บทที่ 302 สีหน้าบูดบึ้งของหลี่เอ้อร์
บทที่ 302 สีหน้าบูดบึ้งของหลี่เอ้อร์
ที่ร้านอาหารโปจี้ชาชานถิง
“พี่รอง กลับมาแล้วเหรอ!”
จู๋หว่านฟางที่กำลังนั่งทำหน้ามึนอยู่ตรงเคาน์เตอร์ พอเห็นหลี่เอ้อร์ก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที รีบวิ่งออกจากร้านเพื่อช่วยหลี่เอ้อร์ถือสัมภาระ
“ไม่ต้องหรอก กระเป๋านี้มันหนักมาก พี่รองถือเองดีกว่า หนูช่วยพี่ถือกระเป๋าเป้ก็พอ” หลี่เอ้อร์ขยับตัวไปด้านข้างให้จู๋หว่านฟางหยิบกระเป๋าเป้ที่เขาสะพายอยู่แทน
ในกระเป๋าถือใบใหญ่นั้นเต็มไปด้วยของฝากพื้นเมืองที่เฟ่ยเล่าหยงตงฝากมาให้หลี่อี้ ของเหล่านี้อาจไม่ได้มีค่าอะไรแต่กลับหนักมากจริงๆ จนจู๋หว่านฟางยกไม่ไหว
จู๋หว่านฟางยิ้มอย่างมีความสุขขณะถือกระเป๋าเป้ของหลี่เอ้อร์ ก่อนจะหันไปมองหยางเจี้ยนฮว่าซึ่งยืนอยู่ข้างๆ
“พี่รอง คนนี้ใครเหรอ?” จู๋หว่านฟางมองหยางเจี้ยนฮว่าด้วยแววตาตั้งข้อสงสัย
“นี่คือเพื่อนร่วมงานของพี่หยางเจี้ยนฮว่า เรียกพี่เขาว่าพี่สาวฮว่าแล้วกัน” หลี่เอ้อร์ยิ้มพร้อมแนะนำหยางเจี้ยนฮว่าให้จู๋หว่านฟางรู้จัก “นี่คือ...”
แต่ก่อนที่หลี่เอ้อร์จะพูดจบ หยางเจี้ยนฮว่าก็พูดแทรกขึ้น “เธอคงเป็นน้องสาวของพวกคุณสินะ ซือหย่า”
“เอ่อ...” หลี่เอ้อร์ยิ้มเจื่อน
“พี่สาวฮว่า สวัสดีค่ะ หนูไม่ใช่ซือหย่านะคะ ซือหย่าวันนี้ไปเรียนพิเศษ หนูชื่อจู๋หว่านฟาง เรียกหนูว่าฟางก็ได้ค่ะ” จู๋หว่านฟางรีบอธิบาย
“อ้อ! ที่แท้ก็เป็นแฟนเด็ก” หยางเจี้ยนฮว่ามองหลี่เอ้อร์ด้วยสายตาเย้ยหยัน
หลี่เอ้อร์ถึงกับเหงื่อตก พลางรู้สึกหวั่นใจลึกๆ ว่าเครือข่ายข่าวกรองของหยางเจี้ยนฮว่าลึกซึ้งเพียงใด เห็นได้ชัดว่าทางแผ่นดินใหญ่ไม่ได้ปล่อยเกาะฮ่องกงให้เป็นไปอย่างที่คิดกัน
“ไปกินข้าวกันเถอะ ผมเลี้ยงเอง!” หลี่เอ้อร์พูดพร้อมโบกมืออย่างอารมณ์ดี
“เลี้ยงข้าวจานด่วน?” หยางเจี้ยนฮว่าแสดงสีหน้าไม่ค่อยพอใจ
“ข้าวจานด่วนอะไร นี่คือร้านชาชานถิงแถมยังมีอาหารจานเด็ด!” หลี่เอ้อร์พูดอย่างภูมิใจ
“พี่สาวฮว่า ร้านของเราดังมากในเกาะฮ่องกงนะคะ ตอนนี้มีถึงสามสิบสองสาขาแล้ว เดี๋ยวหนูจะสั่งชุดอาหารเซ็ตเด่นๆ ให้ค่ะ” จู๋หว่านฟางพอรู้ว่าหยางเจี้ยนฮว่าเป็นแค่เพื่อนร่วมงานของหลี่เอ้อร์ก็เริ่มแสดงท่าทีเอาใจมากขึ้น
“อาจารย์!” ไป่อันหนี่ส่งเสียงเรียกอย่างตื่นเต้น
“อาจารย์ ขนาดนี้เรายังใจตรงกัน หนูกลับมาจากไต้หวันพอดี ส่วนอาจารย์ก็เพิ่งกลับจากแผ่นดินใหญ่” ไป่อัน หนี่ทำท่าชูสองนิ้วอย่างดีใจ
“ไต้หวันเป็นยังไง สนุกไหม?” หลี่เอ้อร์ยิ้มพลางลูบผมสั้นๆ ของไป่อันหนี่ด้วยความเคยชิน
ไป่อันหนี่ทำหน้าบูดเล็กน้อยแล้วตอบ “ก็ไปเป็นเพื่อนคุณแม่ไปทำงานน่ะค่ะ จะมีเวลาว่างเที่ยวที่ไหนกัน น่าเบื่อมากเลย”
“อาจารย์ ไม่แนะนำให้รู้จักหน่อยเหรอ?” ไป่อันหนี่มองไปที่หยางเจี้ยนฮว่าด้วยแววตาสื่อความหมาย “นี่ไปทำงานหรือไปหาแฟนกันแน่คะ?”
“แน่นอนว่าทำงานสิ!” หลี่เอ้อร์ตอบอย่างไม่ลังเล
“นี่เลย ขอแนะนำ หยางเจี้ยนฮว่า หัวหน้าหยางจากแผนกสืบสวนอาชญากรรมระหว่างประเทศของแผ่นดินใหญ่” หลี่เอ้อร์แนะนำหยางเจี้ยนฮว่าให้ไป่อันหนี่รู้จัก
“โอ้ หัวหน้าหยาง สวัสดีค่ะ!” ไป่อันหนี่กระพริบตาพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ยื่นมือไปจับมือกับหยางเจี้ยนฮว่า “หัวหน้าหยาง หนูชื่ออันหนี เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ค่ะ”
“สวัสดี” หยางเจี้ยนฮว่าพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะหันมามองหลี่เอ้อร์ด้วยสายตาเย้ยหยันอีกครั้ง คงจะเป็นลูกศิษย์ที่สนิทเกินลูกศิษย์
หลี่เอ้อร์เข้าใจความหมายในสายตาของหยางเจี้ยนฮว่าและก็อดเหงื่อตกอีกครั้งไม่ได้
“กินข้าวๆ ฟาง จัดอาหารดีๆ ไปที่ชั้นสองเลย” หลี่เอ้อร์รีบพูดตัดบท
“ได้ค่ะ พี่รอง!” จู๋หว่านฟางผู้ซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา ไม่มีความคิดซับซ้อนเหมือนไป่อันหนี่ เธอจึงเดินไปสั่งอาหารอย่างมีความสุข
แต่ข้าวมื้อนี้ของหลี่เอ้อร์ก็ไม่ได้สนุกนัก ท่ามกลางสายตาเต็มไปด้วยความสงสัยของไป่อันหนี่ และรอยยิ้มขบขันของหยางเจี้ยนฮว่า หลี่เอ้อร์ทำได้เพียงก้มหน้าก้มตากินข้าวไป โชคดีที่ยังมีจู๋หว่านฟางคอยตักอาหารให้ ทำให้เขาไม่ต้องทนกินข้าวขาวเปล่าๆ จนอิ่ม
บ้านตระกูลหลี่
“พวกนายสองคนมีอะไรกันแน่? ว่ามาสิ!” หลี่เอ้อร์ขมวดคิ้วมองหลี่เซียนอิงกับหม่าจวินที่เอาแต่พูดตะกุกตะกัก
“เอ่อ…” หลี่เซียนอิงกับหม่าจวินหันมองหน้ากัน ไม่รู้จะเริ่มเล่ายังไงดี
“อี้ นายบอกมาสิ มันเรื่องอะไรกัน?” หลี่เอ้อร์เรียกให้หลี่เซียนอิงพูด
“อ่า…ปวดท้องจัง หม่าจวิน นายบอกเรื่องนี้ให้พี่ใหญ่ฟังแทนฉันหน่อย” หลี่เซียนอิงยังพูดไม่ทันจบ ก็รีบวิ่งออกจากห้องไป
หลี่เอ้อร์: "…"
หลี่เซียนอิงเล่นละครได้แย่มาก ไม่ต้องพูดถึงหลี่เอ้อร์เลย แค่หม่าจวินก็ดูออกแล้วว่าเขากำลังแกล้ง
“ถ้านายกล้าหันหลังวิ่งหนี ฉันรับรองว่าจะเตะก้นนายเต็มแรงแน่” หลี่เอ้อร์พูดด้วยเสียงเย็นเยาะเย้ย
หม่าจวินกลืนน้ำลาย ตอนนี้หลี่เอ้อร์มีพละกำลังมากขึ้นทุกที ถ้าโดนเตะจริงๆ มีหวังได้ปวดหลังยาวๆ แน่นอน
“พี่ใหญ่ ผมกลัวว่าถ้าบอกเรื่องนี้ พี่จะซัดผมเสียยับ” หม่าจวินมองไปทางหน้าต่าง อาเวร นี่มันชั้นสิบกว่านี่หว่า หนีไปก็ไม่รอด
“ฉันจะซัดนายทำไมถ้าไม่มีเหตุผล!” หลี่เอ้อร์พูดอย่างใจกว้าง พลางโบกมือ
