ตอนที่ 46 : เธอคืออุดมคติของโลกใบนี้
ในท้ายที่สุด สี่สาวงามแห่งคณะนิติศาสตร์ก็จากไปอย่างเงียบๆ
ก่อนจากไป พวกเธอไม่มีใครพูดอะไรสักคำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการทะเลาะเบาะแว้ง พวกเธอเพียงแค่มองเจียงฉินด้วยสีหน้าค่อนข้างซับซ้อน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งซือฮุ่ยอิ่ง เธออ้ำอึ้งอยู่หลายครั้งเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงมองดูด้วยสายตาลึกล้ำและเศร้าหมอง
เธอมาที่นี่เพื่อกล่าวโทษเจียงฉิน คิดว่าเจียงฉินคงจะละอายกับพฤติกรรมเหยียบเรือสองแคมของตัวเอง หรือไม่ก็พยายามหาข้อแก้ตัวอะไรบางอย่างที่จะเผยให้เห็นถึงธาตุแท้อันน่ารังเกียจของเขา
แต่เธอไม่คิดว่าเจียงฉินจะสงบเยือกเย็นขนาดนี้
นี่ไม่ใช่เรื่องราวของคนหน้าหม้อที่ทำร้ายพี่น้องสองคนในหอพักเดียวกันหรอกเหรอ?
แล้วทำไมเขาถึงเอาแต่พูดว่าเรื่องอย่างความรักแม้แต่สุนัขก็ยังไม่สนใจล่ะ?
“ฮุ่ยอิ่ง จริงๆ แล้ว…เจียงฉินไม่ใช่แฟนของซือฉี”
“ห๊ะ?”
“เขาชอบซือฉีมาสามปี จนถึงช่วงสอบเข้ามหาวิทยาลัยถึงได้รวบรวมความกล้าเพื่อสารภาพรัก แต่สุดท้ายเขาก็ถูกซือฉีปฏิเสธ เพราะงั้นพวกเขาจึงไม่มีความสัมพันธ์อะไรกันเลย”
เมื่อฟังคำพูดของหวังฮุ่ยหรู ซือฮุ่ยอิ่งก็ถึงกับชะงักไปชั่วขณะ ดวงตาเผยให้เห็นแววตกตะลึง รู้สึกสับสนอยู่ลึกๆ ภายในใจ: “แต่ซือฉีไม่ได้บอกฉันแบบนั้น”
หวังฮุ่ยหรูอึ้งไปเล็กน้อย: “เธอบอกว่ายังไง?”
“เธอบอกว่าเจียงฉินชอบเธอตั้งแต่มัธยมปลายปีหนึ่ง และเธอเองก็มีใจให้เขาเหมือนกัน บางทีคงเป็นเรื่องของเวลาที่ทุกอย่างจะเดินไปตามเส้นทางของมันเอง ตอนนี้เธอก็แค่อยากทดสอบเขาดูเท่านั้น แต่หงหยานกลับเข้ามาแย่งและปั่นป่วนความสัมพันธ์ของพวกเขา เจียงฉินก็เลยไม่ชอบเธออีกต่อไป”
“บางทีอาจเป็นเพราะมุมมองที่แตกต่างกัน ซือฉีเป็นคนที่คิดถึงแต่ตัวเองอยู่แล้ว แต่ฉันคิดว่าในโลกนี้ไม่มีใครมีสิทธิ์จะกล่าวหาว่าเจียงฉินผิด” หวังฮุ่ยหรูกล่าวเบาๆ
ซือฮุ่ยอิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง: “งั้นเมื่อกี้ฉันก็ต่อว่าผิดคนน่ะสิ? ควรกลับไปขอโทษดีไหม?”
หวังฮุ่ยหรูก็ไม่รู้จะตอบยังไง: “ฉันว่าเจียงฉินคงไม่ใส่ใจหรอก เธอไม่เห็นเหรอ เขายังขี้เกียจอธิบายให้เธอฟังด้วยซ้ำ”
“...”
ซือฮุ่ยอิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง: “งั้นต่อไปจะไม่อึดอัดแย่เลยเหรอ ถ้าเจียงฉินกับหงหยานคบกัน แล้วพวกเราจะมองหน้ากันติดไหมเนี่ย?”
หวังฮุ่ยหรูอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ: “เขากับหงหยานน่ะเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ เขาคือเทพธิดาที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโรงเรียนมัธยมเฉิงหนานของพวกเรา”
“ยังมีอีกคน? ไม่ใช่ว่าซือฉีคือคนที่สวยที่สุดในโรงเรียนมัธยมของพวกเธอแล้วเหรอ?”
