บทที่ 79 บลัดดี้ปาร์ตี้
บทที่ 79 บลัดดี้ปาร์ตี้
ในทุก ๆ วินาทีลู่หยางจะสามารถสร้างความเสียหายได้มากกว่า 2,600 หน่วย ไทแรนท์สเกเลตัลจึงเริ่มสูญเสียพลังชีวิตของมันไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามเนื่องมาจากผลของผ้าคลุมสปอร์มันจึงทำให้บอสไม่ได้ให้ความสนใจชายหนุ่มและมุ่งโจมตีไปที่ผู้พิทักษ์ป่าบาปนิรันดร์เพียงอย่างเดียว
ความเร็วในการโจมตีของไทแรนท์สเกเลตัลไม่สูงมากนัก ทุกครั้งที่มีการฟันจะมีผลของสกิลดีม่อนโซสแลชติดมาด้วย มันจึงจำเป็นจะต้องสะสมพลังงานก่อนโจมตีเป็นเวลาประมาณ 1 วินาที
อย่างไรก็ตามดีม่อนโซสแลชก็ไม่สามารถสร้างอันตรายให้กับผู้พิทักษ์ป่าบาปนิรันดร์ได้เลย การโจมตีของไทแรนท์สเกเลตัลจึงสามารถสร้างความเสียหายให้กับผู้พิทักษ์ป่าบาปนิรันดร์ได้เพียงแค่ครั้งละประมาณ 200 หน่วยเท่านั้น
หลังจากเวลาผ่านพ้นไป 10 วินาที ลู่หยางก็สามารถสร้างความเสียหายให้กับไทแรนท์สเกเลตัลได้มากกว่า 26,000 หน่วย แต่บอสก็สร้างความเสียหายให้กับผู้พิทักษ์ป่าบาปนิรันดร์จนเหลือพลังชีวิตเพียงแค่ประมาณ 1,000 หน่วยเท่านั้นเอง
ลู่หยางคาดเดาสถานการณ์นี้ล่วงหน้าเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว เขาจึงสวมแหวนรักษาที่ได้รับเป็นของขวัญมาจากซุนหยูจนทำให้มีไอคอนสีขาวเพิ่มขึ้นมาในหน้าต่างสกิล
ลู่หยางมีพลังเวท 247 หน่วย หลังจากที่เขาใช้สกิลรักษาผู้พิทักษ์ป่าบาปนิรันดร์ 10 ครั้งติดต่อกัน พลังชีวิตของมันก็กลับมาเต็มเปี่ยมอีกครั้ง ชายหนุ่มจึงหันไปทำการจู่โจมเข้าใส่ไทแรนท์สเกเลตัลต่อ
หากมีใครได้มาเห็นลู่หยางสู้กับบอสแบบนี้ พวกเขาคงจะตกตะลึงอย่างแน่นอนและมันก็คงจะไม่มีใครกล้าเลียนแบบชายหนุ่มในระยะเวลาอันสั้น เพราะสิ่งที่ลู่หยางทำคือการท้าทายบอสด้วยตัวคนเดียว!
มันจำเป็นจะต้องต้องใช้ความกล้าหาญและความมั่นใจมากขนาดไหนถึงจะกล้าทำเรื่องเสี่ยง ๆ แบบนี้ได้ อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นี้กลับกลายเป็นเรื่องธรรมดาที่พบเห็นได้โดยทั่วไปหลังจากเวลาล่วงเลยผ่านไปอีกเป็น 10 ปี
เพราะหากผู้เล่นคนไหนต้องการจะพิสูจน์ว่าตัวเองคือผู้เล่นระดับสูง อันดับแรกพวกเขาจะต้องโพสต์คลิปวิดีโอการเผชิญหน้ากับบอสเพียงลำพัง เมื่อนั้นพวกเขาจึงจะเริ่มถูกยอมรับว่าเป็นผู้เล่นระดับสูงจากทุกคน
หากผู้เล่นไม่ทำการโพสต์คลิปโซโล่บอส แม้ว่าเขาจะสามารถสังหารผู้เล่นนับหมื่นได้เพียงลำพัง แต่คนอื่นก็ยังคงมองว่าผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นเป็นพวกขี้ขลาดที่ชอบโจมตีก่อนที่ศัตรูจะทันได้รู้ตัว
