บรรพบุรุษข้ามภพสยบหล้า ตอนที่ 495 อริยะมรรคผีร้าย

บรรพบุรุษข้ามภพสยบหล้า ตอนที่ 495 อริยะมรรคผีร้าย

“ซากบรรพกาล!”

หลายพันปีให้หลัง ณ ดินแดนพิเศษที่ลึกลับและอันตรายยิ่งนัก ห่างไกลจากโลกเซียนอย่างมาก หลี่ซูพึมพำเบา ๆ

ดินแดนพิเศษแห่งนี้ ค่อนข้างพิเศษ ที่นี่เคยให้กำเนิดยอดฝีมือมากมายนับไม่ถ้วน

นี่คือซากของยุคบรรพกาล

ยุคบรรพกาล หมายถึงยุคสมัยที่ยาวนานอย่างมาก ห่างไกลจากยุคสมัยปัจจุบัน อย่างน้อยก็ผ่านไปมากกว่าหนึ่งร้อยยุคสมัย จึงจะสามารถเรียกได้ว่าบรรพกาล!

หนึ่งร้อยยุคสมัย เวลาที่ผ่านไป ไม่รู้ว่านานขนาดไหนแล้ว

ยุคสมัยหนึ่ง เวลาที่ดำรงอยู่ มักจะคำนวณโดยใช้หนึ่งหมื่นล้านปีเป็นฐาน

เช่นโลกเซียนในปัจจุบัน ยังคงอยู่ในช่วงที่กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เวลาที่ดำรงอยู่ ก็ยังคงผ่านไปหลายร้อยล้านปีแล้ว

เวลานี้ ซากบรรพกาลแห่งนี้กลับถูกปิดผนึกเอาไว้ ยอดฝีมือทั่วไป ไม่มีทางเข้าไปได้

“ต้องคิดหาวิธีเข้าไป”

หลี่ซูเริ่มค้นหาวิธีเข้าไป

ซากบรรพกาลแห่งนี้ ถูกปิดผนึกโดยสมบูรณ์แล้ว อยากจะเข้าไป มิใช่เรื่องง่าย

ยิ่งกว่านั้น ที่นี่ยังเป็นการปิดผนึกสองชั้น

อริยะได้ปิดผนึกที่นี่ เพื่อป้องกันไม่ให้ “มหาความชั่วร้าย” หลบหนีออกมา

พวกเขาไม่เพียงแต่อยากจะได้สิ่งของที่อยู่ข้างใน ยังคงอยากจะจัดการ “มหาความชั่วร้าย”

“มหาความชั่วร้าย” ก็ได้ปิดผนึกที่นี่เช่นกัน เขาก็อยากจะสังหารอริยะเหล่านั้น

ทั้งสองฝ่าย ต่างก็อยากจะจัดการอีกฝ่าย

หากมิใช่เพราะการชี้แนะของอริยะ หลี่ซูก็ยากที่จะหาที่นี่เจอ

มือของหลี่ซูร่ายวิชาเปิดทางอย่างรวดเร็ว

ตามการกระทำของเขา เส้นทางหนึ่งก็ถูกหลี่ซูเปิดออก จากนั้นหลี่ซูจึงได้รวบรวมพลัง บุกเข้าไป

เพียงแต่ว่า

ตอนนี้ เขาเพียงแค่ผ่านการปิดผนึกของอริยะ

การปิดผนึกของ “มหาความชั่วร้าย” หลี่ซูยังคงยากที่จะบุกเข้าไป

หลี่ซูเริ่มศึกษาวิจัยอย่างเงียบ ๆ

การปิดผนึกของอีกฝ่าย วิธีการที่ใช้ ก็ยังคงเป็นอาคมเซียน เพียงแต่เป็นอาคมเซียนที่ไม่รู้จักที่เก่าแก่อย่างมาก

อยากจะเข้าไป การบุกเข้าไปโดยตรงมิใช่เรื่องที่ฉลาดนัก

นี่เป็นอาคมเซียนระดับจักรพรรดิเซียนแล้ว

เพียงแต่ว่า อาคมเซียนที่ยากลำบากเพียงใด ก็ยังคงยากที่จะหยุดหลี่ซูได้

สองพันปีให้หลัง บนใบหน้าของหลี่ซูก็เผยรอยยิ้มออกมา

จากนั้น ร่างของเขาก็หายวับไป ปรากฏตัวขึ้นข้างใน

ซากบรรพกาลแห่งนี้ ใหญ่อย่างน่าตกใจ

ขนาดพอ ๆ กับสามภพรวมกัน

หลี่ซูได้สัมผัสถึงความผันผวนของการต่อสู้แล้ว

เขาจึงได้แอบเข้าไปอย่างเงียบ ๆ

เห็นเพียงเบื้องบนที่สูงใหญ่ที่ปกคลุมด้วยหมอกหนา อริยะแต่ละคนราวกับยักษ์ที่สูงใหญ่เทียมฟ้า กำลังต่อสู้กับเงาสีดำที่น่ากลัวบางอย่าง

เงาสีดำที่อยู่ข้างหน้าสุด ร่างกายทั้งหมดปกคลุมไปด้วยหมอกสีดำที่ดูชั่วร้ายและเน่าเปื่อย น่ากลัวยิ่งนัก

“มรรคผีร้าย!”

เพิ่งจะเห็นเงาสีดำนี้ หลี่ซูก็รู้แล้วว่าเงาสีดำนี้จัดการได้ยากเพียงใด

เงาสีดำผู้นี้ ก็คือผู้ที่ทำให้อริยะหลายคนต้องร่วมมือกัน จึงจะสามารถต่อกรได้ เคยเป็นถึงผู้ยิ่งใหญ่ระดับจักรพรรดิเซียน

แต่สิ่งที่ทำให้เขาจัดการได้ยาก มิได้อยู่ที่การที่เขาเคยเป็นจักรพรรดิเซียน

แต่อยู่ที่ การที่เขาเดินบนเส้นทางมรรคผีร้าย ได้ไปถึงระดับที่สูงส่งอย่างมากแล้ว

พูดให้เข้าใจง่าย ๆ

เงาสีดำผู้นี้ แม้จะไม่ใช้พลังทำลายข้อห้าม การบรรลุในมรรคผีร้าย… ก็ยังคงพอ ๆ กับอริยะ!

กล่าวคือ เขาได้พิสูจน์มรรคเป็นอริยะแล้ว

เพียงแต่ว่า มรรคที่เขาพิสูจน์… คือกมรรคผีร้าย!

มรรคผีร้าย ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสามพันวิถีมหามรรค แน่นอนว่าสามารถพิสูจน์มรรคได้

ในความเข้าใจของจักรพรรดิโบราณ มรรคผีร้ายเดิมทีมิได้ชั่วร้ายเช่นนี้

แต่มรรคผีร้ายได้เปลี่ยนแปลงไป

มรรคผีร้ายหลังจากเปลี่ยนแปลงไป กลายเป็นต้นกำเนิดของ “มหาความชั่วร้าย”

“มหาความชั่วร้าย” อาศัยมรรคผีร้าย สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

เพียงแต่ว่า ต้องแลกมาด้วยการหลับใหลเป็นเวลานาน ต้องดูดซับพลังชีวิตและต้นกำเนิดของโลกอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาพลังและอายุขัยของตนเอง

นี่ก็คือสาเหตุที่ “มหาความชั่วร้าย” น่ากลัวยิ่งกว่าเซียนมาร

มารถึงแม้จะเป็นมาร แต่มารก็จะไม่ทำลายล้างโลกเหมือนคนเหล่านี้ ดูดซับโลกทั้งใบเพื่อรักษาการดำรงอยู่ของตนเอง

แม้แต่ อริยะมารของโลกเซียนมาร ก็ยังคงต้องรักษาความแข็งแกร่งของโลกเซียนมาร เพื่อให้พลังของตนเองแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

หลังจากพิสูจน์มรรคเป็นอริยะแล้ว ควบคุมมรรคาสวรรค์ พลังต่อสู้ก็จะมาจากสองด้าน

หนึ่ง คือพลังของตนเอง

สอง คือความแข็งแกร่งของโลกทั้งใบ

โลกอ่อนแอลง เช่นโลกวิญญาณเทพ แม้แต่การดำรงอยู่ของอริยะก็ยังคงไม่สามารถรองรับได้

ความจริงแล้ว มารที่แท้จริง หมายถึงคุณสมบัติพลังบางอย่าง ถึงแม้คุณสมบัติพลังแบบนี้จะทำให้จิตใจและวิธีการกระทำเปลี่ยนแปลงไป

แต่มีความแตกต่างอย่างมากกับ “มหาความชั่วร้าย”

“มหาความชั่วร้าย” ส่วนใหญ่ หากไม่ใช้พลังทำลายข้อห้าม ก็ยังคงพอ ๆ กับกึ่งอริยะ อริยะเทียม

ในมรรคผีร้าย “มหาความชั่วร้าย” เหล่านี้ มิได้สูงส่งมากนัก

แต่ “มหาความชั่วร้าย” ระดับจักรพรรดิเซียนผู้นี้ แม้จะไม่ใช้พลังทำลายข้อห้าม ก็ยังคงพอ ๆ กับอริยะมรรคผีร้าย!

หากใช้พลังทำลายข้อห้าม พลังของคนผู้นี้ ก็จะสามารถกลับไปยังระดับจักรพรรดิเซียนได้

นี่ก็คือสิ่งที่ทำให้เขาจัดการได้ยากที่สุด

พลังทำลายข้อห้าม มีจำกัด การที่กลับไปยังระดับจักรพรรดิเซียน ต้องการพลังทำลายข้อห้ามมากมายมหาศาล

เขาเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้โดยไม่คิดหน้าคิดหลัง

หากเขาใช้ อริยะหลายคนร่วมมือกัน ใช้ไพ่ตาย ก็มิใช่ว่าจะไม่สามารถต้านทานได้สักพัก

ท้ายที่สุด นี่มิใช่ยุคสมัยของเขาแล้ว จักรพรรดิเซียนผู้นี้ไม่มีการเสริมพลังจากโลกทั้งใบ สุดท้ายก็ยังคงห่างไกลจากจักรพรรดิเซียนในยุคสมัยนี้

แต่ตอนนี้ แม้เขาจะไม่ใช้พลังทำลายข้อห้าม เขาก็ยังคงเป็นอริยะมรรคผีร้าย ไม่กลัวการสูญเสียพลัง

ยิ่งกว่านั้น ระดับเดิมของคนผู้นี้อยู่ที่นั่น พลังต่อสู้แข็งแกร่งกว่าอริยะทั่วไปไม่รู้ว่ากี่เท่า

เขายังคงไม่ใช่คนเดียว

ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมอริยะหลายคนร่วมมือกัน ใช้เวลานานหลายล้านปี จึงไม่สามารถทำอะไรเขาได้

หลายล้านปีมานี้ ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้ว!