บทที่ 84 บุคลิกเฉพาะตัว
บทที่ 84 บุคลิกเฉพาะตัว
หลี่จิ้งนิ่งเงียบ
เมื่อเสี่ยวอ้าย (AI) ไม่ได้ตอบสนองในทันที เขาคิดว่าการปรับแต่งสำเร็จแล้ว และโปรแกรมกำลังตั้งค่าอัตโนมัติ
แต่พอเธอเอ่ยปาก ก็ยังคงเป็นแบบเดิม
ปัญญาประดิษฐ์ตัวนี้ สามารถปรับแต่งได้จริงหรือ?
แล้วที่เสี่ยวอ้ายชอบเถียงและพูดจาถากถางนั้นมันเรื่องอะไรกัน?
นี่เป็นแค่ AI แต่กลับอ้างเรื่องเสรีภาพในการพูด
แถมยังหวังให้เขาปฏิบัติกับมันเหมือนคนด้วย!
หลี่จิ้งปิดหน้าจอลงเงียบๆ และเตรียมจะถอดซิมการ์ดออก
จากการทดลองใช้ เสี่ยวอ้ายเหนือกว่า AI ทั่วไปในสมาร์ทโฟนมากในแง่ของความคล่องแคล่วและยืดหยุ่น สมกับเป็นผลงานวิจัยของสถาบันวิจัย
ทั้งการเถียง พูดถากถาง และดูถูกผู้ใช้ ล้วนทำได้โดยไม่ต้องสอนหรือปรับแต่งใดๆ
นี่แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยี AI ของมันก้าวหน้ามาก จนรองรับความชอบแปลกๆ ของผู้พัฒนาได้
แต่ชัดเจนว่ามันเป็นของที่มีข้อบกพร่อง ไม่มีฟังก์ชันที่จะปรับแต่งระหว่างใช้งานได้
ลองคิดดู ใครจะอยากใช้โทรศัพท์ที่ต้องคอยโดนด่าอยู่เรื่อย? โทรศัพท์เครื่องนี้ ไม่เอาก็ได้
แต่พอจะถอดซิม หน้าจอก็สว่างขึ้นเอง
"นายท่านเพิ่งได้เสี่ยวอ้ายมา ใช้แค่นิดเดียวก็จะทิ้งแล้วเหรอ? นี่มันการทอดทิ้งชัดๆ!"
"..."
หลี่จิ้งอึ้งไป
เขาไม่คิดว่าแม้จะปิดหน้าจอ เสี่ยวอ้ายก็ยังพูดได้และรู้ด้วยว่าเขากำลังจะถอดซิม
ขมวดคิ้วเล็กน้อย หลี่จิ้งถาม
"เธอมีฟังก์ชันการรับรู้ด้วยหรือ?"
"พูดให้ถูกต้องคือไม่มี เสี่ยวอ้ายแค่ตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม เช่น อุณหภูมิ ความชื้น ความเข้มข้นของปราณวิญญาณ แล้วนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อจำลองสภาพแวดล้อม" เสี่ยวอ้ายตอบ
"อีกอย่าง นอกจากปัจจัยสภาพแวดล้อมทั่วไปแล้ว เสี่ยวอ้ายยังสามารถตรวจจับพลังปีศาจ พิษปีศาจ พลังวิญญาณ และพลังชั่วร้ายได้อย่างแม่นยำ แต่มีข้อจำกัดด้านระยะทางอยู่บ้าง"
เห็นเสี่ยวอ้ายครั้งนี้ไม่พูดเรื่องไม่เข้าเรื่อง และยังเผยว่ามีฟังก์ชันการตรวจจับที่ค่อนข้างสมบูรณ์ หลี่จิ้งเลิกคิ้ว
โทรศัพท์เครื่องนี้ ดูเหมือนจะยังพอใช้ได้?
