ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 2 ยกระดับ

ตอนที่ 1 เมืองมรณะ


ตอนที่ 1 เมืองมรณะ

สวี่จื้อควบคุมรถเข็นให้มันเคลื่อนตัวไปที่หน้าต่าง มองท้องฟ้าที่มืดมนด้านนอกอย่างเงียบๆ ด้านนอกนั้นมีสายหมอกสีดำล่องลอยอยู่ราวกับคลื่น ราวกับท้องฟ้าทั้งผืนเป็นทะเลอันกว้างใหญ่

นี่เป็นวันที่เจ็ดนับตั้งแต่เธอถูกทิ้งไว้ที่นี่ ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง และเป็นวันที่เจ็ดนับตั้งแต่เมืองนี้ถูกปิดกั้นทางออกทุกทางเอาไว้

ยกเว้นผู้ที่เดินไม่ได้ ผู้ที่สามารถเดินได้ล้วนอพยพออกไปทีละคน จนถึงวันนี้ ทั้งเมืองถูกปิดตาย และไม่มีใครสามารถเข้าหรือออกจากเมืองได้อีกต่อไป

เจ็ดวันก่อน เกิดภัยพิบัติขึ้นในเมืองนี้อย่างกะทันหัน พ่อแม่ของเธอได้พาน้องชายอพยพออกไป แต่พวกเขากลับทิ้งเธอเอาไว้ที่นี่ เมื่อเป็นแบบนี้ เธอจะรักษาสติได้อย่างไรเมื่อถูกครอบครัวถูกทอดทิ้ง ถูกทิ้งให้ตายใน ‘เมืองมรณะ’ แห่งนี้?

สวี่จื้อมีร่างกายที่อ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าตอนแรก พ่อแม่ของเธอจะให้ความรัก และความเอาใจใส่ แต่เมื่อนานๆ ไป ความอดทนของพวกเขาก็หมดลง และความเบื่อหน่ายก็เข้ามาแทนที่

จากนั้น พวกเขาก็ไม่เคยคิดจะหาทางรักษาอาการป่วยของเธออีก และเอาเงินที่รัฐมอบให้เป็นค่ารักษาไปใช้จ่ายส่วนตัว

หากไม่ใช่เพราะข้อจำกัดทางกฎหมาย พวกเขาคงทิ้งเธอไปนานแล้ว ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาก็ได้ลูกคนใหม่ที่แข็งแกร่ง และสมบูรณ์ แม้ว่ากฎหมายจะกำหนดให้พวกเขาต้องเลี้ยงดูเธอ แต่ก็มีคนมาตรวจสอบในช่วงแรกๆ เท่านั้น และเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติ ก็ไม่มีใครมาตรวจสอบอีก

ขณะนี้โลกได้เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นี่เป็นโอกาสอันดี ดังนั้น เธอจึงถูกทิ้งไว้ข้างหลังโดยไม่ลังเลใจ

นี่มันน่าเศร้าใจจริงๆ

แต่ต่อให้ไม่มีภัยพิบัติใดๆ เกิดขึ้นก็ตาม สวี่จื้อก็คิดว่าตัวเองจะต้องตายในอีกไม่นาน เธอรู้สึกได้ว่าร่างกายของตนเริ่มอ่อนแอลงเรื่อยๆ เมื่อไม่มีเงินสำหรับการผ่าตัด เธอก็อาจอยู่ได้อีกไม่นาน

ดังนั้นจึงเป็นความรู้สึกว่า ‘ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง’ มันเป็นความโศกเศร้า แต่ที่มากกว่านั้นก็คือความเกลียดชังต่อที่มีต่อโชคชะตาของตัวเอง

อาหารที่เหลือในบ้านเพียงพอให้เธอกินอยู่ได้ประมาณครึ่งเดือนเท่านั้น เมื่ออาหารหมด เธอคงจะอดตายอย่างแน่นอน

ท้ายที่สุด วันนี้ต่างไปจากเมื่อก่อน เมืองแห่งนี้ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป และสำหรับคนอ่อนแออย่างเธอที่ป่วยเป็นโรคหัวใจ มันอันตรายยิ่งกว่าคนอื่นๆ หลายเท่าตัว เมื่อออกไปข้างนอก โอกาสรอดของเธอคงจะแทบเป็นศูนย์

