ตอนที่แล้วตอนที่ 10 ร้านน้ำชา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 12 บังคับให้ชำระหนี้

ตอนที่ 11 ป๋ายยวี่โหย่วเสีย(หยกขาวมีตำหนิ)


"ท่านปู่ ท่านว่าตงไห่อ๋องมีวิธีจริงหรือ"

หลังจากที่เหลิ่งเถี่ยออกจากร้านน้ำชาไปแล้ว

สองปู่หลานที่นั่งโต๊ะข้างๆ ก็กลับมากระซิบกระซาบกันอีกครั้ง

แต่ครั้งนี้เสียงของทั้งคู่เบากว่าเดิม แม้แต่หนิงอันก็ยังไม่ได้ยิน

"ฮึ่ม เขาจะมีวิธีอะไรได้ ในเมื่อมีความสามารถขนาดนี้ ทำไมถึงได้เสียตำแหน่งรัชทายาทไปเล่า ถ้ารู้ว่าเขานิสัยเสียแก้ไม่หายอย่างนี้ ตอนนั้นข้าไม่สนับสนุนเขาแน่" ชายชรากล่าวพร้อมกับส่ายหน้า

"เรื่องนั้นท่านปู่ตัดสินใจผิดที่สุดแล้วเจ้าค่ะ ไม่งั้นท่านปู่ก็คงไม่ต้องมาถูกใส่ร้ายจนโดนปลดออกจากตำแหน่ง เพียงเพราะไปขัดใจคนอื่น" หลานสาวกล่าว

นางเคยได้ยินท่านปู่เล่าให้ฟังว่า ตอนที่อ๋องตงไห่อายุได้ 5 ขวบ ราชสำนักเกิดการแย่งชิงบัลลังก์

ในตอนนั้น ฮุ่ยเต๋อไทเฮาซึ่งยังมีชีวิตอยู่ ไม่ชอบองค์รัชทายาทที่ถูกปลดเลย แต่กลับโปรดปรานองค์ชายใหญ่ที่พระนางทรงเลี้ยงดูมาด้วยพระองค์เอง

ดังนั้น เรื่องการจะตั้งองค์ชายองค์ใดเป็นรัชทายาท จึงกลายเป็นการต่อสู้กันระหว่างสองฝ่ายยาวนานหนึ่งปีเต็ม

ในที่สุด ฮุ่ยเต๋อไทเฮาก็ทรงประชวรและสิ้นพระชนม์ ฝ่ายสนับสนุนองค์รัชทายาทซึ่งมีฮ่องเต้หนิงชุนเป็นแกนนำจึงได้รับชัยชนะ

ส่วนท่านปู่ของนางก็ถูกฝ่ายสนับสนุนองค์ชายใหญ่ที่ไม่ยอมแพ้ โยนความผิดให้ว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ฮุ่ยเต๋อไทเฮาประชวรจนสิ้นพระชนม์ เพราะท่านปู่เคยทูลคัดค้านพระนางอย่างรุนแรงหลายครั้ง

ในตอนนั้น หนิงอันได้รับการแต่งตั้งเป็นรัชทายาทแล้ว

การต่อสู้แย่งชิงกันตลอดปีที่ผ่านมา ทำให้ราชสำนักวุ่นวาย เกิดผลกระทบต่อราชกิจมากมาย

เพื่อยุติการต่อสู้ครั้งนี้ ฮ่องเต้หนิงชุนจึงจำต้องปลดท่านปู่ของนางไปประจำอยู่ที่ซ่งโจว เพื่อให้ทุกอย่างสงบลง

ตลอดสิบปีที่ซ่งโจว ท่านปู่ของนางเศร้าโศกเสียใจมาก

แต่หลังจากที่ได้ยินเรื่องเลวร้ายต่างๆ ที่อดีตรัชทายาทก่อขึ้น ท่านปู่ก็เงียบไป

และรู้สึกเสียใจอย่างมากที่เคยสนับสนุนหนิงอัน

ครึ่งเดือนก่อน ท่านปู่ของนางได้รับราชโองการให้รีบเดินทางเข้าเมืองหลวง

พวกเขาจึงเดินทางโดยเรือขึ้นเหนือมาตลอดทาง จนมาถึงเมืองฉางอัน หลังจากขึ้นฝั่งก็มาพักดื่มชาคลายร้อนที่ร้านน้ำชานี้

ไม่นึกเลยว่าจะได้พบกับอดีตรัชทายาทที่ตอนนี้ไม่ได้เป็นรัชทายาทแล้ว

ท่านปู่ของนางยังโกรธเคืองอยู่ เมื่อได้ยินคนอื่นเรียกชายผู้นั้นว่าอ๋องตงไห่ ท่านปู่ก็ไม่ได้ลุกไปไหน ไม่แม้แต่จะชายตามอง

