บทที่ 636 อุบัติเหตุและการพบปะ
บทที่ 636 อุบัติเหตุและการพบปะ
รูปปั้นครึ่งตัวที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน อีกทั้งยังมีรอยร้าวเล็ก ๆ ที่สามารถมองเห็นได้เพียงเมื่อใช้การมองด้วยสายตาแห่งดวงดาว สิ่งนี้ทำให้เรย์ลินรู้สึกหนาวเยือกในใจ
สิ่งต่าง ๆ จากโลกแห่งความฝันนั้นเต็มไปด้วยความลึกลับเกินคาดเดา แต่กลับมีแรงดึงดูดต่อเรย์ลินอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
และเพราะเหตุนี้เอง เรย์ลินที่จมอยู่ในงานทดลองมาตลอด จึงมองข้ามถึงอันตรายอันใหญ่หลวงที่ซ่อนอยู่ในโลกแห่งความฝัน
ในโลกแห่งความฝัน ทุกสิ่งสามารถเกิดขึ้นได้
“ปิดผนึกเดี๋ยวนี้!”
เรย์ลินมองดูรอยร้าวที่ขยายออกอย่างต่อเนื่องบนรูปปั้นครึ่งตัว จึงสั่งด้วยเสียงทุ้มต่ำ
กริ๊ง กริ๊ง!
แสงสีเลือดปรากฏขึ้นจากพื้น สร้างเป็นกรงโปร่งแสงขึ้นมาทันที สัญลักษณ์รูนที่วางอยู่รอบ ๆ รูปปั้นก็เริ่มส่องแสงขึ้นมาเช่นกัน
พลังงานอันน่าหวาดหวั่นก่อตัวขึ้น ล้อมรอบและขังรูปปั้นครึ่งตัวไว้แน่นหนาภายใน
แคร่ก! แคร่ก!
รอยร้าวบนรูปปั้นครึ่งตัวที่ถูกปิดผนึกนั้นขยายกว้างขึ้น รอยแตกเหล่านั้นรวมตัวกันจนเกิดเป็นปากขนาดใหญ่ที่น่ากลัว
ฝูงแมลงขนาดเล็กเท่ามดสีดำจำนวนมากกำลังเลื้อยออกมาจากปากขนาดใหญ่ที่ก่อตัวบนรูปปั้นครึ่งตัว พวกมันคลานออกมาทีละชั้น ปกคลุมพื้นห้องจนหนาทึบ
พลังแห่งความฝันสีแดงเข้มเพิ่มความเข้มข้นขึ้นหลายเท่าตัว ราวกับว่ามันกำลังหมุนวนเป็นกระแสพลังงานในอากาศ
“กฎการไหลเวียนของพลังแห่งความฝัน ทำไมมันถึงเปลี่ยนแปลงเร็วขนาดนี้?”
การค้นพบนี้ทำให้ความยินดีจากความสำเร็จในการทดลองก่อนหน้านี้หายไปกว่าครึ่ง เรย์ลินต้องทบทวนตัวเองอีกครั้ง เขาตระหนักได้ว่าตนเพิ่งเริ่มเข้าใจเพียงผิวเผินเท่านั้นเกี่ยวกับโลกแห่งความฝัน ความรู้ที่มีตอนนี้ยังไม่เพียงพอที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งลี้ลับเหล่านี้ ความมั่นใจเล็กน้อยถูกบีบให้จมหายไป
กรี๊ด! กรี๊ด!
เสียงร้องที่น่าขนลุกดังขึ้น รวมทั้งเสียงกัดแทะที่กระหึ่ม เรย์ลินตระหนักได้ว่า สัญลักษณ์รูนที่ใช้ปิดผนึกก่อนหน้านี้กำลังแตกออกทีละอัน แม้แต่ค่ายกลเวทบนพื้นก็ถูกกัดกร่อนด้วยพลังอันน่ากลัวนี้
พลังแห่งความฝันที่เคยเป็นสีแดงเข้ม กำลังเปลี่ยนเป็นสีดำ และพลังลึกลับที่แฝงมากับมัน ก็ทำให้เรย์ลินรู้สึกตกใจ
“แย่จริง! ถ้ารอถึงพรุ่งนี้ ฉันคงได้ใช้วัสดุที่ค้นพบใหม่มาปิดกั้นมันได้...” เรย์ลินขบกรามแน่น แต่ในตอนนี้เขาก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก
“ทำลายมันซะ!” เรย์ลินปลดปล่อยเพลิงดำอันร้อนแรง พุ่งผ่านพื้นที่ซึ่งมีรูปปั้นครึ่งตัวอยู่ก่อนหน้านี้ เผาทุกสิ่งจนมอดไหม้
ความร้อนในห้องทดลองเพิ่มขึ้นจนถึงขีดสุด ก่อนจะลดลงอย่างรวดเร็ว พื้นห้องที่เดิมถูกหลอมละลายกลายเป็นหลุมลึก ขณะที่วัสดุต่าง ๆ ที่หลอมรวมกันกลายเป็นผลึกคล้ายอัญมณีหลากสี
กรี๊ด! บนผลึกเหล่านั้น ปรากฏจุดสีดำเล็ก ๆ มากมาย
แม้ว่ารูปปั้นครึ่งตัวจะถูกทำลายไปแล้ว แต่แมลงสีดำเหล่านั้นก็ยังรอดจากเปลวเพลิงอันทรงพลังของเรย์ลิน
“รากฐานของพวกมันคือพลังแห่งความฝัน หากไม่แก้ปัญหาที่ต้นเหตุล่ะก็...”
