ก่อตั้งองค์กรมือสังหารในโลกบำเพ็ญเพียร ตอนที่ 20 สี่ด้านล้วนเป็นศัตรู
ก่อตั้งองค์กรมือสังหารในโลกบำเพ็ญเพียร ตอนที่ 20 สี่ด้านล้วนเป็นศัตรู
คนส่วนใหญ่ต่างเพิกเฉยต่อคำพูดนี้ และยังคงหลบหนีต่อไป
ท้ายที่สุดแล้ว แม้แต่จินหยวนเจิ้งก็ยังคงต้องเอาตัวรอด ไม่มีเวลาสนใจพวกเขา
สามารถมีชีวิตรอดจนถึงวันพรุ่งนี้ ก็ถือว่าโชคดีแล้ว
คนที่มีสายตาเฉียบคม ล้วนมองออกว่าหากยังคงอยู่ที่นี่ต่อไป ก็มีแต่ความตาย
“บัดซบ” มองดูสถานการณ์ที่เลวร้ายลงเรื่อย ๆ หลิวกงจึงหันไปหากจินหยวนเจิ้ง “ท่านผู้ว่าราชการเขตจิน อสูรร้ายตนนี้ ข้าสังเกตการณ์มาสักพักแล้ว ระดับตบะของนางน่าจะใกล้เคียงกับข้า ท่านจงรีบไปพาคุณชายออกไปจากที่แห่งนี้ ส่วนเรื่องอื่น ๆ รวมไปถึงอสูรร้ายตนนี้ ข้าจะจัดการเอง!”
ด้วยความคิดที่ว่าตายเพื่อนไม่ตายเรา
จินหยวนเจิ้งพยักหน้าทันที กล่าวว่า “ตกลง”
ครั้งนี้ เขตฉุยเสวียนคงต้องล่มสลาย แต่หากเขาสามารถปกป้องฟางเทียนหมิงได้ ก็ถือว่าเป็นความดีความชอบครั้งใหญ่
แม้ว่าเบื้องบนจะตำหนิ เขาก็ยังคงมีตระกูลฟางคอยสนับสนุน
“คิดจะหนีหรือ?”
จิ้งจอกพันหน้ายิ้มเยาะ กำลังจะใช้วิชาร่างเสน่ห์จิ้งจอกควบคุมทั้งสองเอาไว้
“อย่าแม้แต่จะคิด! ตราประทับจินกัง!”
แสงพุทธะหนึ่งสายพุ่งเข้าโจมตีจิ้งจอกพันหน้า
จิ้งจอกพันหน้าเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
ใช้อาวุธวิญญาณในมือป้องกัน
ปัง!
จิ้งจอกพันหน้าถอยหลังไปหลายก้าว
“สมบัติเวทระดับเหลืองขั้นสูงหรือ?”
จิ้งจอกพันหน้ามองดูตราประทับพุทธะในมือของหลิวกง
ทั้งสองเผชิญหน้ากันไม่นานนัก
จินหยวนเจิ้งก็หันกลับมาตะโกนบอกหลิวกงว่า “ท่านปรมาจารย์หลิว รีบหลบ!”
หลิวกงหันกลับมาเล็กน้อย
เห็นเงาดำหนึ่งสายกำลังพุ่งลงมา
คิ้วสีขาวของหลิวกงกระตุก
ดูเหมือนว่าเขาจะรู้ว่าเงาดำนั้นคืออันใด จึงรีบหันกลับไป ใช้มือขวาประคองเอาไว้
“ฟู่หวางเฉิง ใครกันที่ทำร้ายเจ้าถึงเพียงนี้!?”
หลิวกงประคองร่างนั้นเอาไว้
เขาคือองครักษ์ที่คอยปกป้องฟางเทียนหมิง ฟางเทียนหมิงเรียกเขาว่าลุงฟู
เขาคือฟู่หวางเฉิง หนึ่งในปีศาจขาวดำ
ไม่คิดเลยว่ายอดฝีมือระดับเคลื่อนวิญญาณขั้นห้า ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในราชสำนัก จะถูกทำร้ายถึงเพียงนี้
เส้นชีพจรแปดเส้นของฟู่หวางเฉิงถูกทำลาย กระทั่งกระดูกซี่โครงก็ยังคงแตกหัก
แม้ว่าจะสามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ เขาก็คงต้องกลายเป็นคนไร้ค่า อ่อนแอ กว่าคนธรรมดาสามัญ
ฟู่หวางเฉิงไม่ได้ตอบ เพียงแค่ยกมือขวาขึ้น ชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง “คุ… คุณชาย……”
นิ้วมือของเขาก็พลันตกลง
“ศาลาสังหารโลหิตสารเลว!”