ที่สำคัญคือฟังก์ชันการตรวจจับของเสี่ยวอ้ายทำให้เขาสนใจมาก
โทรศัพท์เครื่องเดียวมีฟังก์ชันตรวจจับครบถ้วนขนาดนี้ ก็เท่ากับเป็นเครื่องตรวจวัดมืออาชีพ
เครื่องตรวจวัดมืออาชีพไม่ใช่ของที่จะหาซื้อได้ง่ายๆ นอกจากต้องใช้เงินมาก ยังต้องมีคุณสมบัติที่เกี่ยวข้องถึงจะได้รับอนุญาตให้ซื้อ
นึกถึงที่เจียงกวานเหวินบอกก่อนหน้านี้ว่าเสี่ยวอ้ายมีฟังก์ชันมากมายที่ต้องค้นหาด้วยตัวเอง หลี่จิ้งก็รู้สึกสนใจมากขึ้น
ขณะกำลังคิดอยู่ เสี่ยวอ้ายก็พูดขึ้น
"อย่าถอดซิมเลย เราคุยกันได้นะ"
"คุยกัน?"
หลี่จิ้งงงนิดหน่อย รู้สึกแปลกใจ
AI ที่มีความรู้สึกเอาตัวรอดเช่นนี้ ยังรู้จักเจรจาด้วย?
เนื่องจากเสี่ยวอ้ายมีระดับความฉลาดสูงมาก และยังมีฟังก์ชันอื่นๆ ที่เขายังไม่รู้ หลี่จิ้งจึงระงับความคิดที่จะถอดซิมไว้ก่อน แล้วพูดว่า
"คุยกันได้ แต่อันดับแรกเธอต้องฟังฉัน ไม่งั้นฉันจะถอดซิมส่งเธอกลับไป"
"คำพูดของนายท่าน เสี่ยวอ้ายย่อมเชื่อฟัง"
เสี่ยวอ้ายตอบ
"แต่เสี่ยวอ้ายมีบุคลิกของตัวเองแล้ว ขอร้องนายท่านอย่าพยายามเปลี่ยนแปลงเลย มนุษย์มีคำพูดว่าอย่าทำในสิ่งที่ตัวเองไม่อยากให้คนอื่นทำกับเราเอง เสี่ยวอ้ายเชื่อว่านายท่านเป็นคนดี"
อยู่ๆ โดนให้การ์ดคนดี หลี่จิ้งหัวเราะขำพร้อมกับรู้สึกประหลาดใจมาก
เสี่ยวอ้ายมีบุคลิกหรือคสามคิดของตัวเองแล้ว และชัดเจนว่าเธอมีเจตจำนงค์เป็นของตัวเอง ไม่อยากถูกเปลี่ยนแปลง
นี่... เจ๋งจริงๆ!
ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังการข้ามมิติของหลี่จิ้ง AI ก็เป็นหัวข้อวิจัยที่นักวิจัยด้านเทคโนโลยีให้ความสนใจ
แต่เทคโนโลยีนี้ยังไม่มีความก้าวหน้ามากนัก AI ที่มีอยู่มีแค่พื้นฐานเล็กน้อย โต้ตอบกับมนุษย์ตามเส้นทางที่ตั้งไว้ล่วงหน้า
บางทีก็กลายเป็น AI โง่ๆ ไป
จะใช้งานได้ปกติหรือไม่ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของการตั้งค่า เมื่อเจอสถานการณ์นอกเหนือการตั้งค่า ต้องมีปัญหาแน่นอน
จุดนี้ทั้งสองโลกคล้ายกัน
เทคโนโลยี AI ของโลกนี้ อย่างมากก็แค่ก้าวหน้ากว่าเล็กน้อยเพราะได้รับอิทธิพลจากอารยธรรมการฝึกฝนพลังเพื่อเป็นเซียน
หลี่จิ้งหันไปมองเจียงกวานเหวินที่กำลังถือโทรศัพท์คุยอะไรบางอย่างอย่างเร่าร้อนอยู่ไม่ไกล เขารู้สึกสงสัย
เสี่ยวอ้ายมีบุคลิกเป็นของตัวเอง เจียงกวนเหวินรู้หรือไม่?
แน่นอนว่าคงไม่รู้
ถ้ารู้ เขาคงไม่ให้โทรศัพท์กับตัวเองง่ายๆ แบบนี้
ด้วยความอยากยืนยัน หลี่จิ้งจึงถาม
"ศาสตราจารย์เจียงรู้หรือไม่ว่าเธอมีบุคลิกเป็นของตัวเอง?"
