บทที่ 13 เผ่าต่างดาวมิโนทอร์
บทที่ 13 เผ่าต่างดาวมิโนทอร์
ดาบเหล็กวิเศษสร้างจากเหล็กดาวตกนอกโลก คมกริบถึงขนาดตัดเหล็กได้ราวกับโคลน
ไม่นาน ฟางอวี่ก็ชำแหละซากเสือจนเสร็จ หนังเสือก็ถลกออกมาได้ทั้งผืน
นี่เป็นเหยื่อตัวแรกของฟางอวี่ เขาตั้งใจเก็บหนังเสือไว้เป็นที่ระลึก
ในตอนนั้น เตียนอุยก็อุ้มฟืนแห้งกลับมากองใหญ่
เห็นฟางอวี่จัดการเสือเรียบร้อยแล้ว เตียนอุยก็วางฟืนลง แล้วประกอบเป็นเตา
หลังจากเตียนอุยประกอบเตาเสร็จ ฟางอวี่ก็เอาเนื้อเสือที่เสียบไม้วางบนเตา จุดไฟย่าง
ฟางอวี่พลิกเนื้อไปมาพลางสนทนากับเตียนอุย
จากการสนทนากับเตียนอุย ฟางอวี่รู้ว่าเตียนอุยก็ไม่รู้ว่าหลุมบนท้องฟ้าเกิดขึ้นเมื่อไหร่
เตียนอุยยังบอกฟางอวี่ว่า ช่วงนี้มักมีแสงศักดิ์สิทธิ์หลากสีตกลงมาจากหลุมบนฟ้า ลงสู่ที่ต่างๆ ทั่วโลก
บางครั้งเขายังเห็นสิ่งมีชีวิตรูปร่างประหลาดตกลงมาจากฟ้า เช่น สัตว์ขนาดเท่าภูเขาเล็ก และสัตว์ประหลาดที่มีหัววัวตัวคน
สามวันก่อน เขาเคยฆ่าสัตว์ประหลาดหัววัวตัวคนตัวหนึ่ง แม้เนื้อจะไม่อร่อย แต่กินแล้วกลับพบว่าพละกำลังของตนเพิ่มขึ้นมาก
ได้ยินว่าเตียนอุยกินเผ่าต่างดาวมิโนทอร์ ฟางอวี่รู้สึกขนลุกเล็กน้อย แต่ก็แอบชูนิ้วโป้งให้เขา
เตียนอุยเก่งจริงๆ กล้ากินสิ่งมีชีวิตรูปร่างคน คงแม้แต่ฮวงเทียนตี้ผู้ชอบตะโกน "กิน กิน" เจอเขาก็คงต้องละอายใจ
แต่พอนึกถึงว่าเตียนอุยอยู่ในยุคสามก๊ก ฟางอวี่ก็เข้าใจทันที
ยุคสามก๊กเป็นยุคศักดินาที่ต้องแลกลูกกินกัน อีกทั้งพวกเผ่าฮั่นหนูยังเอาชาวฮั่นมากินเป็นแกะสองขาเลย
เทียบกับการแลกลูกกินกัน และพวกสัตว์อย่างฮั่นหนู การที่เตียนอุยกินเผ่าต่างดาวมิโนทอร์ก็ไม่นับว่าเป็นอะไร
ยิ่งกว่านั้น ฟางอวี่ยังรู้จากปากเตียนอุยว่า โลกของพวกเขาเคยแตกสลาย เผ่าต่างดาวอย่างฮั่นหนูหายไปตั้งแต่ไม่รู้เมื่อไหร่ เหลือแต่ราชวงศ์ต้าฮั่นของพวกเขา