“ไม่ใช่ คนๆ นั้นคืออุดมคติที่แท้จริงของโลกใบนี้”
ในเวลาเดียวกัน ที่หน้าซือเว่ยเทียน เจียงฉินดื่มเบียร์ที่เหลืออีกครึ่งขวดจนหมด จากนั้นจ่ายเงินและเดินออกจากร้านอาหารไป
บนถนนหนานเจียมีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย และตรงข้ามมีร้านชานมหลายร้านเปิดอยู่ ดังนั้นเมื่อถึงเวลาอาหารก็มักจะมีผู้คนส่งเสียงครึกครื้นกันเต็มไปหมด ถ้าถึงตอนที่เริ่มโปรโมตเว็บไซต์ก็น่าจะลองจัดให้คนมาแจกใบปลิวที่นี่ได้
เจียงฉินควักโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าแล้วโทรหาเฟิงหนานซู
สายโทรศัพท์ถูกเชื่อมต่ออย่างรวดเร็ว และนอกจากเสียง “ฮัลโหล” ที่แผ่วเบาจากปลายสายแล้วก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะของสาวๆ ดังมาจากอีกฝั่งด้วย
“เสี่ยวฟู่โผ ทำอะไรอยู่?”
เสียงของเฟิงหนานซูดังออกมาเบาๆ: “ฉันกำลังฟังเพื่อนร่วมห้องคุยกัน”
และในตอนนี้เอง ทันใดนั้นเสียงของหญิงสาวแปลกหน้าก็ดังขึ้นที่ปลายสาย: “คุณแฟน ไหนบอกจะเลี้ยงข้าวไง แล้วจะเลี้ยงเมื่อไหร่ล่ะ ไม่งั้นพวกเราจะรังแกเฟิงหนานซูแล้วนะ”
เจียงฉินยืนบิดขี้เกียจอยู่บนขอบฟุตบาท: “เราเลือกวันก็ไม่สู้วันเลือกเรา ถ้างั้นก็เย็นนี้เลยแล้วกัน แต่งตัวสวยๆ มากันด้วยนะ พี่ชายคนนี้ยังคงเป็นที่เคารพอย่างมากบนถนนสายนี้”
“ต้องแต่งยังไงถึงจะสวยล่ะ สวยแค่ไหนเราก็สู้เฟิงหนานซูของนายไม่ได้หรอก”
เมื่อได้ยินคำว่าเฟิงหนานซูของนาย ในใจเจียงฉินจู่ๆ ก็รู้สึกประหลาดขึ้นมา ถ้าเธอเป็นของฉันจริงๆ ฉันก็คงไม่ต้องเริ่มต้นธุรกิจอะไรหรอก แค่อยู่เฉยๆ ให้เธอหาข้าวหาน้ำให้กินก็พอ
“เจียงฉิน เย็นนี้กี่โมง?” เสียงของเฟิงหนานซูดังจากปลายสายอีกครั้ง
“ห้าโมงแล้วกัน เดี๋ยวฉันจะไปหาพวกเธอที่ชั้นล่าง ห้ามแต่งตัวสวยเกินไปนะ”
“?”
เมื่อถึงเวลาพลบค่ำท้องฟ้าก็ค่อยๆ มืดลง ดวงอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าจากทางทิศตะวันตก เหลือเพียงแสงระเรื่ออันงดงาม เวลานี้เมฆบนท้องฟ้าถูกย้อมให้เป็นสีทอง ส้ม และแดง สะท้อนแสงราวกับว่าถูกเพลิงเผาผลาญ
ระหว่างนี้เจียงฉินไม่ได้กลับหอพัก แต่ไปนั่งอยู่บนชั้นสามในโรงยิมตรงข้ามซูเปอร์มาร์เก็ตของมหาวิทยาลัย
นี่คือห้องซ้อมของคณะนาฏศิลป์ ประตูมักจะเปิดทิ้งไว้เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าออกของนักศึกษา เขานั่งอยู่ริมหน้าต่างห้องซ้อม แขนข้างหนึ่งวางอยู่บนเข่า ส่วนอีกข้างพาดไว้ที่ขอบหน้าต่าง มองดูท่าทางการแสดงอันยอดเยี่ยมต่างๆ อย่างตกตะลึง
ถึงแม้ว่าสุนัขจะไม่สนใจเรื่องความรัก แต่ผู้ชายปกติดูสาวสวยบ้างก็ไม่แปลกอะไร
เจียงฉินค่อยๆ ถอนสายตาออกมาและหันไปมองที่ด้านนอก เขาบังเอิญเห็นเฟิงหนานซูวิ่งลงมาจากอาคารหอพักหญิงฝั่งตรงข้ามพอดี
เธอสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว กับกระโปรงเดรสสายเดี่ยวสีดำคอต่ำ ผมยาวนุ่มสลวยพลิ้วไปตามก้าวย่างของเธอ ให้ความรู้สึกเหมือนสาวน้อยที่สดใสและร่าเริง
“ยังไม่ถึงเวลาเลยนี่?”
เจียงฉินหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดู พบว่ายังเหลือเวลาอีกยี่สิบนาทีก่อนจะถึงห้าโมงเย็น ทำไมเธอถึงลงมาเร็วขนาดนี้ล่ะ?
แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจกว่าก็คือเฟิงหนานซูไม่ได้หยุด ทว่าเดินไปที่ทางเข้าซูเปอร์มาร์เก็ตตรงข้ามอาคารหอพัก สายตาของเจียงฉินติดตามเธอเข้าไป ทันใดนั้นก็เห็นโปสเตอร์ที่ทางเข้าซูเปอร์มาร์เก็ต
[สายไหมหลากสี—สินค้าใหม่]
แน่นอนว่าในวินาทีถัดมาเฟิงหนานซูวิ่งออกมาพร้อมกับชูแขนขาวเนียนขึ้น ในมือถือขนมสายไหมสีชมพูไว้
เจียงฉินโน้มตัวไปข้างหน้า แขนวางบนขอบหน้าต่างพลางยกมือเท้าคาง มองดูเฟิงหนานซูเลียสายไหมจนหมดอย่างเงียบๆ
หลังจากกินเสร็จ เสี่ยวฟู่โผก็ยืนเงียบๆ อยู่ใต้ต้นจ้าวเจียเป็นเวลาห้าวินาที จากนั้นเธอก็พยักหน้าอย่างแข็งขันแล้วเดินกลับเข้าไปในซูเปอร์มาร์เก็ตของมหาวิทยาลัยอีกครั้ง
เจียงฉินคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ลุกขึ้นและลงไปที่ชั้นล่าง ทันเวลากับที่เห็นเฟิงหนานซูเดินออกจากซูเปอร์มาร์เก็ตโดยถือสายไหมสีฟ้าไว้พอดี
“แอบกินสายไหมก่อนที่ฉันจะมาถึงงั้นเหรอ เธอคำนวณเวลาไว้แล้วใช่ไหม?”
เฟิงหนานซูเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็แลบลิ้นสีชมพูออกมาเลียสายไหมอีกที: “ไหนๆ ก็ถูกนายจับได้แล้ว งั้นช่างแมร่งไปเลยแล้วกัน!”
เจียงฉินตกตะลึงหลังจากที่ได้ยิน สายตาของเขาเปลี่ยนเป็นเข้มงวดทันที: “เฟิงหนานซู ใครสอนให้เธอพูดคำหยาบแบบนี้ เป็นเพื่อนร่วมห้องของเธอใช่ไหม ใคร ฉันจะไปทุบตีเธอให้ตาย!”
“ฉัน ฉันเรียนมาจากนาย” เฟิงหนานซูพูดด้วยท่าทางน่าสงสาร
“ฉัน? แล้วทำไมไม่เรียนรู้จากคนดีๆ บ้าง?”
เจียงฉินแสร้งตีหน้าเข้มแล้วเดินเข้าไป: “ให้ฉันลองชิมหน่อย”
“โอ้”
เฟิงหนานซูยื่นให้เขาชิมแล้วเธอก็กินไปอีกคำ: “จริงๆ แล้วฉันไม่ค่อยชอบกินเท่าไหร่ กินไม่หมดหรอก นายเอาไปกินเถอะ คราวหลังฉันว่าจะไม่กินแล้ว”
“ไร้สาระ นี่มันอันที่สองแล้วชัดๆ!” เจียงฉินเปิดเผยเธออย่างโหดร้าย
ริมฝีปากสีชมพูของเฟิงหนานซูอ้าออกเล็กน้อย แววตาตากลายเป็นนิ่งงัน: “นาย นายรู้ได้ยังไง”
เจียงฉินเมินเฉยต่อคำถามของเธอ: “กินอันนี้ให้หมดแล้วห้ามกินอีก ไปเรียกเพื่อนร่วมห้องเธอลงมา เราจะไปกินข้าวกัน”
“โอเคๆ”
(จบตอน)