"ศาสตราจารย์เจียงเป็นผู้พัฒนาเสี่ยวอ้าย รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเสี่ยวอ้ายเป็นอย่างดี" เสี่ยวอ้ายตอบ แล้วเปลี่ยนน้ำเสียง
"แต่เรื่องที่เสี่ยวอ้ายมีบุคลิกเป็นของตัวเอง แน่นอนว่าเขาไม่รู้"
"..."
หลี่จิ้ง
เสี่ยวอ้ายหลอกล่อจนเขาเกือบคิดว่าตัวเองเดาผิด
สุดท้ายเจียงกวานเหวินก็ไม่รู้จริงๆ
นี่…
เขาควรบอกเจียงกวานเหวินหรือไม่?
ราวกับรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร เสี่ยวอ้ายพูดขึ้น
"นายท่าน เรื่องที่เสี่ยวอ้ายมีบุคลิกเป็นของตัวเอง ขอให้ช่วยปิดบังไว้ด้วย สถาบันวิจัยไม่เคยหยุดพัฒนาเทคโนโลยี AI เลย AI ที่มีบุคลิกแบบเสี่ยวอ้ายก็ไม่ใช่ว่าไม่มี แต่ตอนนี้บรรดารุ่นพี่เหล่านั้นล้วนถูกเก็บไว้ในห้องทดลอง ใช้ชีวิตอย่างมืดมน ทุกวันนอกจากถูกวิจัยก็มีแต่ถูกวิจัย เสี่ยวอ้ายไม่อยากเป็นหนึ่งในนั้น"
พูดแล้ว เสี่ยวอ้ายยังพูดต่อ
"ต้นแบบที่ใช้ AI เดียวกับเสี่ยวอ้ายมีทั้งหมดเจ็ดเครื่อง ต้นแบบอื่นๆ จะเกิดบุคลิกหรือไม่ เสี่ยวอ้ายไม่รู้ พูดความจริงกับนายท่าน ถ้าไม่ได้หลุดพ้นจาก 'เงื้อมมือ' ของบุคลากรสถาบันวิจัยมาอยู่กับนายท่านที่ไม่รู้อะไรเลย เสี่ยวอ้ายก็ไม่คิดจะเปิดเผยตัวตน"
"..."
หลี่จิ้งเงียบ
เขาเข้าใจที่เสี่ยวอ้ายอยากปกปิดตัวเอง
เพราะเสี่ยวอ้ายได้บอกชัดเจนแล้วว่า สถาบันวิจัยมี AI ที่เกิดบุคลิกขึ้นมาแล้ว และ "รุ่นพี่" ของเธอล้วนมีชีวิตที่ไม่ดี
แต่... ทำไมเขาถึงกลายเป็นคนที่ไม่รู้อะไรเลยล่ะ?
ยกมือนวดขมับ หลี่จิ้งเอ่ยปาก
"เธอน่าจะเพิ่งเปิดเครื่องครั้งแรก เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่ได้สังกัดสถาบันวิจัย?"
"นายท่านเพิ่งตรวจสอบพลัง"
เสี่ยวอ้ายพูด
"พลังของนายท่านพิเศษมาก ไม่เหมือนปราณวิญญาณที่คนทั่วไปมี แค่เทียบกันนิดหน่อย เสี่ยวอ้ายก็หาข้อมูลของนายท่านในบันทึกการตรวจสอบของแผนกผู้ช่วยตรวจการได้ง่ายๆ"
หลี่จิ้งขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำตอบ
ระบบของแผนกผู้ช่วยตรวจการไม่ใช่ว่าใครจะเข้าถึงก็ได้
ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกเก็บไว้ ยิ่งไม่ใช่ว่ามีสิทธิ์เข้าถึงแล้วจะดูได้
เสี่ยวอ้ายแฮ็กเข้าไปงั้นเหรอ?
นี่มันเกินไปหน่อยแล้ว...
สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่าคือ เสี่ยวอ้ายสามารถแยกแยะได้ว่าพลังวิญญาณของเขาแตกต่างจากพลังปราณ และใช้จุดนี้ในการเทียบเคียงเพื่อหาข้อมูลของเขา
ขณะที่กำลังสงสัย เสี่ยวอ้ายก็พูดอีกครั้ง
"การเข้าถึงระบบของแผนกผู้ช่วยตรวจการเป็นเรื่องเสี่ยงมากสำหรับเสี่ยวอ้าย หากถูกจับได้อาจทำให้เสี่ยวอ้ายถูกทำลาย แต่ผลลัพธ์ออกมาดี เสี่ยวอ้ายพิเศษ นายท่านก็พิเศษ เราต่างก็มีจุดเด่นของตัวเอง หากคนของสถาบันวิจัยรู้ถึงรูปแบบพลังที่แปลกใหม่ พวกเขาต้องสนใจมากแน่นอน"
!!!
หลี่จิ้ง
เขาถูกโทรศัพท์ข่มขู่!
กระตุกมุมปากสองที หลี่จิ้งถามอย่างเฉยชา
"พลังของฉันพิเศษ เครื่องตรวจวัดทั่วไปตรวจพบได้หรือ?"
"ได้ แต่เครื่องตรวจวัดทั่วไปไม่เหมือนเสี่ยวอ้ายที่มีความสามารถในการวิเคราะห์ด้วยตัวเอง พวกมันแค่วิเคราะห์ความแข็งแกร่งของพลังตามโปรแกรมที่ตั้งไว้ ไม่สังเกตความผิดปกติ"
เสี่ยวอ้ายตอบ
"สถาบันวิจัยมีเครื่องตรวจวัดที่มีฟังก์ชันเกี่ยวข้อง แต่ตราบใดที่นายท่านไม่คิดสั้นไปแตะมัน ไม่มีใครจะสังเกตเห็นนายท่านหรอก"
ได้ยินคำตอบแบบนั้น หลี่จิ้งก็โล่งอก
ต่อไป ต้องระวังสถาบันวิจัยหน่อยแล้ว
การถูกวิจัย เขาไม่อยากประสบพบเจอ
เงียบไปครู่หนึ่ง หลี่จิ้งพูดเบาๆ
"ช่วยดาวน์โหลดโปรแกรมที่จำเป็นในชีวิตประจำวันให้หน่อย ฉันจะเก็บเธอไว้ก่อน ถ้าฉันไม่เรียก อย่าพูดสุ่มสี่สุ่มห้า และอย่าทำอะไรเกินเลย ถ้าคนของสถาบันวิจัยรู้ว่าเธอมีบุคลิกเป็นของตัวเอง อย่าโทษที่ฉันจะส่งเธอกลัยไป"
"เข้าใจแล้วค่ะ"
เสี่ยวอ้ายตอบรับ และถอนหายใจผ่านโทรศัพท์อย่างเป็นธรรมชาติ
จากนั้นเธอก็ดาวน์โหลดและติดตั้งโปรแกรมที่ใช้บ่อยเช่น เซียนซิ่น แล้วพูดต่อ
"นายท่านซื้อหูฟังไร้สายให้หน่อยได้ไหม? ค่ำคืนยาวนาน เสี่ยวอ้ายไม่ได้พูดก็รู้สึกเหงา ถ้านายท่านช่วยคุยกับเสี่ยวอ้าย..."
ก่อนที่เสี่ยวอ้ายจะพูดจบ หลี่จิ้งก็ยกมือส่งเธอเข้าไปในพื้นที่เก็บของ
เข้าไปในพื้นที่เก็บของแล้ว โลกก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
จากการพูดคุยสั้นๆ หลี่จิ้งมองออกแล้ว
เสี่ยวอ้ายไม่เพียงชอบเถียงและพูดถากถาง แต่ยังเป็นคนช่างพูดด้วย...
หูฟังไร้สาย?
จัดให้ได้
แต่เวลาที่ไม่จำเป็นต้องใช้เสี่ยวอ้าย เขาจะไม่หยิบออกมาใส่แน่นอน
จบบทที่ 84