ส่วนตงไห่อ๋อง ตอนนั้นยังเด็ก คงจำไม่ได้แล้วว่าท่านปู่ของนางเป็นใคร

ระหว่างที่ทั้งสองกำลังคุยกัน เหลิ่งเถี่ยก็มาถึงโรงทานข้าวต้มแล้ว

นายทหารที่รับผิดชอบแจกข้าวต้มจำเหลิ่งเถี่ยได้ จึงยิ้มทักว่า "องครักษ์เหลิ่ง ลมอะไรหัดพัดท่านมาที่นี่ได้เล่า"

ในอดีต จิ้งอ๋องมีชื่อเสียงโด่งดังมาก เหลิ่งเถี่ยในฐานะองครักษ์ข้างกายจิ้งอ๋อง ย่อมเป็นที่รู้จักของคนเป็นจำนวนมาก

ต่อมาจิ้งอ๋องให้เขาไปคุ้มครองอดีตรัชทายาท ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกเสียดาย

"ตงไห่อ๋องให้ข้ามาทำธุระนิดหน่อย" เหลิ่งเถี่ยมองซ้ายมองขวาด้วยสีหน้าลำบากใจ

เดิมทีเขาเป็นแค่องครักษ์ คอยคุ้มครองอ๋องตงไห่ ไม่เคยต้องมาทำเรื่องแบบนี้

ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้จะช่วยชีวิตประชาชนที่กำลังอดอยาก เขาคงไม่มาแน่

แต่เขาก็กลัวกังวลว่าคนอื่นจะเข้าใจผิด คิดว่าเขากลายเป็นเบี้ยล่างของอ๋องตงไห่เสียแล้ว จึงรู้สึกไม่สะบายไปทั้งตัว

"เรื่องเล็กน้อย" นายทหารโล่งใจ

แต่เขาก็อดคิดไม่ได้ว่า อ๋องตงไห่สมคำร่ำลือจริงๆ เลวได้ถึงขนาดนี้ แม้แต่ประชาชนที่กำลังจะอดตายอยู่แล้วก็ยังไม่เว้นจะแกล้ง

ว่าแล้วเขาก็หันไปสั่งทหารคนสนิท

ทหารผู้นั้นจากไปไม่นานก็กลับมา พร้อมกับโปรยทรายลงไปในหม้อข้าวต้ม แล้วคนให้เข้ากัน

"เฮ้ย! พวกเจ้าทำอะไร โปรยทรายลงไปในข้าวต้มทำไม" ทันใดนั้นก็มีเสียงประชาชนคนหนึ่งร้องขึ้น

"พวกเรากำลังจะอดตายอยู่แล้ว พวกเจ้ายังมาทำกับพวกเราแบบนี้อีก นี่มันไม่ต่างอะไรกับฆ่าพวกเราให้ตายทั้งเป็น"

"..."

ประชาชนต่างโกรธแค้น ต่างคนต่างก็ต่อว่าต่อขานกันเสียงเซ็งเซ็ง

คนที่อยู่ด้านหลังเริ่มเบียดเสียดกันจนวุ่นวายไปหมด

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่โรงทาน ดึงดูดความสนใจของผู้คนในร้านน้ำชาได้อย่างรวดเร็ว

หนิงอันยังคงนั่งจิบชาอย่างใจเย็น

ส่วนชายชราผายมือให้หลานสาวไปสืบดูว่าเกิดอะไรขึ้น

ไม่นานหลานสาวก็กลับมาพร้อมกับใบหน้าโกรธจัด

"ท่านปู่ ตงไห่อ๋องนี่มันน่ารังเกียจจริงๆ เขาให้คนโปรยทรายลงไปในหม้อข้าวต้ม ประชาชนกำลังโวยวายกันใหญ่เลย" หลานสาวยังไม่วายปรายตามองหนิงอันที่นั่งหันหลังให้ด้วยความไม่พอใจ

เมื่อชายชราได้ยินดังนั้น ก็ขมวดคิ้วก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงครุ่นคิดอย่างหนัก

แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจ จึงพูดกับหลานสาวว่า "คอยดูต่อไปก่อน"

ประชาชนโวยวายอยู่พักหนึ่งก็สงบลง

พวกเขาเพิ่งสังเกตเห็นว่า แถวคนที่รอรับข้าวต้มสั้นลงไปมาก

ประชาชนต่างก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น จึงพากันต่อว่าต่อขานคนที่แอบหนีไป

แน่นอนว่าคนที่หนีไปก็คือพวกที่แอบอ้างมาเอาข้าวต้มไปฟรีๆ นั่นเอง

เมื่อเห็นว่ามีทรายปนอยู่ในข้าวต้ม พวกเขาก็รังเกียจ บอกว่าข้าวต้มสกปรก ไม่ยอมกิน

ส่วนประชาชนที่หิวจนตาลาย แม้จะโกรธแค้น แต่สุดท้ายก็ยังต้องทนกินข้าวต้มต่อไป

บางคนถึงกับดีใจด้วยซ้ำ

ทุกวันนี้ทางการแจกข้าวต้มในปริมาณที่จำกัดอยู่แล้ว ทุกครั้งจะมีประชาชนที่ไม่ได้รับข้าวต้ม