ทุกอย่าง เริ่มต้นเมื่อหนึ่งปีก่อนที่ จู่ๆ ผู้ปลุกพลังปรากฏตัวขึ้นในโลกนี้ และผู้คนต่างก็ดื่มด่ำไปกับความสุขที่ได้รับพลังวิเศษ พวกเขาไม่รู้เลยว่านี่เป็นเพียงคำเตือนก่อนจะเกิดภัยพิบัติ

หนึ่งเดือนต่อมา ดวงอาทิตย์ถูกบดบัง และหมอกสีดำก็ปกคลุมทั่วทั้งโลก สัตว์ประหลาดต่างถือกำเนิดขึ้นจากหมอก เข่นฆ่าทำลายล้างไปทั่ว แม้แต่เหล่าผู้ปลุกพลังก็ไม่อาจต่อกรกับพวกมันได้

เมื่อเห็นว่าทุกคนในโลกใกล้ถึงขอบเหวแห่งความตาย หมอกก็เริ่มรวมตัวกันมุ่งหน้าไปในทิศทางหนึ่งกระแสน้ำหลาก

นั่นคือเมืองหยุน ที่ๆ ซึ่งสวี่จื้ออาศัยตั้งอยู่

แม้จะไม่ทราบสาเหตุ แต่หมอกส่วนใหญ่ก็หลั่งไหลเข้าสู่เมืองหยุนมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยหมอกที่มีความเข้มข้นสูง ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ แม้ว่าจะไม่มีสัตว์ประหลาดเพ่นพ่านไปทั่ว แต่ก็ไม่เหมาะกับการอยู่อาศัย

ยิ่งไปกว่านั้น สัตว์ประหลาดเกิด และจะเติบโตในสายหมอก หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เป็นไปได้มากกว่าเมืองหยุนจะกลายเป็นรังของสัตว์ประหลาด!

ดังนั้นรัฐบาลกลางจึงออกประกาศอพยพฉุกเฉิน ภายใน 15 ชั่วโมง ทุกคนจะต้องอพยพออกจากเมืองโดยเร็วที่สุด จากนั้นพวกเขาจะปิดเมือง ทำให้ที่แห่งนี้เป็นเขตต้องห้าม

ด้วยเวลาเพียง 15 ชั่วโมง จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะอพยพทุกคนในเมือง คาดว่า ‘ภาระ’ มากมายที่เหมือนกับเธอจะถูกทิ้งเอาไว้

แต่สวี่จื้อไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ เธอไม่เต็มใจที่จะตายไปทั้งๆ แบบนี้

พวกเขาเป็นคนคลอดเธอออกมา เมื่อเธอสุขภาพไม่ดี จะโทษว่าเป็นความผิดของเธอได้ยังไง พวกเขาไม่พยายามรักษา เมื่อได้โอกาส ก็ปล่อยให้ตายโดยไม่ลังเล

สวี่จื้อไม่เต็มใจที่จะตายอยู่ที่นี่ แต่ตัวเธอในตอนนี้อ่อนแอ และเปลี่ยนแปลงสิ่งใดไม่ได้

ดวงตาที่งดงามแต่อ่อนแอของเธอจ้องมองตรงไปยังหมอกสีดำที่อยู่นอกหน้าต่าง มีความหวาดระแวง และความเศร้าหมองในดวงตาของเธอที่ไม่เหมาะกับวัย มือของเธอบนรถเข็นดูขาวซีดเนื่องจากภาวะทุพโภชนาการ และขาดเลือด สามารถเห็นหลอดเลือดที่อยู่ใต้ผิวหนังได้อย่างชัดเจน

เธอเป็นเด็กที่ดูไม่แข็งแรงอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อความไม่เต็มใจของสวี่จื้อมากถึงระดับหนึ่ง หมอกสีดำด้านนอกก็กระเพื่อมไปชั่วครู่ และจากนั้นก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้นในห้องนั่งเล่นที่ว่างเปล่า เหมือนกับเสียงของๆ บางอย่างตกสู่พื้น

เด็กสาวที่จมอยู่ในห้วงความคิดสะดุ้งกับเสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน รูม่านตาของเธอหดตัวลงเล็กน้อย จากนั้นเธอก็ตระหนักว่าอาจมีบางอย่าง เธอคลายมือที่กำแน่น ควบคุมรถเข็นด้วยรีโมท มุ่งหน้าไปทางต้นเสียง

เมื่อเธอก้มหัวลง และเห็นสิ่งที่อยู่บนพื้น ใบหน้าที่เย็นชาของเด็กสาวก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ

มันเป็นเครื่องเกมพกพาสีขาวดำ

“มีของแบบนี้อยู่ในบ้านด้วยเหรอ”

ไม่ ไม่มีเครื่องเกมพกพาอยู่ในบ้าน สวี่จื้อมั่นใจในเรื่องนี้

เธออยู่บ้านคนเดียวมาเกือบสัปดาห์แล้ว ในช่วงเวลานี้ เธอใช้เวลาส่วนใหญ่ในห้องนั่งเล่นโดยไม่ได้ทำอะไรเลย และไม่เคยเห็นของชิ้นนี้มาก่อน

เหมือนจู่ๆ มันก็ปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน

หลังจากรับรู้เรื่องนี้แล้ว เด็กสาวเม้มริมฝีปาก รู้สึกสับสน และหวาดกลัวเล็กน้อย แต่ยังผสมกับความอยากรู้อยากเห็น และความกระตือรือร้นที่จะลอง

เธอรู้ดีว่าเมืองนี้เต็มไปด้วยอันตราย และบางทีเครื่องเกมที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นก็เป็นหนึ่งในอันตรายแบบหนึ่ง แต่…

อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เธอก็ไม่มีทางรอดผ่านพ้นเดือนนี้ไปได้อยู่ดี ต่อให้ระวังแค่ไหน ก็ตายกันแค่ตายช้าหรือเร็วเท่านั้น

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ สีหน้าของสวี่จื้อก็สงบลง เธอควบคุมรถเข็นไปใกล้เครื่องเกม จากนั้นก้มลงหยิบมันขึ้นมา

หลังจากได้รับมัน สวี่จื้อก็สับสนเล็กน้อย จะใช้สิ่งนี้ได้อย่างไร?

เธอไม่เคยเล่นเกมใดๆ เลย หลังอาการป่วยกำเริบ งานอดิเรกเดียวของเธอคือ ดูทีวีที่บ้าน เธอไม่สามารถไปโรงเรียนเหมือนคนปกติได้ จึงต้องอยู่แต่ในบ้านเท่านั้น เมื่อว่าง เธอก็อ่านหนังสือเพื่อเรียนรู้ด้วยตัวเอง พ่อแม่ของเธอไม่เคยสอน หรือจ้างครูสอนพิเศษมาให้

แม้ว่าตอนแรก ที่โรคยังไม่กำเริบหนัก เธอจะได้ไปเรียน แต่ก็เป็นช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น โชคดีที่เธอยังอ่านออกเขียนได้

สำหรับน้องชายของเธอ เขาไม่ใช่คนนิสัยอะไร และบางครั้งก็มักจะช่วยสอนเธอ อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ของเธอไม่ชอบให้เขามาหาเธอ เพราะกลัวว่าจะนำมาซึ่งโชคร้าย ดังนั้นความสัมพันธ์ของเธอกับน้องชายจึงไม่ได้สนิทสนมอะไรมากนัก

ดังนั้นเธอจึงได้แต่เพิกเฉย และพยายามเรียนรู้ด้วยตัวเอง แต่ผลลัพธ์ก็ไม่ค่อยดีนัก หากข้อสอบมีคะแนนเต็มร้อย เธอมักจะได้ไม่ถึงครึ่ง

แต่ถึงอย่างนั้น สำหรับสวี่จื้อ การเรียนรู้ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก

เด็กสาวที่มีชีวิตย่ำแย่เช่นนี้มักไม่รู้วิธีใช้เครื่องเกมพกพา

โชคดีที่ก่อนที่เธอจะกดปุ่มใดๆ หน้าจอของเครื่องเกมก็สว่างขึ้นเอง

แถบความคืบหน้าปรากฏขึ้นตรงกลาง จากนั้น ห้าวินาที มันก็โหลดจนเสร็จ

หน้าจอเกมเป็นภาพพิกเซลที่แสดงท้องฟ้าที่มืดมน บนท้องฟ้า ดวงอาทิตย์สีดำกำลังหยดของเหลวสีดำเข้ามาในโลก ย้อมโลกทั้งใบให้เป็นสีดำมืด

[ ในตอนต้นของยุค ทุกสิ่งเกิดจากดวงอาทิตย์ และดับทำลายเมื่อความมืดคืบคลานมาถึง ]

[ ไม่มีสิ่งใดเป็นนิรันดร์ หมุนเวียน และแปรเปลี่ยน ระเบียบโลกเก่า และเทพโบราณต่างสูญเสียไปแล้ว บัดนี้ ระเบียบโลกใหม่จะได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว คุณปรารถนาที่จะกลายเป็นเทพเจ้าแห่งระเบียบโลกใหม่หรือไม่? ]

[ คุณกล้าที่จะเดิมพันชีวิตกับเส้นทางที่เต็มไปด้วยขวากหนาม และไม่มีวันหวนกลับนี้หรือไม่ หากคุณพร้อมแล้ว โปรดเลือกแฟมิเลียที่จะเดินไปพร้อมกับคุณ ]

โดยธรรมชาติแล้ว สวี่จื้อไม่รู้สึกกลัวต่อถ้อยคำสองสามบรรทัดนี้ และด้วยเหตุผลบางอย่างจากภาพที่เธอเห็น มันทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าเป็น ‘ความจริง’ เมื่อมองซ้อนทับกับภาพนอกหน้าต่าง

"นี่มันค่อนข้างน่าสนใจ"

สวี่จื้อพึมพำ จากนั้นคลิกตกลงอย่างไม่ลังเล และเข้าสู่หน้าเลือกแฟมิเลีย

[ เนื่องจากคุณยังไม่ได้ปลดล็อคแฟมิเลียตนใดๆ ตัวเลือกแรกของคุณจึงเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตระดับต่ำแบบสุ่มเท่านั้น ]

[ โปรดเลือกหนึ่งในตัวเลือกเหล่านี้ ]

[ 1. กบ ( เลเวล 0 ) ]

[ 2. งู ( เลเวล 1 ) ]

[ 3. นกกระจอก ( เลเวล 0 ) ]

สวี่จื้อเงียบไปครู่หนึ่ง เมื่อได้เห็น

อย่างไรก็ตาม เธอมองไปที่ข้อความก่อนหน้า และเดาว่าเมื่อเธอยกระดับขึ้น แฟมิเลียระดับที่สูงกว่าจะปรากฏออกมา?

ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะเลือกอะไรในตอนนี้ เพราะงูมีระดับสูงกว่าตัวเลือกอื่นๆ

หลังจากเลือกแล้ว งูพิกเซลสีดำจะขยายใหญ่ขึ้นเล็กน้อย และแถวของรายการแอตทริบิวต์ก็ปรากฏขึ้นที่กึ่งกลางของหน้าจอด้วย

[ งู ( เลเวล 1 ) ]

[ จิตวิญญาณ : 1 ]

[ ร่างกาย : 3 ]

[ พลัง : ไม่มี ]

[ สกิล : ไม่มี ]

"ดูเหมือนจะอ่อนแอนิดหน่อย"

หลังจากที่เด็กสาวพูดจบ หน้าจอก็หรี่ลง จากนั้นหน้าจอเกมก็ถูกโหลดอย่างเป็นทางการ

พอเปิดขึ้นมาอีกครั้งก็มีงูพิกเซลตัวเล็กๆ อยู่ตรงกลางหน้าจอ มุมมองโดยรอบดูแปลกตามาก น่าจะเป็นภาพจับความร้อน นี่น่าจะภาพที่งูตัวนี้มองเห็น ภาพต่ำติดพื้น และมีระยะสายตาที่ค่อนข้างสั้น ส่งผลให้สวี่จื้อไม่สามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมโดยรอบได้ชัดเจน

ที่มุมซ้ายล่างของหน้าจอจะมีข้อความแจ้งเตือนปรากฏอยู่

[ โปรดหลีกเลี่ยงอันตราย ค้นหาอาหาร และเอาตัวรอดในดินแดนแสนอันตรายแห่งนี้ ]

[ แต้มวิวัฒนาการ : 0 / 10 ]