สัมผัสได้ว่าฟู่หวางเฉิงไม่มีลมหายใจแล้ว หลิวกงจึงตะโกนออกมาด้วยความโกรธแค้นและเสียใจ
จากนั้นทุกคนก็เห็นเงาร่างสูงใหญ่ปรากฏตัวขึ้นบนหลังคาบ้าน
ภายใต้แสงจันทร์ ทุกคนมองเห็นรูปร่างของเงาร่างนั้นอย่างชัดเจน
บุรุษร่างกำยำเปลือยท่อนบน บนหน้าอกและกำปั้นมีร่องรอยโลหิต
แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนต้องให้ความสนใจ มิใช่เรื่องนี้
แต่เป็นชายหนุ่มชุดขาวที่ถูกปกคลุมด้วยโลหิต ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ถูกบุรุษร่างกำยำผู้นั้นจับเอาไว้
ไม่ต้องเดา ก็รู้ว่าชายหนุ่มผู้นั้นคือใคร
เขาคือฟางเทียนหมิง!
ศิษย์สายตรงแห่งตระกูลฟาง ผู้ที่เพิ่งจะโอ้อวดพลังอำนาจเมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อน
เขาเห็นกับตาว่าองครักษ์ของตนเอง ลุงฟู ถูกบุรุษร่างกำยำผู้นั้นทำร้ายจนพิการ จากนั้นก็ถูกทำลายเส้นชีพจรทั้งหมด
เขาหวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก
อัจฉริยะฟ้าประทานแห่งตระกูลฟางผู้นี้ ปัสสาวะราดกางเกง นั่งอยู่บนพื้นดินอย่างไร้สติ มองดูลุงฟูที่พยายามตะโกนบอกเขาว่า ‘รีบหนีไป’
ภายในอกเสื้อของเขามีสมบัติเวทมากมายที่ตระกูลมอบให้
เขาสามารถใช้มันเพื่อถ่วงเวลาให้ลุงฟู
แต่เขากลับหวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก
ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว!
เมื่อเห็นเช่นนั้น หลิวกงจึงตะโกนอีกครั้ง “สารเลวน้อย! รีบปล่อยคุณชายเดี๋ยวนี้!”
ไม่รู้ว่าฟางเทียนหมิงรู้สึกตัว หรือเห็นผู้ที่จะช่วยชีวิตเขา
เขาจึงตะโกนบอกหลิวกงอย่างหมดหวัง “ลุงหลิว รีบช่วยข้า! รีบช่วยข้า!”
“คุณชายอย่าได้หวาดกลัว ข้ารับใช้ผู้นี้จะ……”
หลิวกงกำลังจะกระโดดไปยังบุรุษร่างกำยำผู้นั้น
แต่กลับรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่ด้านหลัง ทำให้เขาต้องหันกลับไป
เมื่อหันกลับไปจิ้งจอกพันหน้าที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม กำลังถืออาวุธวิญญาณเอาไว้
บนอาวุธวิญญาณนั้น เต็มไปด้วยโลหิต
ไม่ต้องกล่าว ก็รู้ว่าโลหิตนั้นเป็นของผู้ใด
“เจ้า!”
หลิวกงกำลังจะใช้พลังวิญญาณ
แต่กลับพบว่าพลังวิญญาณภายในเส้นชีพจรแปดเส้นถูกผนึกเอาไว้
สามารถใช้ได้เพียงเล็กน้อย
หลิวกงกัดฟัน กล่าวด้วยความตกใจ “บนอาวุธนี้……มีพิษ!”
ในเวลานี้สถานการณ์ของหลิวกงไม่ต่างจากการถูกล้อมสี่ด้าน
บนใบหน้าของจินหยวนเจิ้งมีเหงื่อเย็นไหลรินออกมา
ปีศาจขาวดำ หนึ่งคนตาย อีกคนหนึ่งถูกพิษ
ส่วนปรมาจารย์ระดับเคลื่อนวิญญาณคนอื่น ๆ ก็ตายเช่นกัน
แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีปีก ก็ยังคงยากที่จะหนีไปได้
ฟางเทียนหมิงเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด
จึงรีบหันไปหาจินหยวนเจิ้ง ผู้บำเพ็ญระดับเคลื่อนวิญญาณเพียงคนเดียวที่ยังคงมีชีวิตอยู่
ไม่มีท่าทางที่ดูถูกเช่นเดียวกับในอดีต
ตะโกนอย่างบ้าคลั่งว่า “ท่านผู้ว่าราชการเขตจิน หากท่านช่วยข้าเอาไว้ วันใดที่ข้าได้เป็นเจ้าตระกูล ข้าจะแต่งตั้งให้ท่านเป็นขุนนางผู้มีอำนาจของตระกูลฟาง ให้อยู่ในความสุขสบายตลอดไป!”
จินหยวนเจิ้งยังคงไม่สนใจ
เขาไม่ใช่คนโง่เขลาที่จะยอมเสี่ยงชีวิตเพราะคำพูดลอย ๆ เช่นนี้
ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาจะสามารถช่วยได้หรือไม่
หากเขาช่วยฟางเทียนหมิงเอาไว้ สิ่งที่รอคอยเขาอยู่ มิใช่ความสุขสบาย แต่เป็นความตาย!
ท้ายที่สุดแล้ว ฟางเทียนหมิงเป็นถึงศิษย์สายตรงแห่งตระกูลฟาง เป็นบุตรของเจ้าตระกูล
แต่กลับอยู่ในสภาพเช่นนี้
หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ตระกูลฟางคงต้องเสียหน้า
และในฐานะที่เป็นผู้ที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เขาคงต้องตายอย่างแน่นอน
ในเวลานี้ ภายในใจของเขาเต็มไปด้วยความกังวล
หากเขารู้ เขาก็คงจะหนีไปแล้ว
แม้ว่าจะถูกราชวงศ์ราชันซุ่ยหยวนตามล่า เขาก็สามารถหนีไปยังราชวงศ์อื่นได้
ด้วยระดับตบะระดับเคลื่อนวิญญาณ การได้เป็นขุนนางเล็ก ๆ มิใช่เรื่องยาก
เห็นจินหยวนเจิ้งไม่แสดงท่าทีใด ๆ
ฟางเทียนหมิงก็เริ่มหวาดกลัว
“ท่านผู้ว่าราชการเขตจิน ท่านพ่อของข้าคือเจ้าตระกูลฟาง หากท่านช่วย……”
ฟางเทียนหมิงไม่มีโอกาสได้กล่าวจบ
หมัดหนึ่งก็พุ่งเข้าโจมตีที่ท้องของเขา
อุ๊บ!
ฟางเทียนหมิงอาเจียนออกมา
ผู้ที่ลงมือคือบุรุษร่างกำยำที่จับเขาเอาไว้
หวู่เจินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตร “สารเลวน้อย หากเจ้ายังคงพูดจาไร้สาระอีกคำ หมัดต่อไป ข้าจะโจมตีที่หัวของเจ้า!”
ฟางเทียนหมิงตัวสั่น ไม่กล้ากล่าวสิ่งใดอีก
“ท่านผู้ว่าราชการเขตจิน เหตุใดจึงต้องกังวลเช่นนี้”
ทันใดนั้น ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าอ่อนเยาว์ ร่างกายเต็มไปด้วยปราณหยินก็ปรากฏตัวขึ้นข้างกายจินหยวนเจิ้ง
จินหยวนเจิ้งตัวสั่น กล่าวด้วยน้ำเสียงต่ำ “ท่าน… ท่านก็คือ……”
ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าอ่อนเยาว์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่น่าขนลุก “ถูกต้อง ข้าคือมือสังหารระดับมนุษย์ชั้นเอกแห่งศาลาสังหารโลหิต หยินเลี่ยน”