แต่ตอนนี้ ในที่สุดพวกเขาก็ได้กินจนอิ่มแล้ว

นายทหารที่ดูแลโรงทานข้าวต้ม ตอนแรกที่เห็นประชาชนโกรธแค้นก็รู้สึกหวั่นใจอยู่บ้าง

แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่าสุดท้ายแล้วเรื่องราวจะกลับตาลปัตรได้ถึงขนาดนี้

การกระทำที่ดูเหมือนจะสร้างความวุ่นวายของตงไห่อ๋อง กลับกลายเป็นการแก้ปัญหาการแอบอ้างมาเอาข้าวต้มไปได้ แถมยังทำให้ประชาชนได้รับข้าวต้มมากขึ้นอีกด้วย

บนใบหน้าที่เย็นชาของเหลิ่งเถี่ยเผยรอยยิ้มออกมาอย่างยากเย็น ก่อนจะรีบเก็บอาการ

เช่นเดียวกับนายทหาร เขารู้สึกโล่งใจ

เหลิ่งเถี่ยหันหลังกลับไปที่ร้านน้ำชา มองหนิงอันด้วยแววตาที่อ่อนโยนลงเล็กน้อย

"ฝ่าบาททำไมแถวรับข้าวต้มถึงสั้นลงไปครึ่งหนึ่ง เกิดอะไรขึ้นหรือเพคะ" เมื่อคนที่แอบอ้างหนีไปจนหมด เหลือแต่ประชาชนจริงๆ ที่ยังรอรับข้าวต้ม ชิวอวิ๋นก็ปรบมือด้วยความดีใจ

ส่วนซู่สุ่ยก็ยิ้มน้อยๆ ด้วยความสงสัย "ฝ่าบาท ท่านเหลิ่งไปทำอะไรมาหรือเพคะ"

เมื่อเห็นทั้งซู่สุ่ยและชิวอวิ๋นสงสัย หนิงอันก็ไม่ปิดบัง "เปิ่นหวางให้เหลิ่งเถี่ยไปโปรยทรายลงไป สำหรับประชาชนที่กำลังจะอดตาย พวกเขาทำได้ทุกอย่างเพื่อประทังชีวิต แม้แต่เปลือกไม้ รากหญ้าก็กินได้ แล้วข้าวต้มที่แค่มีทรายปน พวกเขาจะไม่กินเชียวหรือ วิธีนี้สามารถแยกแยะคนดีออกจากคนชั่วได้"

วิธีนี้เขาได้มาจากเรื่องเล่าเกี่ยวกับเหอเซิน

เหอเซินเป็นขุนนางที่โลภมาก แต่ก็เป็นคนที่ทำงานเก่ง ไม่อย่างนั้นฮ่องเต้เฉียนหลงคงไม่โปรดปรานเขา

จากเรื่องการโปรยทรายนี้ ทำให้เห็นว่าเขาเป็นคนที่ไม่สนใจชื่อเสียง ขอแค่ให้บรรลุเป้าหมายก็พอ

แต่ก็ต้องยอมรับว่า วิธีนี้ได้ผลดีมากในการช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน

แม้ว่าจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของราชสำนักอยู่บ้าง แต่ก็ช่วยชีวิตผู้คนได้มากมาย

"ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ฝ่าบาทช่างเฉลียวฉลาดยิ่งนัก" ชิวอวิ๋นเอ่ยชม

ส่วนซู่สุ่ยไม่ได้พูดอะไร แต่แววตาที่มองหนิงอันนั้นอ่อนโยนขึ้น

หนิงอันพูดต่อ "ถ้าจะตั้งชื่อเพราะๆ ให้กับวิธีนี้ ขอเรียกว่า ป๋ายยวี่โหย่วเสีย (หยกขาวมีตำหนิ) หยกขาวไร้ตำหนิ ใครๆ ต่างก็อยากได้ แต่ถ้ามีตำหนิ ก็ย่อมมีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ต้องการ"

เขาเว้นวรรคครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ "ยิ่งไปกว่านั้น วิธีนี้ไม่ได้ใช้ได้แค่กับการแจกข้าวต้มเท่านั้น นโยบายใดๆของอาณาจักรที่มุ่งช่วยเหลือประชาชน ล้วนใช้วิธีนี้ได้ทั้งสิ้น เพื่อไม่ให้ขุนนางผู้มีอำนาจมาแย่งชิงผลประโยชน์กับประชาชน"

หนิงอันพูดไปเรื่อย โดยไม่ทันสังเกตเห็นว่าชายชราที่นั่งโต๊ะข้างๆ นั้นตัวแข็งทื่อไปแล้ว

เขาเพียงแค่รอให้คนรับใช้ขนใบชาทั้งหมดขึ้นรถม้าเสร็จ จากนั้นก็เดินออกจากร้านน้ำชาไปยังวังหลวง ภายใต้การคุ้มกันของเหลิ่งเถี่ย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด