บรรพบุรุษข้ามภพสยบหล้า ตอนที่ 484 มรรคแห่งการเหยียบสวรรค์
บรรพบุรุษข้ามภพสยบหล้า ตอนที่ 484 มรรคแห่งการเหยียบสวรรค์
“ตูม!”
โลกเซียนทั้งหมด สั่นสะเทือน
ในชั่วขณะนี้
ทั่วทั้งโลก ต่างก็ได้ยินเสียงมรรคาที่ไพเราะอย่างยิ่ง
“สำเร็จแล้วหรือ”
กึ่งอริยะบางคนยังคงไม่แน่ใจ
“สำเร็จแล้ว!”
อริยะเทียมหนึ่งคนกล่าว
อริยะเทียมผู้นี้ เพิ่งจะตื่นขึ้นมาได้ไม่นาน
ครั้งก่อนตอนที่เจ้าเซียนหมื่นบุปผาพิสูจน์มรรค เขากำลังอยู่ในช่วงสำคัญของการหลอมรวมกับมรรคา จึงปิดด่านบำเพ็ญ ไม่ได้ออกมา จึงไม่ได้เห็นกระบวนการพิสูจน์มรรคของเจ้าเซียนหมื่นบุปผา
ครั้งนี้ ตอนที่หลี่ซูพิสูจน์มรรค เขากลับออกจากด่านบำเพ็ญแล้ว
จากนั้น ก็ตกใจกับการพิสูจน์มรรคที่ง่ายดายของหลี่ซู
ความเร็วในการพิสูจน์มรรคของหลี่ซู เร็วยิ่งนัก เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
เวลานี้ ข้าง ๆ กึ่งอริยะ อริยะเทียมมากมาย ก็มีเงาร่างหลายเงาปรากฏตัวขึ้น
“เจ้ามรรคา”
ถึงแม้บนร่างกายของเงาร่างเหล่านี้จะไม่มีแรงกดดันใด ๆ แต่พอบุคคลเหล่านี้ปรากฏตัว สีหน้าของกึ่งอริยะ อริยะเทียมมากมายก็ดูนอบน้อมขึ้น
เห็นได้ชัด เงาร่างเหล่านี้ ก็คืออริยะหลายคนของโลกเซียน
อริยะเหล่านี้ในตอนนี้ น่าจะยังคงอยู่ในแดนต้องห้ามแห่งนั้น
แต่ในโลกเซียน พวกเขาก็ยังคงมีจิตสำนึกอยู่
ครั้งก่อนตอนที่เจ้าเซียนหมื่นบุปผาพิสูจน์มรรค จิตสำนึกของอริยะเหล่านี้ก็เคยออกมา เพียงแต่ตอนที่ร่างจริงของพวกเขาไม่สามารถแยกตัวออกมาได้ จิตสำนึกก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก
พอไปถึงระดับอริยะแล้ว ก็แทบจะไม่มีร่างแยก
ความมหัศจรรย์มากมายรวมอยู่ในร่างเดียว นี่ก็คือความหมายที่แท้จริงของอริยะ
จิตสำนึกของอริยะเหล่านี้ต่างก็มองไปยังหลี่ซู
พวกเขาหลังจากที่รับรู้ถึงความเคลื่อนไหวที่หลี่ซูพิสูจน์มรรคสำเร็จแล้ว จึงได้ออกมา
“หนึ่งล้านปีพิสูจน์มรรค หนึ่งร้อยปีสำเร็จ ไม่รู้ว่ามรรคของเขา เป็นมรรคใด”
เวลานี้ จิตสำนึกของอริยะหนึ่งคนกล่าวขึ้น
มรรคของหลี่ซู สุดท้ายแล้วเป็นมรรคใด ยังไม่มีใครรู้
แต่หลังจากที่หลี่ซูพิสูจน์มรรคสำเร็จแล้ว ก็จะได้รับการเปิดเผย
พอได้ยินคำพูดของจิตสำนึกอริยะผู้นี้ กึ่งอริยะ อริยะเทียมคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา
หลี่ซูแข็งแกร่งยิ่งนัก
เรื่องราวที่เขาทำมาระหว่างทาง ก็ล้วนไม่น่าเชื่อ
ตอนที่ยังเป็นต้าหลัว กลับสามารถนำโลกเซียนพิรุณที่หายไปกลับคืนมาได้
ตอนที่เป็นกึ่งอริยะ กลับสามารถสังหารกึ่งอริยะถึงสองคนได้ติดต่อกัน
หลังจากเป็นอริยะเทียมแล้ว การกระทำของหลี่ซูยิ่งน่าทึ่งยิ่งขึ้น พลังต่อสู้เทียบเท่าอริยะ แทบจะไม่มีใครสามารถต่อกรได้
กึ่งอริยะ อริยะเทียมเหล่านี้ยังไม่รู้ว่าโลกเซียนอสูรกับโลกเซียนมาร ถูกหลี่ซูใช้กำลังปราบปรามเอาไว้แล้ว
มิเช่นนั้นไม่รู้ว่าจะตกใจขนาดไหน
เพียงแค่เรื่องราวเหล่านี้ ก็ยังคงน่าตกใจอย่างยิ่งแล้ว
ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เวลาที่หลี่ซูใช้ในการบำเพ็ญนั้นสั้นมาก
ด้วยเหตุนี้ แม้แต่ตอนนี้จะไม่พบเบาะแสใด ๆ เซียนมากมายในโลกเซียน รวมถึงต้าหลัว ไท่อี่บางคน ต่างก็คาดเดาว่า หลี่ซูอาจจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่น่ากลัวจากยุคโบราณกลับชาติมาเกิด
อริยะเหล่านี้อาจจะคาดเดาเช่นนี้เช่นกัน
คาดเดาอย่างไรก็คาดเดา หากมี “มหาความชั่วร้าย” สามารถกลับชาติมาเกิดได้จริง ๆ ก็ไม่มีใครปฏิเสธ
หลังจากกลับชาติมาเกิดสำเร็จ ก็จะหลอมรวมกับยุคสมัยใหม่อย่างสมบูรณ์
แต่ “มหาความชั่วร้าย” แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะกลับชาติมาเกิด
พวกเขาก็จะไม่เลือกที่จะกลับชาติมาเกิด
การกลับชาติมาเกิด มิใช่ว่าจะง่ายดายเช่นนั้น
หลังจากที่ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว ผู้ที่อยู่ในระดับอริยะ หากไม่เลือกที่จะเป็น “มหาความชั่วร้าย” ก็แทบจะไม่มีทางมีชีวิตอยู่จนถึงยุคสมัยใหม่ได้
มิเช่นนั้น ครั้งก่อนจักรพรรดิโบราณเพียงแค่กลับชาติมาเกิดอย่างต่อเนื่องก็เพียงพอแล้ว
.
ภายใต้ความอยากรู้อยากเห็นของกึ่งอริยะ อริยะเทียมมากมาย และสายตาของจิตสำนึกอริยะหลายคน ในที่สุดร่างของหลี่ซูก็ค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น
จากนั้น เขาก็ก้าวเท้าหนึ่งก้าว
“ตูม!”
ตามการก้าวเท้าครั้งนี้ ทั่วทั้งโลกสั่นสะเทือน
การสั่นสะเทือนครั้งนี้ ทำให้ดวงตาของจิตสำนึกอริยะหลายคนเผยความตกใจออกมาอย่างชัดเจน
เพราะการก้าวเท้าครั้งนี้ของหลี่ซู กลับทำให้มรรคาสวรรค์สั่นสะเทือน
“มรรคหนึ่งปรากฏ หมื่นมรรคสยบ มรรคของเขา...ท้าทายสวรรค์!”
เจ้ามรรคาที่ดูเหมือนชายวัยกลางคน จ้องมองอย่างตั้งใจ กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
มรรคหนึ่งปรากฏ หมื่นมรรคสยบ!
ถึงแม้จะเพียงชั่วขณะ แต่ชั่วขณะนี้ ก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นถึงความน่าทึ่งของมรรคของหลี่ซู
กึ่งอริยะ อริยะเทียมทั้งหมด พอได้ยินคำพูดของเจ้ามรรคาผู้นี้ ต่างก็ตกตะลึงอย่างมาก