จากคำพูดของเตียนอุย ฟางอวี่รู้ว่าพิภพลับนี้เกิดจากเศษของโลกสามก๊ก
ครึ่งชั่วยามผ่านไป กลิ่นหอมของเนื้อกระจายไปทั่ว เนื้อเสือบนเตาไฟเริ่มเป็นสีทองมันวาว น้ำมันหยดลงบนกองไฟส่งเสียงซู่ซ่า
ฟางอวี่ยังคงสีหน้าสงบนิ่ง แต่เตียนอุยข้างๆ แทบจะทนไม่ไหวแล้ว แอบกลืนน้ำลายไม่หยุด
ฟางอวี่เห็นดังนั้น จึงหยิบเครื่องปรุงออกมา โรยบนเนื้อเสืออย่างทั่วถึง ทันใดนั้น กลิ่นหอมยิ่งเข้มข้น แค่กลิ่นก็ทำให้น้ำลายไหล
เตียนอุยเห็นความสามารถหยิบของออกมาจากความว่างเปล่าของนายท่าน หลังจากตกใจไปครั้งก่อน ตอนนี้ก็ไม่ค่อยตกใจแล้ว
ไม่ใช่ว่าไม่ตกใจ แต่ตกใจจนชาไปแล้วมากกว่า
ในใจดีใจที่ตนยอมรับฟางอวี่เป็นนายท่าน
ในสายตาเตียนอุย ความสามารถหยิบของจากความว่างเปล่าแบบนี้ มีแต่เทพเจ้าในตำนานเท่านั้นที่ทำได้ เขาถึงกับคิดว่านายท่านต้องเป็นเซียนในตำนานที่ลงมาจากสวรรค์แน่ๆ
เห็นสัตว์ประหลาดขนาดเท่าภูเขา เผ่าต่างดาวมากมาย โลกทัศน์ของเตียนอุยพังทลายไปนานแล้ว เขาเชื่อว่าเทพเจ้าที่ดูเลื่อนลอยก็มีอยู่จริง
ย่างไปอีกสักพัก ฟางอวี่ฉีกขาเสือออกมาขาหนึ่ง แล้วยิ้มพูดกับเตียนอุย "เตียนอุย ที่เหลือให้เจ้าทั้งหมด!"
"ขอบพระคุณนายท่าน!"
เตียนอุยคำนับ แล้วลงมือฉีกเนื้อ ไม่สนว่าจะร้อนปาก กัดจนน้ำในปากไหล เจริญอาหารมาก
เห็นเตียนอุยกินอย่างตะกละ ฟางอวี่ก็ถือขาเสือกัดเบาๆ หนึ่งคำ
กินเพียงคำเดียว ฟางอวี่ก็ไม่กินอีก
แม้เขาจะย่างเนื้อเสือได้ดี แต่รสชาติเนื้อเสือกลับไม่ค่อยดี เนื้อแข็งไปหน่อย คนฟันไม่ดีคงกินไม่ได้
"นายท่าน เนื้อเสืออร่อยขนาดนี้ ทำไมท่านไม่กินล่ะขอรับ?"
เตียนอุยกำลังจะฉีกขาเสือที่สอง เห็นนายท่านไม่กิน จึงถามอย่างสงสัย
นี่เป็นเนื้อที่อร่อยที่สุดในชีวิตเขา เขาไม่เข้าใจว่าทำไมนายท่านถึงไม่กิน
หรือว่าเนื้อในโลกของนายท่านอร่อยกว่าเนื้อเสืออร่อยขนาดนี้อีก?
คิดถึงตรงนี้ เตียนอุยก็อยากไปลองชิมเสียแล้ว
"ข้าไม่หิว เจ้ากินเถอะ"
ฟางอวี่ส่ายหน้า โยนเนื้อเสือในมือเข้าป่า
เตียนอุยได้ยินดังนั้น ก็ไม่ถามอีก ฉีกขาเสือออกมาอีกขา กินอย่างเอร็ดอร่อย นึกถึงขาเสือที่นายท่านโยนทิ้ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเสียดาย เนื้ออร่อยขนาดนี้ ทิ้งไปเสียดายจริงๆ
มองเตียนอุยที่กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย ฟางอวี่รู้สึกงงๆ เขาไม่นึกว่าจะแย่งองครักษ์คนสนิทของเฉาเฉามาได้ง่ายขนาดนี้
แต่นึกถึงความสามารถที่ตนแสดงออกเมื่อครู่ การที่เตียนอุยยอมรับเขาเป็นนายก็เป็นเรื่องปกติ เพราะเตียนอุยไม่ใช่คนโง่ คนโบราณก็รู้จักพึ่งพาผู้แข็งแกร่ง
เตียนอุยมีพละกำลังมหาศาลมาแต่กำเนิด หลังกว้างเอวหนา เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการสร้างทหารสงคราม
เพียงแค่เขาได้ของวิเศษพิภพทหารสงคราม ก็จะสร้างเตียนอุยให้เป็นทหารสงคราม เขาตั้งชื่อพิภพของตนว่า อาณาเขตเซียนแห่งบรรพกาล ก็เพราะต้องการสร้างพิภพของตนให้เป็นอาณาเขตเซียนอันสูงส่ง
ของวิเศษพิภพทหารสงครามมีหลายประเภท มีทั้งทหารเต๋า ทหารพุทธ ทหารมาร ทหารวิญญาณ ทหารอสูร...
ที่น่าสนใจคือ ฟางอวี่ปลูกเมล็ดพืชวิเศษที่ฉินชิงชิงให้เขาช่วยเพาะทั้งหมดตั้งแต่สิบกว่าวันก่อน ครั้งนี้ฉินชิงชิงให้เขาช่วยเพาะไม่มาก แค่พันเมล็ดเท่านั้น
แม้จะมีปุ๋ยวิเศษและคุณสมบัติพิภพเสริม แต่จะให้สุกต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งปี
เรื่องนี้ฟางอวี่ก็ไม่รู้สึกว่าเป็นอะไร เว้นแต่เขาจะได้ของวิเศษพิภพประเภทที่ดินวิเศษ
ประมาณหนึ่งเค่อผ่านไป เตียนอุยแทะขาเสือหมดสามขา เรอดังสนั่น
"เตียนอุย เนื้อเสือที่เหลือข้าจะเก็บใว้ให้เจ้า อยากกินเมื่อไหร่ ข้าจะหยิบให้" เห็นเตียนอุยมองเนื้อเสือที่เหลือด้วยสายตาอาลัย ฟางอวี่ยิ้มพูด
จากนั้นก็เก็บเนื้อเสือที่เหลือเข้าช่องเก็บของ ช่องเก็บของมีความสามารถรักษาความสด เก็บเข้าไปแบบไหน เอาออกมาก็เป็นแบบนั้น
"นายท่าน ตามข้ามา ข้าจะพาท่านไปที่ห้วยเหวที่พูดถึงเมื่อครู่!"
หลังดับไฟ เตียนอุยพูดกับฟางอวี่อย่างนอบน้อม
ฟางอวี่พยักหน้า เดินตามเตียนอุย
หนึ่งธูปผ่านไป ฟางอวี่ตามเตียนอุยมาถึงห้วยเหวแห่งหนึ่ง
ห้วยเหวนี้กว้างหลายสิบเมตร ตรงกลางมีสระน้ำเล็กๆ
ในสระน้ำห่างจากฟางอวี่ร้อยกว่าเมตร มีร่างประหลาดยี่สิบกว่าร่าง
พวกมันมีตัวเป็นคนหัวเป็นวัว บนหัวมีเขาแหลมสองเขา
พวกมิโนทอร์แต่ละตัวล้วนสูงใหญ่ สูงเกือบสองเมตร ในมือถือดาบใหญ่ทองสัมฤทธิ์
"เผ่าต่างดาวมิโนทอร์สินะ?!"
ดวงตาฟางอวี่วาบขึ้น ร่างเหล่านี้เหมือนกับเผ่าต่างดาวมิโนทอร์ในคัมภีร์เผ่าต่างดาวไม่มีผิด
แม้จะรู้ถึงการมีอยู่ของเผ่าต่างดาวมาก่อน แต่พอได้เห็นกับตา ฟางอวี่ก็ยังรู้สึกประหลาดใจ
เพราะการเห็นในหนังสือย่อมไม่น่าตื่นตาตื่นใจเท่าการเห็นด้วยตาตนเอง
เตียนอุยข้างกายฟางอวี่เห็นมิโนทอร์ยี่สิบกว่าตัว ดวงตาร้อนแรงยิ่งนัก ราวกับกำลังมองอาหารรสเลิศ
"นายท่านรู้จักพวกสัตว์ประหลาดนี่หรือ?"
เตียนอุยได้ยินคำพูดฟางอวี่ ละสายตาจากมิโนทอร์อย่างไม่เต็มใจ ถามอย่างนอบน้อม
"อืม! เดี๋ยวจะบอกเจ้า พวกเราจัดการพวกมันก่อน"
ฟางอวี่พยักหน้าเบาๆ เพราะตอนนี้มิโนทอร์ทั้งยี่สิบตัวเห็นพวกเขาแล้ว ถือดาบพุ่งเข้ามา
ฟางอวี่หยิบดาบเหล็กวิเศษจากช่องเก็บของ ร่างพลันพุ่งเข้าหาเผ่าต่างดาวมิโนทอร์
ก้าวเดียวหลายจั้ง วรยุทธ์สง่างาม เร็วดั่งผี
เพียงไม่กี่ลมหายใจ
ฟางอวี่ก็มาอยู่ตรงหน้ามิโนทอร์ห้าตัวแรก มือขวาที่จับด้ามดาบสั่นเบาๆ
เสียง "ฉึง" ดังกังวาน ตามด้วยแสงดาบสีเงินวาบผ่านเร็วดั่งสายฟ้า
ในชั่วขณะถัดมา ศีรษะของมิโนทอร์ทั้งห้าตัวก็ลอยขึ้นฟ้า เลือดพุ่งจากลำคอที่ไร้ศีรษะราวกับน้ำพุพุ่งสู่ท้องฟ้า
ฟางอวี่ใช้ปลายเท้าแตะพื้น พุ่งผ่านช่องว่างระหว่างร่างไร้ศีรษะของมิโนทอร์สองตัวที่ยังไม่ล้มลง ถือดาบบุกเข้าหามิโนทอร์ที่เหลือ ราวกับเสือเข้าฝูงแกะ
สิบกว่าลมหายใจผ่านไป มิโนทอร์ทั้งหมดถูกฟางอวี่สังหารราวกับหั่นผักสับหมูจนหมดสิ้น
มิโนทอร์ยี่สิบห้าตัวนอนในลำธาร เลือดย้อมน้ำเป็นสีแดงในพริบตา
"แปลกจัง ฆ่า 'คน' ครั้งแรก แต่ข้ากลับไม่รู้สึกอึดอัดเลย!"
มองดูมิโนทอร์ยี่สิบห้าตัวที่นอนจมกองเลือด ฟางอวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อครู่เขาตัดศีรษะมิโนทอร์ทั้งยี่สิบห้าตัว แม้จะฆ่า 'คน' เป็นครั้งแรก แต่เขากลับไม่รู้สึกอึดอัดเลย
เขาไม่คิดมาก คิดเพียงว่าตนมีจิตใจที่เข้มแข็ง
"นี่คือพลังของนายท่านหรือ ช่าง... น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!"
เตียนอุยที่เพิ่งวิ่งมาถึงข้างกายฟางอวี่ ม่านตาหดเล็กลงทันที มองฟางอวี่ด้วยสายตาเต็มไปด้วยความเคารพยำเกรงและความร้อนแรง
(จบบทที่ 13)