บทที่ 321 วิวาห์ใหม่
เซียงหลิงหลิงพยักหน้าเบาๆ “เคยให้หมอตรวจดูแล้ว แต่หมอบอกว่าไม่มีผลเสียต่อร่างกาย ขอเพียงควบคุมปริมาณอาหารให้เหมาะสมก็เพียงพอ” พูดจบนางก็ยิ้มพลางเผยท่าทางซื่อๆน่ารัก
“แต่ที่จริงแล้วเป็นเพราะข้าไม่ระวังเอง ฮึก... พี่หญิง อย่าบอกท่านย่าของข้านะเจ้าคะ”
เซียงหลิงหลิงเรอขึ้นมาอีกครั้ง จู่ๆ นางก็เห็นอะไรบางอย่าง รีบยกมือขึ้นปิดปากทันที
เพราะคนที่เดินสวนมาคือ ซูเยี่ย
“พี่ชาย” ซูเล่อหยุนโบกมือทักทายพร้อมวิ่งไปหา
ซูเยี่ยมองน้องสาว แล้วหันไปมองเซียงหลิงหลิงที่ยืนอยู่ห่างๆไม่กล้าก้าวเข้ามาใกล้ จึงเอ่ยถามอย่างสงสัย
“มีเรื่องอันใดหรือ”
“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ ท่านพี่เข้าไปข้างในก่อนเถอะ” ซูเล่อหยุนยิ้มพลางผลักซูเยี่ยให้เดินเข้าไปในเรือน
ซูเยี่ยแม้จะรู้สึกงุนงงอยู่บ้าง แต่ก็ยอมทำตาม เมื่อเดินเข้าไปได้ไม่กี่ก้าวก็หันกลับมามองน้องสาวอีกครั้ง
“ท่านพี่ รีบเข้าไปเถอะเจ้าค่ะ” ซูเล่อหยุนโบกมือให้เขาเดินต่อไป ก่อนจะหันไปมองเซียงหลิงหลิง
เซียงหลิงหลิงยังคงยกมือปิดปาก ดวงตาเบิกกว้าง คล้ายจะถามว่าเขายังอยู่หรือไม่ เมื่อเห็นซูเล่อหยุนส่ายหน้า
นางจึงค่อยๆ เดินมาอย่างอ้อยอิ่ง ทั้งยังมีเสียงเรอหลุดออกมาเป็นระยะๆ
“พี่หญิง ข้าขอเข้าไปนั่งพักในเรือนของท่านสักครู่ได้หรือไม่”
เมื่อวานตอนกลับมาก็ค่ำแล้ว นางได้ยืนอยู่ด้านนอกเพียงชั่วครู่จึงไม่มีใครเห็น แต่ครานี้ตะวันยังไม่ลับฟ้า อีกทั้งบางทีผู้คนเดินผ่านไปมา นางจึงรู้สึกกระอักกระอ่วนใจที่จะยืนอยู่ด้านนอก
“เข้าไปกันเถอะ” ซูเล่อหยุนยิ้มพลางพาเซียงหลิงหลิงไปยังเรือนของตนเอง
จากนั้นก็สั่งให้เหลียนซินยกน้ำชามาให้ เมื่อเห็นเซียงหลิงหลิงยังคงเรออยู่ ซูเล่อหยุนจึงเอ่ยถามอย่างสงสัย
“เมื่อวานไม่เห็นเจ้าจะเรอมากเท่านี้เลย”
“อาจจะเป็นเพราะ...ฮึก...ทานมากไปทั้งสองวันติดกันเจ้าค่ะ” เซียงหลิงหลิงเอามือกุมท้อง รู้สึกไม่ค่อยสบาย พลางดื่มชาที่เหลียนซินเทให้จนหมด
การเรอบ่อยๆ เช่นนี้ทำให้รู้สึกคลื่นไส้เป็นธรรมดา แต่ว่าตัวเซียงหลิงหลิงเองชินเสียแล้ว นางเป็นคนชอบทาน หากมีของอร่อยอยู่ตรงหน้า นางยากจะหักห้ามใจได้
ก่อนเดินทางมากรุงเมืองหลวง คนในบ้านเตือนนักหนาให้สำรวมมิให้ทำขายหน้าตระกูลเซียง นางจึงพยายามระงับใจ
แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้พบพ่อครัวฝีมือเลิศขนาดนี้
เซียงหลิงหลิงยังคงเรออยู่เป็นระยะๆ ขณะที่หวนคิดถึงรสชาติอันโอชะ จนกระทั่งเสียงเรอค่อยๆ หายไป
“พี่หญิง ข้าดีขึ้นมากแล้ว เช่นนั้นข้าขอตัวกลับเรือนก่อนนะเจ้าคะ”
เมื่ออาการเรอหายไป เซียงหลิงหลิงก็ไม่อยากอยู่ที่เรือนนี้ต่อ จึงขอตัวกลับเรือน
หลังจากเซียงหลิงหลิงออกไป จางมามาจึงเข้ามาในเรือนพร้อมกับวางบัญชีรายการของร้านหนังสือลงตรงหน้าเล่อหยุน
