ โจวฟู่ก็ถึงกับอึ้ง
รอยยิ้มแบบนี้ จะปรากฏบนใบหน้าของถังซือเหวินได้จริงๆเหรอ?
"เมื่อกี้เธอเรียกฉันว่าไอ้บ้าเหรอ...?"
"ไม่พูดเรื่องนั้นแล้ว"
โจวฟู่มองเฉินหยวน ถามด้วยสายตา——นายเรียนกับเธอมาตั้งนาน เคยเห็นถังซือเหวินเป็นแบบนี้ไหม?
ไม่เคยเห็นแน่นอน
ถ้าเป็นในการ์ตูน นี่ถือว่าหลุดคาแรคเตอร์เลยนะ
"ถังซือเหวิน" เฉินหยวนมองเธอ ถามอย่างสงสัย "วันนี้เธอเจอเรื่องดีๆอะไรรึเปล่า?"
โจวฟู่ก็จ้องมองเธออย่างตั้งใจ
ถังซือเหวินที่หัวเราะเสร็จแล้วก็มองทั้งสองคน
โจวฟู่นุ่มนิ่ม กอดแล้วสบายจัง
เฉินหยวนเข้าใจเรื่องซาลาเปา
พอตัดสินใจในใจได้แล้ว เธอก็ไม่ปิดบัง บอกความลับออกมาตรงๆ "ฉันมีเพื่อนใหม่แล้ว"
"หา?" โจวฟู่อึ้งไป
เป็นเพื่อนกับถังซือเหวิน...
ต้องเป็นคนแบบไหนกันนะ?
"เห็นไหม เธอมีเพื่อนใหม่แล้ว พี่ฟู่คิดมากไปแล้ว..."
เฉินหยวนยังพูดไม่ทันจบ โจวฟู่ก็เอาศอกกระทุ้งท้องเขาเข้าอย่างจัง
กลายเป็นสาวน้อยขี้งอนไปแล้ว...
"ใครเหรอ?" โจวฟู่ถาม
"พวกเธอน่าจะรู้จัก" ถังซือเหวินไม่คิดมาก ตอบตรงๆ "เฉิงไห่อิง"
ชื่อนี้ทำให้ทั้งสองคนตกใจมาก
นี่ นิสัยของคนสองคนนี้ จะเข้ากันได้ยังไง?!
เรื่องนี้ มีแค่ถังซือเหวินเท่านั้นที่รู้
วันนั้นหลังจากแข่งบาสเกตบอลเสร็จ เฉิงไห่อิงก็แอด QQ เธอมา
เฉิงไห่อิง: เธอคือดาวประกายพรึกใช่ไหม?
ถังซือเหวิน: ไม่ใช่ ฉันชื่อถังซือเหวิน
เฉิงไห่อิง: ฉันเห็นเธอตั้งแต่แรกแล้ว นึกว่าเธอคือดาวประกายพรึกซะอีก