เรย์ลินขมวดคิ้ว ดวงตาเป็นประกายวูบวาบ เขาโบกมือเรียกแผ่นวัสดุทดลองที่อยู่ในบ่อน้ำสายฟ้า มันลอยขึ้นมาก่อนจะระเบิดเป็นผงละเอียดในอากาศ และจากนั้นก็ดูเหมือนจะถูกพลังงานบางอย่างจับตัวเป็นแผ่นฟิล์มบาง ๆ ปกคลุมพื้นที่ที่แมลงดำอยู่
“ปิดกั้น!”
สายฟ้าจำนวนมหาศาลปกคลุมบนแผ่นฟิล์มบาง ๆ ก่อตัวเป็นชั้นป้องกันคล้ายกับที่เคยทดลองก่อนหน้านี้ พลังแห่งความฝันสีแดงเข้มถูกปิดกั้นไว้อยู่ภายนอก
แกร๊บ! แกร๊บ!
พลังแห่งความฝันที่รวมตัวกันมากขึ้น ทำให้พื้นผิวของแผ่นฟิล์มปรากฏเป็นหลุมลึกและส่งเสียงที่คล้ายกับจะทนไม่ไหว
“แม้พลังแห่งความฝันจะถูกปิดกั้นได้ แต่ก็ยังสามารถทะลุผ่านได้เช่นกัน” เรย์ลินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “การทดลองปิดกั้นก่อนหน้านี้เป็นแค่กับสิ่งมีชีวิตธรรมดาจากโลกแห่งความฝัน แต่เมื่อเจอสิ่งที่ทรงพลังมากกว่า กลับเกิดปัญหาขึ้นแบบนี้…”
นัยน์ตาของเรย์ลินหดเล็กลง
นั่นหมายความว่า หากเขาต้องเจอกับสิ่งที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า ฟิล์มบาง ๆ ที่ตั้งขึ้นนี้ก็จะถูกฉีกขาดในทันที
มันก็เหมือนกับการใช้แหจับปลาเล็ก ๆ แต่หากเจอฉลามยักษ์ในมหาสมุทร แหม่นั้นจะทำอะไรไม่ได้เลย
“สิ่งสำคัญในตอนนี้คือ ต้องกำจัดภัยที่ซ่อนอยู่เหล่านี้ให้หมดก่อนที่พวกมันจะได้รับการเสริมพลังแห่งความฝันอีกครั้ง” ดวงตาของเรย์ลินฉายแววแน่วแน่ เปลวไฟดำของวิชาเพลิงพุ่งขึ้นมาอีกครั้ง
ครั้งนี้ แมลงสีดำที่ขาดการเติมพลังแห่งความฝันถูกเผาจนละลายกลายเป็นแสงสีดำและสลายหายไป
ผลกระทบนี้ทำให้พลังแห่งความฝันนอกแผ่นฟิล์มเข้มข้นยิ่งขึ้น จนทำให้พื้นผิวของแผ่นฟิล์มปรากฏรอยร้าวละเอียด แทบจะระเบิดออกมาในทุกขณะ
“เร็วอีกนิด! เร็วอีกนิดสิ!” เรย์ลินเอ่ยอย่างเคร่งเครียด พลังวิญญาณอันเย็นเยียบถูกปลดปล่อยออกมาและหลอมรวมเข้าไปในเปลวไฟ
เปลวไฟดำพลุ่งพล่านขึ้นสิบเท่า เผาผลาญแมลงสีดำทั้งหมดจนมอดไหม้ และในวินาทีที่แมลงตัวสุดท้ายถูกทำลาย แผ่นฟิล์มบางก็ส่งเสียงแตกละเอียด ราวกับเสียงคร่ำครวญ ก่อนจะระเบิดออก พลังแห่งความฝันที่ไม่มีเป้าหมายหมุนวนอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็สลายหายไปเอง ทำให้เรย์ลินถอนหายใจด้วยความโล่งใจ
ทันใดนั้น! ขณะที่เขาหันกลับมา รูปปั้นครึ่งตัวนั้นก็เข้ามาใกล้จนเกือบชิดติดหน้า รอยแตกบนรูปปั้นก่อตัวเป็นปากขนาดใหญ่ ราวกับกำลังเย้ยหยัน
กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวพวยพุ่งออกมาจากปากขนาดใหญ่นั้น
ดวงตาของเรย์ลินหดเล็กลงอีกครั้ง เกล็ดโคโมอินปรากฏขึ้นทั่วร่าง พลังวิญญาณของพ่อมดแสงจันทร์ ขั้นเสี้ยว จากวิญญาณแท้จริงแผ่กระจายไปทั่วร่างกายของเขา
กรี๊ด กรี๊ด!
มดดำขนาดเล็กที่น่าสะพรึงกลัวปรากฏขึ้นอีกครั้ง ปกคลุมไปทั่วร่างกายของเรย์ลิน เสื้อคลุมเวทมนตร์ที่เขาสวมใส่ไม่สามารถป้องกันการโจมตีของพวกมันได้แม้แต่วินาทีเดียว มันถูกกัดจนพรุนในทันที
มดดำเหล่านี้ไต่ไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย แม้แต่เกล็ดโคโมอินที่ผ่านการเสริมพลังขั้นที่ห้าก็ไม่สามารถต้านทานเขี้ยวของพวกมันได้ ความเจ็บปวดรุนแรงแผ่ซ่านจากใต้ผิวหนัง ส่งผลให้ร่างกายของเรย์ลินเต็มไปด้วยบาดแผลเล็ก ๆ มากมาย
ฟ่อ ฟ่อ!
เงาร่างของจักรพรรดิ์งูโคโมอินปรากฏขึ้นด้านหลังเรย์ลิน ส่งเสียงคำรามออกมา ทำให้เปลวไฟดำลุกท่วมร่างกายของเขา
ฮู้! หลังจากที่เปลวไฟเผาผลาญไปสักพัก เรย์ลินก็รู้สึกมึนงงเล็กน้อย พอเขาฟื้นคืนสติอีกครั้ง มดดำทั้งหมดก็หายไปหมดสิ้น
ทว่าบนร่างกายของเขา กลับเต็มไปด้วยบาดแผลสีดำเล็ก ๆ ซึ่งกระจายอยู่ทั่วทุกส่วน ดูน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
“นี่เป็นการรุกรานจากพลังแห่งความฝันสินะ?” เรย์ลินมองไปยังบ่อสายฟ้าสีน้ำเงิน พื้นที่รอบ ๆ ที่เป็นหลุมลึก และเกล็ดบนร่างกายของเขาที่ปรากฏขึ้นโดยอัตโนมัติ เขาถอนหายใจลึก ๆ
โลกแห่งความฝันเป็นสถานที่ที่ผสมผสานระหว่างความจริงและภาพลวงตา ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ที่นั่น
“ดูเหมือนว่า...หลังจากที่ได้รับอิทธิพลจากพลังแห่งความฝันแล้ว ห้องทดลองของข้าอาจจะกลายเป็นโครงสร้างจากโลกแห่งความฝันไปแล้ว แม้แต่คุณสมบัติของวัสดุเองก็เปลี่ยนแปลงไป”
สถานการณ์นี้คล้ายคลึงกับกระบวนการที่เหล่าพ่อมดระดับสูงแผ่รังสีเข้าไปยังปราสาทของพวกเขา แต่กรณีนี้รุนแรงกว่าและครอบงำได้มากกว่า
“ชิป! เพิ่มระดับการเตือนภัยของที่นี่ขึ้นอีกขั้น ห้ามไม่ให้ศิษย์พ่อมดคนใดเข้ามา นอกเสียจากข้าเท่านั้น!”
เรย์ลินเดินออกจากห้องทดลอง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหม่นหมอง ความรู้สึกที่ถูกห้อมล้อมด้วยความฝันและภาพลวงตา ทำให้เขารู้สึกเหมือนตกอยู่ในคาถาภาพลวงโดยไม่รู้ตัว มันช่างเป็นความรู้สึกที่ไม่สบายใจอย่างยิ่ง
ยิ่งไปกว่านั้น การรุกรานจากโลกแห่งความฝันไม่เหมือนกับภาพลวงตาธรรมดา เพราะมันเป็นพลังที่สามารถส่งผลกระทบต่อความเป็นจริงได้ ไม่ว่าเขาจะเผชิญกับสิ่งใดในภาพลวง มันอาจจะสะท้อนกลับมายังร่างกายจริงของเขาทั้งหมด
“การทดลองเกี่ยวกับโลกแห่งความฝันช่างเต็มไปด้วยอันตรายจริง ๆ” เรย์ลินถอนหายใจ แม้แต่เขาเองก็ไม่กล้าที่จะพักอาศัยใกล้กับห้องทดลองนี้อีกต่อไป
ขณะที่เดินออกมาด้านนอกปราสาท เรย์ลินได้ยินเสียงเรียกจากเจฟฟรีย์พ่อมดระดับห้าและผู้พิทักษ์แห่งมิติของดินแดนยามรุ่งอรุณ เขากำลังยืนรออยู่ด้านนอกปราสาทตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“มีอะไรหรือ? ท่านเจฟฟรีย์” เรย์ลินถามด้วยความสงสัย ที่นี่ถือเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเขา เจฟฟรีย์ไม่ควรจะเข้ามาโดยพลการ เพราะจะถือเป็นการไม่เคารพเจ้าของสถานที่
“ข้าพยายามติดต่อท่านหลายครั้งแล้ว แต่ได้รับการปฏิเสธทั้งหมด ข้าจึงต้องรออยู่ด้านนอกแบบนี้…”
เจฟฟรีย์ยิ้มแห้ง ๆ พร้อมกับยักไหล่
“อย่างนี้นี่เอง ข้าขอโทษด้วย ข้าหมกมุ่นอยู่กับการทดลองอยู่ตลอดเวลา” เรย์ลินรีบกล่าวขอโทษ ใบหน้าแสดงความรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย การปนเปื้อนของพลังแห่งความฝันและผลกระทบของมัน ช่างรุนแรงยิ่งกว่าคาถาใด ๆ ที่เคยมีมา
ในห้องทดลองที่เต็มไปด้วยพลังแห่งความฝันนี้ หากยังสามารถรับสัญญาณติดต่อจากภายนอกได้ นั่นคงเป็นเรื่องแปลกยิ่งนัก
“ท่านกำลังทำการทดลองอะไรอยู่หรือ? ข้าได้ยินมาว่าห้องทดลองของท่านเกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ ปัญหาการรั่วไหลของมลพิษนั้นรุนแรงมากทีเดียว…” เจฟฟรีย์พูดพร้อมมองไปยังปราสาทที่ตั้งอยู่เบื้องหลังเรย์ลิน พื้นที่นั้นมีการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด ไม่มีสิ่งมีชีวิตใด ๆ อยู่เลย ใบหน้าของเขาเผยความสงสัยออกมา
ข่าวการรั่วไหลของมลพิษนั้นเป็นเรื่องที่เรย์ลินจงใจปล่อยออกไป เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการตั้งการ์ดและเฝ้าระวังพื้นที่นี้อย่างเต็มที่
“ไม่มีอะไรมาก... แค่การรั่วไหลจากการทดลองในมิติแห่งดวงดาวเท่านั้น ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างหลุดออกมา...”
เรย์ลินพูดพลางผสมความจริงกับการโกหกเล็กน้อย ทักษะการแสดงของเขาพัฒนาขึ้นอย่างมาก จนสามารถหลอกล่อแม้แต่เจฟฟรีย์จิ้งจอกเฒ่าผู้เจนจัด โดยไม่ต้องพึ่งพาการสนับสนุนจากชิป
“มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารักและขี้ขลาดมาก เพื่อเล่นซ่อนหากับมัน ข้าต้องปิดผนึกทั้งปราสาทเอาไว้...”
เรย์ลินยิ้มขณะกล่าว
“อ้อ!” เจฟฟรีย์พยักหน้า แต่ไม่ได้ซักถามต่อ เพราะข้อมูลจากการทดลองของพ่อมดถือเป็นความลับสูงสุด ยิ่งไปกว่านั้น เขาและเรย์ลินต่างก็เป็นพ่อมดระดับห้า มีสถานะเทียบเท่ากัน การถามไถ่รายละเอียดต่อไปจึงเป็นการไม่เหมาะสม
“ท่านเรย์ลิน เจ้าจะไม่เชิญพวกเราเข้าไปนั่งข้างในหน่อยหรือ? การต้อนรับเช่นนี้ช่างไร้มารยาทเสียจริง”
ในขณะนั้นเอง พ่อมดที่ยืนอยู่ข้างเจฟฟรีย์กล่าวขึ้นด้วยท่าทีเรียบเฉย แต่กลับแฝงความไม่พอใจต่อเรย์ลิน
อย่างชัดเจน
“หืม?!”
เรย์ลินรู้สึกสะดุ้งเล็กน้อย เพิ่งสังเกตเห็นเงาร่างของชายที่ยืนอยู่ข้างเจฟฟรีย์
ชายผู้นั้นมีใบหน้าที่หล่อเหลา ดวงตาเปล่งประกายด้วยพลังชีวิตอันแข็งแกร่ง กลิ่นอายพลังรอบกายลึกล้ำและซับซ้อน แต่กลับเป็นกลิ่นอายที่สามารถถูกมองข้ามได้อย่างง่ายดาย.....
..........