ด้วยวัฒนธรรมที่พัฒนาไปในแนวทางนี้นั่นเองมันจึงทำให้ผู้เล่นมากมายพยายามท้าทายขีดจำกัดเพื่อไขว่คว้าเกียรติยศมาครอบครอง แน่นอนว่าลู่หยางก็เคยเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญที่โซโล่บอสด้วยเช่นกัน และเขาก็ยังไม่ได้ทำเรื่องแบบนี้เพียงครั้งเดียว แต่ได้ทำการต่อสู้กับบอสเพียงลำพังหลาย ๆ ครั้งถือว่ามันเป็นการฝึกฝนภายในตัว
ยิ่งไปกว่านั้นการท้าทายบอสในครั้งนี้ยังไม่ใช่การท้าทายบอสเลเวลต่ำในหมู่บ้านเริ่มต้น แต่เป็นการท้าทายบอสระดับลอร์ดเลเวล 30 ทั้ง ๆ ที่ตัวเองมีเลเวลเพียงแค่ 10 เท่านั้น ทุกสิ่งที่เขาแสดงออกมาจึงจำเป็นจะต้องสมบูรณ์แบบ เพราะถ้าหากว่ามันมีอะไรผิดพลาดแม้แต่เพียงนิดเดียว การโจมตีของบอสเพียงแค่ครั้งเดียวก็มากพอที่จะจบการต่อสู้ในครั้งนี้ได้เลย
“เจ้ามนุษย์ที่น่ารังเกียจ ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสกับความตาย!” เมื่อพลังชีวิตของไทแรนท์สเกเลตัลถูกลดลงไป 20% มันก็เริ่มยกค้อนหัวกะโหลกขึ้นไปบนฟ้าด้วยความโกรธ
แสงสีแดงเลือดเริ่มไหลออกมาจากดวงตาหัวกะโหลกทุกหัวที่อยู่บนค้อน สีสันที่เกิดจากพวกมันกลายเป็นแสงสีที่น่าหลงใหล แต่เมื่อแสงสีเหล่านี้ออกห่างจากค้อนหัวกะโหลกประมาณ 5 เมตร พวกมันก็แตกออกกลายเป็นดวงวิญญาณสีแดงนับหมื่นในทันที เผยให้เห็นว่าแท้ที่จริงแสงสีแดงเหล่านั้นคือดวงวิญญาณที่ถูกบีบอัดไปรวมตัวกัน
ดวงวิญญาณไม่ได้พุ่งเข้าหาลู่หยางในทันที แต่ลอยสูงขึ้นสู่ท้องฟ้าและเริ่มทำการโจมตีแบบสุ่มโดยไม่สนใจค่าความเกลียดชัง
หลังจากดวงวิญญาณลอยขึ้นถึงจุดสูงสุด พวกมันก็พุ่งลงมายังพื้นในรัศมี 30 เมตร ซึ่งลู่หยางมีเวลาในการหลบเลี่ยงเพียงแค่ 0.5 วินาทีเท่านั้น และเขาก็ยังไม่สามารถใช้สกิลแฟลชเพื่อหลบหนีไปล่วงหน้าได้อีกด้วย เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาใช้สกิลแฟลชออกมาเร็วเกินไป บลัดดี้ปาร์ตี้ก็จะเปลี่ยนทิศทางในทันที แต่ถ้าหากว่าเขาใช้สกิลแฟลชเชื่องช้ามากจนเกินไป เขาก็จะได้รับความเสียหาย 5,000 หน่วยและเสียชีวิตลงไปอย่างไม่ต้องสงสัย
ชายหนุ่มจ้องมองดวงวิญญาณสีแดงเลือดบนท้องฟ้าอย่างตื่นเต้น และถึงแม้การโจมตีนี้จะเป็นการโจมตีแบบกลุ่ม แต่อย่าลืมว่าในปัจจุบันเป้าหมายสำหรับการโจมตีมีเพียงแค่สองเป้าเท่านั้น ตราบใดก็ตามที่การโจมตีถูกปลดปล่อยออกมาหนึ่งในการโจมตีนั้นย่อมมุ่งหน้าเข้ามาหาเขาอย่างแน่นอน
บลัดดี้ปาร์ตี้!
แขนของไทแรนท์สเกเลตัลตวัดลงพร้อม ๆ กับร่างของลู่หยางที่สว่างวาบกลายเป็นลำแสงหายตัวไป หลังจากนั้นในเวลาเพียงแค่เสี้ยววินาทีวิญญาณสีแดงเลือดก็พุ่งลงมายังตำแหน่งที่ชายหนุ่มเคยยืนอยู่
พลาด!
ลู่หยางหลบบลัดดี้ปาร์ตี้ครั้งแรกได้สำเร็จจนทำให้ชายหนุ่มอดที่จะกำหมัดด้วยความสะใจขึ้นมาไม่ได้ แล้วถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ท้าทายบอสภายในเกมมาเป็นเวลานานกว่าห้าปีแล้ว แต่ประสบการณ์การใช้ชีวิตเป็นทหารรับจ้างในช่วง 5 ปีสุดท้ายของชีวิตกลับทำให้เขามีความมั่นใจในสัญชาตญาณของตัวเองสูงขึ้นกว่าเดิม
หลังการโจมตีของวิญญาณสีเลือดสิ้นสุดลง พวกมันก็บินกลับเข้าไปภายในค้อนของไทแรนท์สเกเลตัลอีกครั้ง แล้วในชั่วขณะที่วิญญาณนับหมื่นกลับเข้าไปในอาวุธ ไทแรนท์สเกเลตัลก็ยกค้อนขึ้นสูงพร้อมกับฟาดลงมาอย่างรุนแรง
ดีม่อนด์โซลสแลช!
การโจมตีของบอสเป็นการโจมตีที่น่ากลัวมาก แต่น่าเสียดายที่ความเสียหายธาตุวิญญาณไม่มีผลกับผู้พิทักษ์ป่าบาปนิรันดร์เลยแม้แต่นิดเดียว การโจมตีนี้จึงสามารถสร้างความเสียหายได้เพียงแค่ 202 หน่วย
ปัจจุบันผู้พิทักษ์ป่าบาปนิรันดร์มีพลังชีวิตเหลืออยู่ประมาณ 1,600 หน่วย ขณะที่มานาของลู่หยางก็ยังเหลืออยู่อีกประมาณ 400 หน่อย
ชายหนุ่มใช้สกิลฮีลออกไป 10 ครั้งติดต่อกันแล้วมานาของเขาสิ้นสุดลงเขาก็ใช้สกิลอเวคเพื่อฟื้นฟูมานา
พลังงานเวทมนตร์สีฟ้าห้อมล้อมชายหนุ่มเหมือนกับพายุ และเมื่อมานาฟื้นฟูกลับมามากกว่า 1,900 หน่วยแล้วลู่หยางก็เริ่มทำการโจมตีอีกครั้ง
ไม่นานไทแรนท์สเกเลตัลก็ถูกลู่หยางลดพลังชีวิตลงไปอีก 20% ทำให้มันเหลือพลังชีวิตอยู่เพียงแค่ 60% เท่านั้น
“เจ้ามนุษย์ที่โง่เขลา! จงสละวิญญาณของเจ้าให้ข้าซะ!!” ไทแรนท์สเกเลตัลยกอาวุธขึ้นบนฟ้า ก่อนที่วิญญาณสีแดงนับหมื่นจะแตกตัวออกมาจากหัวกะโหลกอีกครั้ง
เมื่อมีประสบการณ์จากครั้งที่แล้วลู่หยางก็มีความมั่นใจที่จะต้องเผชิญหน้ากับบลัดดี้ปาร์ตี้มากขึ้น เขาจึงฉวยโอกาสในตอนที่วิญญาณเพิ่งพุ่งออกมาในการใช้เบลซซิงเบิร์สยิงสวนกลับไปรอจนกระทั่งบอสออกสกิลเขาจึงหยุดเคลื่อนไหวเพื่อรอจังหวะหลบหลีก
บลัดดี้ปาร์ตี้!
ไทแรนท์สเกเลตัลชี้อาวุธไปที่ลู่หยาง
วิญญาณนับหมื่นพุ่งเป้าเข้าหาชายหนุ่มด้วยความเร็วที่ยากจะมองเห็น ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้นร่างของลู่หยางก็กลายเป็นลำแสงสีขาวก่อนที่เขาจะไปปรากฏตัวบนบัลลังก์
พลาด!
ลู่หยางหลบบลัดดี้ปาร์ตี้ได้สำเร็จอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะได้พบว่าตราสัญลักษณ์เปลวไฟบนหัวบอสจากสกิลคอมบัสชันได้หายไปแล้วเขาจึงใช้สกิลคอมบัสชันออกไปอีกห้าครั้ง
ตอนนี้มานาของเขาลดลงมาเหลือน้อยมากแล้ว ชายหนุ่มจึงหยิบน้ำยาฟื้นฟูมานาขวดกลางออกมาจากกระเป๋าทำให้มานาของเขาฟื้นฟูกลับมาทันที 1,500 หน่วย
…
2 นาทีต่อมาลู่หยางกระโดดหลบบลัดดี้ปาร์ตี้ของไทแรนท์สเกเลตัลเป็นครั้งที่ 3 และทำให้พลังชีวิตของบอสลดลงมาเหลือแค่ 30%
ตอนนี้ลู่หยางหยุดการโจมตีและรีบรักษาผู้พิทักษ์ป่าบาปนิรันดร์ที่เหลือพลังชีวิตแค่ 800 หน่วย จากนั้นเขาก็ใช้สกิลอเวคเพื่อทำการฟื้นฟูมานาของตัวเองกลับคืนมา
เมื่อพลังชีวิตของไทแรนท์สเกเลตัลเหลือน้อยกว่า 30% มันจะถือว่าเป็นช่วงยากที่สุดในการต่อสู้กับบอส เพราะในช่วงนี้เป็นช่วงที่บอสเข้าสู่สภาวะคลั่ง ความเร็วในการโจมตีของบอสจะเพิ่มขึ้น 100%, ความเสียหายจะเพิ่มขึ้น 30%, ความเร็วในการร่ายเวทจะเพิ่มขึ้น 100% และความถี่ในการใช้สกิลจะเพิ่มขึ้น 100%
สาเหตุที่ทีมบุกเบิกไม่สามารถเอาชนะบอสได้ในตอนนั้นนั่นก็เพราะความยากในตอนที่บอสอยู่ในโหมดคลั่งนี่เอง เพราะไม่ว่าทีมบุกเบิกจะขนสมาชิกมาเท่าไหร่ ตราบใดก็ตามที่บอสใช้บลัดดี้ปาร์ตี้ออกมาติดต่อกัน ในท้ายที่สุดผู้เล่นก็จะถูกสังหารลงไปทั้งหมด
ระบบ: ไทแรนท์สเกเลตัลเข้าสู่สภาวะคลั่ง
โครงกระดูกที่เคยมีสีเทาเข้มเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงสดอย่างฉับพลัน จากนั้นการโจมตีที่เคยฟาดค้อนลงมาทุก ๆ 1.5 วินาทีก็มีความถี่ลดลงมาเหลือเพียงแค่ 0.75 วินาทีเท่านั้น
-254, -239, -241,…
โชคดีที่ลู่หยางเคยดูวิดีโอการต่อสู้กับบอสตัวนี้มาก่อน ไม่อย่างนั้นหากเขาไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับสภาวะคลั่งของบอสเอาไว้ การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันนี้ก็น่าจะมากพอที่จะสังหารผู้พิทักษ์ป่าบาปนิรันดร์ไปได้แล้ว
แต่ถึงแม้ชายหนุ่มจะสำรองมานาเอาไว้ล่วงหน้า ผู้พิทักษ์ป่าบาปนิรันดร์ก็ยังต้านทานการโจมตีของบอสเอาไว้ได้อย่างยากลำบากอยู่ดี ลู่หยางจำเป็นจะต้องใช้สกิลฮีลออกมาอย่างต่อเนื่อง มันจึงไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงการโจมตีสวนกลับไปในช่วงเวลานี้เลย
ระหว่างนั้นชายหนุ่มก็ได้วิ่งลงจากบัลลังก์ ซึ่งหลังจากที่เขาอยู่ห่างจากผู้พิทักษ์ป่าบาปนิรันดร์ 30 เมตรเขาก็ได้วางโมบายดัมมี่ลงกับพื้น
โมบายดัมมี่คือไอเท็มพิเศษที่ลู่หยางได้สร้างมันขึ้นมาหลังจากที่ได้เรียนวิชาวิศวกรรมก็อบลิน ซึ่งหุ่นนี้มีสกิลให้ใช้งานได้เพียงสกิลเดียว แต่สกิลนั้นมันก็คือสกิลยั่วยุที่สามารถดึงบอสให้เปลี่ยนเป้าหมายมาทำลายโมบายดัมมี่ก่อนได้
อีกนิดเดียว สู้โว๊ยยยยยย