“งั้นผมจะบอกละนะครับ พี่ใหญ่ โปรดตั้งสตินะครับ!” หม่าจวินที่ไม่ค่อยระวังตัวนัก คราวนี้ระมัดระวังเป็นพิเศษ เขามองหน้าหลี่เอ้อร์อย่างกังวลและพร้อมจะวิ่งออกจากห้องตลอดเวลา
“ฉันจะให้เวลานายสามวินาที” หลี่เอ้อร์ม้วนแขนเสื้อด้วยสีหน้าเครียดจัด “หนึ่ง…”
“พี่ใหญ่ พี่อี้พบว่าเหอหมิ่นแอบมีคนอื่น ไม่เกี่ยวอะไรกับผมนะครับ!” หม่าจวินพูดจบก็แกล้งทำท่ากระโดดไปทางหน้าต่าง แล้วหันหลังพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วที่เขาไม่เคยทำได้มาก่อน ‘พรึ่บ’ พุ่งออกไปทางประตูห้อง
หลี่เอ้อร์: "…"
ไป่อันหนี่ที่แอบฟังอยู่ข้างนอกอ้าปากค้างด้วยความตกใจ เธออดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเข้าไปในห้องผ่านรอยแยบของประตู
หลี่เอ้อร์ในห้องตอนนี้ใบหน้าที่บูดบึ้งอยู่แล้วยิ่งกลายเป็นเขียวคล้ำมากกว่าเดิม
ไป่อันหนี่รีบหลบฉากออกไป
“พี่อันหนี เป็นอะไรเหรอ?” จู๋หว่านฟางมองไป่อันหนี่ที่กำลังทำท่าล้างจานอยู่ด้วยความสงสัย สีหน้าของไป่อันหนี่ดูแปลกๆ เหมือนจะกลั้นหัวเราะแต่หัวเราะไม่ได้ ที่สำคัญเธอไม่เคยเห็นไป่อันหนี่ผู้เป็นคุณหนูล้างจานมาก่อน
“พี่อันหนี ล้างจานแบบนี้เปลืองน้ำมากนะ ไปนั่งดูทีวีในห้องนั่งเล่นเถอะ ให้ฉันกับฟางเก็บเองดีกว่า” หวังก่างเซิงพูดขึ้นเพราะทนดูไม่ไหว
ไป่อันหนี่เปิดน้ำทิ้งไว้ตั้งสิบนาทีเพื่อล้างจานแค่ใบเดียว ทำเอาหวังก่างเซิงสงสารค่าน้ำในบ้าน
“เอ่อ…ไม่ค่ะ พี่สะใภ้ชอบทำงานบ้านมากนะ ขอให้พี่สะใภ้ได้ยุ่งๆ บ้างเถอะ” ไป่อันหนี่พูดอย่างจริงจัง
จู๋หว่านฟางและหวังก่างเซิงหันมองหน้ากันด้วยความงุนงง แทบจะทำช้อนหลุดมือ ต้องมองหน้าเพื่อเช็กว่าตัวเองไม่ได้ฟังผิด
หวังก่างเซิงอดไม่ได้ที่จะเช็ดมือตัวเองให้แห้ง แล้วเอื้อมไปแตะหน้าผากไป่อันหนี่เบาๆ
“ไม่ได้เป็นไข้นี่นา?” หวังก่างเซิงพึมพำอย่างประหลาดใจ “ไปเที่ยวไต้หวันกลับมาทำไมถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้”
ไป่อันหนี่กลอกตามองบน
“พี่สะใภ้เป็นคนเรียบร้อยมาตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอ!” ไป่อันหนี่โพล่งออกมา
“ก็ใช่แล้ว!” หวังก่างเซิงพูดตอบทั้งที่กลั้นขำแทบไม่อยู่
จู๋หว่านฟางรีบพยักหน้า แม้เธอจะซื่อ แต่ก็ไม่ใช่คนโง่
“ถ้างั้น ในเมื่ออันหนีขยันแบบนี้ ก็ปล่อยให้เธอล้างจานแล้วกัน” หวังก่างเซิงตบมือพลางยิ้ม “ฉันกับฟางจะขึ้นไปข้างบน ไปจัดห้องรับแขกให้หัวหน้าหยาง”
บนชั้นที่หลี่อี้และหวังก่างเซิงพักอยู่ ยังมีห้องเล็กอีกห้องหนึ่ง