“คุณหนูเจ้าคะ นี่เป็นบัญชีของร้านหนังสือในช่วงนี้ เชิญคุณหนูตรวจสอบเจ้าค่ะ”
ซูเล่อหยุนรับบัญชีมาเปิดดู เนื่องจากช่วงนี้ร้านหนังสือกำลังอยู่ในช่วงปรับปรุงและติดต่อแหล่งจำหน่ายสินค้าใหม่เป็นหลัก ค่าใช้จ่ายจึงมากกว่ารายรับ ส่วนรายรับที่มีเข้ามาก็เป็นเพียงหนี้เก่าที่ทยอยคืนมา
เนื้อหาในบัญชีมีไม่มากนัก แต่เขียนไว้อย่างละเอียดเรียบร้อย ทำให้มองแล้วเข้าใจได้ง่าย
ซูเล่อหยุนพยักหน้า “บัญชีต่อไป มามาตรวจดูเองเถิด ไม่ต้องนำมาให้ข้า”
แม้ตนเองจะอยู่ภรรยาตระกูลหลี่มาหลายปี แต่ก็ไม่เคยได้บริหารจัดการบ้านเลยสักครั้ง ในด้านการดูแลกิจการเช่นนี้ เกรงว่าคงไม่สันทัดเท่าจางมามา
จางมามาเก็บบัญชีแล้วเอ่ยเตือน “คุณหนูเจ้าคะ อย่างไรท่านก็ควรตรวจสอบบัญชีบ้างนะเจ้าคะ วันข้างหน้าหากต้องจัดการดูแลบ้าน จะได้จัดการได้คล่องแคล่วเจ้าค่ะ”
ซูเล่อหยุนฟังแล้วก็เห็นจริงเช่นนั้น แม้นางยังไม่แน่ใจว่าจะได้แต่งงานหรือไม่ แต่การเรียนรู้ไว้มากๆ ก็มิใช่เรื่องเสียหาย
“มามาพูดได้ถูกต้อง ข้าจะไปขอให้ท่านแม่สอน ข้าจะได้ช่วยแบ่งเบาภาระท่านแม่บ้าง”
หลังจากก่อนหน้านี้ที่ตระกูลซุนไม่มีนายหญิง การจัดการกิจการภายในบ้านจึงตกเป็นหน้าที่ของผู้ดูแลทั้งหมด
เมื่อซุนเจียงหรูกลับมา นางก็ค่อยๆ เข้ามารับช่วงหน้าที่ต่า ๆ เหล่านี้เอง
ซูเล่อหยุนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในการจัดการบ้าน จึงไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้เลย แต่พอจางมามาเตือน ก็เริ่มเข้าใจถึงความสำคัญของเรื่องเหล่านี้ขึ้นมา
วันที่สิบห้าของเดือนสี่ วันมงคลเหมาะแก่การอภิเษกสมรส
เนื่องจากจางซูซูไม่มีญาติหรือเพื่อนฝูงในเมืองหลวง และก็ไม่มีเรือนพักอาศัย ซุนเจียงหรูและฉินจื่อเหยียนจึงปรึกษากันว่าจะให้จางซูซูออกเรือนจากบ้านตระกูลฉิน โดยอ้างว่าเป็นญาติห่างๆของตระกูลฉิน ซึ่งไม่ได้ต้องการให้ตระกูลจางต่ำต้อยลง หากแต่หลังจากตระกูลซูและตระกูลซุนผิดใจกัน ก็มีหลายคนคอยจับตามองเหตุการณ์อยู่ไม่น้อย ดังนั้นเพื่อไม่ให้จางซูซูถูกครหานินทา จึงคิดวิธีนี้ขึ้นมา
ที่ตระกูลฉิน
ซูเล่อหยุนจูงมือซุนอวี้เซวียนยืนรออยู่ด้านนอกเรือน
“พี่สาว ท่านป้ายังไม่ออกมาอีกหรือขอรับ”
ซุนอวี้เซวียนที่กำลังตื่นเต้นอยากจะเห็นเจ้าสาว ทว่าภายในเรือนยังคงแต่งตัวกันอยู่ เด็กชายเช่นเขาคงเข้าไปไม่เหมาะนัก
ทันใดนั้นเอง ประตูห้องก็เปิดออก
จางซูซูแต่งองค์งดงามพร้อมแล้ว รอเพียงปิดผ้าคลุมหน้าเท่านั้น เมื่อสายตานางสบเข้ากับผู้คนด้านนอก รอยแดงระเรื่อบนแก้มของนางยิ่งดูสดใสงดงามขึ้นไปอีก
ซูเล่อหยุนลูบศีรษะซุนอวี้เซวียน แล้วถามว่า “เสี่ยวเซวียน เจ้าคิดว่าท่านป้าของเจ้าดูงามหรือไม่”
“งามมาก!”
ซุนอวี้เซวียนตะโกนตอบเสียงดัง เด็กน้อยพูดด้วยน้ำเสียงใสซื่อจนทำให้ผู้ใหญ่ในเรือนพากันหัวเราะออกมา
“เจ้าบ่าวมาถึงแล้ว เจ้าสาวได้เวลาออกเดินทางแล้ว”
เสียงแม่สื่อดังขึ้น ซุนเจียงหรูและฉินจื่อเหยียนช่วยกันปิดผ้าคลุมหน้าสีแดงบนศีรษะของจางซูซู แล้วให้สาวใช้ประคองเดินออกจากเรือน ซูเล่อหยุนและซุนอวี้เซวียนเดินตามหลังไป
ครั้นมาถึงประตูใหญ่ ซุนจางผิงผู้เป็นเจ้าบ่าวยืนรออยู่บนหลังม้าศึกตัวสูง เมื่อเห็นจางซูซูในชุดเจ้าสาว เขาก็กระโดดลงจากหลังม้าอย่างรวดเร็ว รีบเดินตรงเข้ามาหาด้วยท่าทีตื่นเต้น ทำเอาผู้คนรอบข้างอดหัวเราะด้วยความเอ็นดูไม่ได้
ซูเยี่ยซึ่งนั่งอยู่บนหลังม้าอีกตัวตามหลังม้าของซุนจางผิงมา ซุนจางผิงยื่นมือออกไปจับมือนาง แล้วชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นจึงหันไปปัดเสื้อของตนเอง ราวกับเช็ดเหงื่อที่มือให้สะอาดแล้วจึงจับมือนางอีกครั้ง แล้วประคองให้นางขึ้นเกี้ยว จากนั้นจึงกระโดดขึ้นหลังม้า นั่งด้วยท่วงท่าผ่าเผย ดูอ่อนเยาว์ไปถนัดตา
เมื่อขบวนแห่เจ้าสาวออกเดินทาง ซูเล่อหยุนและคนอื่นๆ ก็ขึ้นเกี้ยวตามไปยังบ้านตระกูลซุน
หน้าประตูเรือนตระกูลซุน ซุนเส้าผิงผู้เป็นพ่อของซุนจางผิงมีสีหน้าเบิกบานจนเก็บรอยยิ้มไม่อยู่ เพราะบุตรชายคนโตของเขาได้เข้าพิธีแต่งงานสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อย เขาจะไม่ให้ปลื้มใจได้อย่างไร
เมื่อพิธีการทั้งหมดสิ้นสุด เจ้าสาวก็ถูกส่งเข้าห้องหอ
ซุนจางผิงยืนยิ้มแย้มอยู่ด้านนอก คอยต้อนรับแขกพร้อมกับซูเยี่ย ทั้งสองโดนแขกดื่มฉลองมากมายจนเมามายไปทั้งคู่กว่าจะถูกปล่อยตัว
“ท่านลุง ท่านกลับไปพักเถอะ ที่นี่ข้าจัดการเองได้”
ซูเยี่ยหันไปบอกซุนจางผิงที่หน้าแดงก่ำจากการดื่มจนเต็มที่ ซุนจางผิงหัวเราะเสียงดัง พลางตบไหล่เขาเบาๆ
“เจ้าช่างเป็นคนเก่งจริง วันนี้เจ้าก็เหนื่อยมากแล้ว”
ซูเยี่ยเห็นท่านลุงทรงตัวไม่มั่นคงนัก จึงถอนหายใจพลางส่งสัญญาณให้บ่าวรับใช้พาท่านลุงไปยังห้องหอ
หลังจากแขกเหรื่อกลับกันหมด ซูเล่อหยุนจึงเดินเข้ามาพร้อมยื่นชามน้ำแก้เมาให้ซูเยี่ย
“พี่ชาย รีบดื่มน้ำแก้เมาชามนี้เสีย”
“…อืม”
คงจะเพราะดื่มมากเกินไป ซูเยี่ยถึงกับนิ่งค้างไปชั่วครู่ ก่อนจะค่อยๆ รับชามจากมือซูเล่อหยุนมาดื่มอย่างเชื่องช้า