จากนั้น ตัวเลือกสีดำแถวหนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่กึ่งกลางหน้าจอ

[ แฟมิเลียของคุณอยู่ในโซนสีเขียว ดูเหมือนว่าจะไม่มีอันตรายในบริเวณใกล้เคียง ]

[ โปรดเลือกทิศทาง : หน้า หลัง ซ้าย และขวา ]

เนื่องจากไม่มีอันตราย สวี่จื้อจึงเลือกที่จะตรงไปข้างหน้า

บนหน้าจอ งูสีดำตัวเล็กๆ ก็บิดตัว และเลื้อยไปข้างหน้า ไม่นานหลังจากนั้น สิ่งมีชีวิตตัวแรกก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอเกม

เนื่องจากมุมมองภาพความร้อน สวี่จื้อมองเห็นได้เพียงรูปร่างทั่วไปเท่านั้น แต่จากรูปร่างก็เดาได้ไม่ยากว่ามันเป็นกบ

[ คุณเจอกบแล้ว ต้องการล่าหรือไม่? ]

ไม่มีอะไรต้องลังเล สวี่จื้อตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าใช่

จากนั้น ในหน้าจอเกม งูสีดำตัวน้อยก็คลานไปข้างหน้าอย่างเงียบ ๆ จากนั้นก็โจมตีอย่างรวดเร็ว และกลืนกบตัวนั้นไปในคำเดียว

[ การล่าประสบความสำเร็จ ]

[ แต้มวิวัฒนาการ : 1 / 10 ]

งูตัวน้อยในภาพยังคงแลบลิ้นไปมา และดูไม่พอใจกับเหยื่อตัวเล็กๆ

[ โปรดเลือกทิศทาง : … ]

จากนั้น สวี่จื้อก็ควบคุมงูให้เลื้อยไปรอบๆ ในโซนสีเขียวที่ปลอดภัยนี้ชั่วขณะหนึ่ง แต่ก็พบเหยื่อเพียงห้าตัวเท่านั้น หลังจากได้รับแต้มวิวัฒนาการทั้งหมด 6 แต้ม ข้อความแจ้งเตือนก็ปรากฏขึ้นที่กึ่งกลางของหน้าจออีกครั้ง

[ พลังกายของแฟมิเลียหมดลงแล้ว และไม่สามารถออกล่าได้อีกต่อ โปรดพักผ่อนเป็นเวลาสองชั่วโมงก่อนเริ่มกิจกรรมอื่นๆ ]

สวี่จื้อขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นข้อความแจ้งเตือน เธอกำลังสนุกอยู่เลย เมื่อถูกขัด เธอก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย

“ช่างเถอะ แค่สองชั่วโมงเอง กว่าจะกินข้าวเสร็จก็น่าจะพอดี”

มันค่อนข้างลำบากสำหรับเธอที่จะทำอาหารกินเอง และจึงต้องใช้เวลานานมาก

หลังจากวางเครื่องเกมลง สวี่จื้อก็มองดูนาฬิกา จากนั้นก็มีสีหน้าสับสนปรากฏบนใบหน้าของเธอ เธอเล่นมาเกือบสองชั่วโมงโดยไม่รู้ตัวแล้ว ดูเหมือนเธอจะจดจ่ออยู่กับมันมากจริงๆ

แต่หากพูดตามหลักเหตุผลแล้ว ร่างกายของเธอไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนให้เธอเล่นเกมได้เป็นเวลานานขนาดนี้ เหมือนกับตอนที่เธออ่านหนังสือ หลังจากอ่านไปสักครึ่งชั่วโมง เธอก็ต้องพัก

“หรือฉันจะหมกมุ่นเกินไป?”

ยิ่งกว่านั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นเวลาอาหารเย็นแล้ว แต่เธอยังไม่รู้สึกหิว

เนื่องจากสุขภาพที่อ่อนแอ เมื่อเธอกินข้าวหรือทานยาไม่ตรงเวลา เธอจะรู้สึกอ่อนล้าไปทั้งตัว กระสับกระส่าย และไม่สามารถรวบรวมสมาธิได้

แต่จนถึงตอนนี้เธอยังไม่รู้สึกอึดอัดใดๆ เลย

นั่นทำให้สวี่จื้อตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด