บทที่ 42 :การควบคุมข้อมูลและการเยี่ยมชม
บทที่ 42 :การควบคุมข้อมูลและการเยี่ยมชม
ลู่หย่วนหมิงเข้าไปในอินเทอร์เน็ตเพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเขตพื้นที่และสิ่งที่เกิดขึ้นล่าสุด
จากการสนทนาของตำรวจและกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอาคาร C นั้นไม่ใช่ครั้งแรกและมีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นทั่วประเทศ อาจเกิดขึ้นทั่วโลกด้วยซ้ำ
เหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่ทำให้คนตายนับร้อยคนในครั้งเดียว คงไม่สามารถปกปิดหรือกำจัดข่าวจากโลกอินเทอร์เน็ตในปัจจุบันได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะปกปิดได้ แม้แต่รัฐบาลที่ทรงพลังที่สุดก็ไม่สามารถทำได้ อีกอย่างที่นี่ไม่ใช่ประเทศในนิยายที่สามารถปกปิดได้ทุกเรื่อง หากมีอินเทอร์เน็ตเปิดอยู่ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะปกปิดได้ บางทีเขาก็ยังสามารถค้นพบเบาะแสบางอย่างได้
ผลปรากฏว่าลู่หย่วนหมิงค้นหาข้อมูลบนแพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ตต่าง ๆ โดยใช้คำว่า "เหตุการณ์สำคัญ" "จำนวนผู้เสียชีวิต" "ภัยพิบัติครั้งใหญ่" "เขตควบคุม" และอื่น ๆ แล้วเขาก็ค้นพบข่าวสารชุดหนึ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2024
จากเวลาที่ปรากฏในข่าว สถานที่เกิดเหตุและวิดีโอหรือภาพถ่ายบางส่วนที่ถูกบันทึกไว้ เหตุการณ์หายนะครั้งแรกเกิดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่นในเมืองเกียวโต มีการประกาศเขตควบคุม จากภาพและวิดีโอที่ปรากฏ เริ่มเห็นกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นเป็นกลุ่ม ๆ เดินเข้าไปในเขตควบคุม แต่ข่าวสารส่วนใหญ่รวมถึงวิดีโอและภาพถ่ายถูกแบน ดังนั้นจึงไม่มีข้อมูลว่าญี่ปุ่นแก้ปัญหาได้อย่างไร และมีผู้เสียชีวิตกี่ราย
หลังจากที่ประเทศญี่ปุ่นพบเหตุการณ์นี้เป็นรายแรก ก็มีประเทศที่เจอเหตุการณ์แบบนี้อีกไม่ว่าจะเป็น สหรัฐอเมริกา แคนาดาในอเมริกาเหนือ ประเทศบางประเทศในอเมริกาใต้ แล้วตามด้วยยุโรป ส่วนเอเชียนั้น จีนคือประเทศแรกที่พบเหตุการณ์นี้ในช่วงกลางถึงปลายเดือนมีนาคมที่ปักกิ่ง มีเพียงภาพถ่ายไม่กี่ภาพ และภาพถ่ายเหล่านั้นไม่ได้ถ่ายเขตควบคุมแต่มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ข้อมูลในนี้ไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่
ลู่หย่วนหมิงค้นหาข้อมูลอย่างละเอียดบนทุกแพลตฟอร์มบนอินเทอร์เน็ต เขานับดูแล้วพบว่าในช่วงเวลาไม่กี่เดือนมานี้ เกิดเหตุการณ์ที่อาจเป็นฝีมือของพวกสัตว์ประหลาดและคำสาปทั่วโลกอย่างน้อยหนึ่งร้อยครั้ง โดยไม่ทราบจำนวนผู้เสียชีวิตที่แท้จริง รวมถึงระยะเวลาที่เกิดขึ้นด้วย แต่จากการที่ข่าวถูกปิดบังและข้อมูลของชาวเน็ตบางส่วนถูกลบ คาดว่ามีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก มิฉะนั้นข้อมูลคงจะไม่ถูกลบแบบบ้า ๆ บอ ๆ ไปแบบนี้หรอก
ในขณะเดียวกันลู่หย่วนหมิงก็เห็นภาพถ่ายและวิดีโอที่ชาวเน็ตโพสต์เมื่อวานนี้ มีการโพสต์ทั้งบน Weibo มันคือภาพมุมหนึ่งของถนนหน้าอาคาร C บริเวณนั้นถูกปิดด้วยสายเตือนภัย พร้อมกับการอพยพประชาชนในอาคาร C นอกจากตำรวจแล้ว ยังมีกองกำลังทหารและยังสงสัยว่ามีกองทัพประชาชนเข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย
วิดีโอนั้นสั้นมาก ภาพก็มีไม่กี่ภาพ ลู่หย่วนหมิงมองดูภาพในวิดีโอและภาพถ่ายอย่างละเอียด เขามองไม่เห็นอะไรเลยหรืออาจจะเป็นเพราะวิดีโอและภาพถ่ายไม่สามารถจับภาพสิ่งเหล่านั้นได้ แต่ดูจากสถานการณ์แล้วอาจเป็นเพราะสัตว์ประหลาด คำสาป หรือสิ่งที่คล้ายกันนั้นระเบิดออกมา ไม่อย่างนั้นคดีอาญาธรรมดาก็ไม่น่าจะมีกองทัพประชาชนเข้ามาเกี่ยวข้องได้
นอกเหนือจากวิดีโอแล้ว ยังมีกระทู้และบล็อกโพสต์อีกหลายอันที่พูดถึงเรื่องของ WH แต่ภาพและวิดีโอทั้งหมดถูกลบไปแล้วลู่หย่วนหมิงจึงไม่ทราบรายละเอียด
เขาเริ่มค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับวิดีโอแต่หลังจากค้นหาไปรอบหนึ่งแล้วกลับมาดูอีกครั้ง กระทู้และโพสต์บนอินเทอร์เน็ตที่เผยแพร่ข้อมูลวิดีโอก็ถูกลบไปแล้ว ไม่พบข้อมูลใด ๆ เลย ทำให้ลู่หย่วนหมิงถึงกับตาค้าง
“…ไม่สิ ลบเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ลู่หย่วนหมิงอดไม่ได้ที่จะด่าออกมา แต่แล้วเขาก็คิดได้ว่าสถานการณ์ตอนนี้จำเป็นต้องปิดกั้นข้อมูลจริง ๆ
ไม่ใช่แค่สิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวเหล่านั้น แต่แค่รู้จักหรือพูดถึงข้อมูลของมันก็ทำให้คนเกิดการกลายพันธุ์ได้ ถึงการบอกข้อมูลจะทำให้กลายพันธุ์รุนแรงน้อยกว่าการจ้องมองมันเพียงเล็กน้อย แต่ก็เป็นอันตรายถึงชีวิตสำหรับคนธรรมดา
เรื่องราวที่ถังเจ๋ออันเล่าให้ฟังนั้นเกี่ยวข้องกับโลกแห่งสสารมืดและสัตว์ประหลาดปีศาจคำสาปต่าง ๆ ตามข้อมูลจากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา ยิ่งเรารู้จักโลกแห่งสสารมืดมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งรับรู้ถึงการมีอยู่ของสัตว์ประหลาด ปีศาจ คำสาปมากขึ้นเท่านั้น และนั่นหมายถึงการดึงดูดสิ่งเหล่านั้นเข้ามาหาเรา ยิ่งรู้มากยิ่งมีโอกาสถูกโจมตีมากขึ้น แต่ในเส้นเวลาปี 2028 นั้น ไม่มีเรื่องราวใดเกี่ยวกับเขตการแพร่กระจายของสัตว์ประหลาดปีศาจคำสาปเลย ถึงแม้ว่าพวกมันจะน่ากลัวและฆ่าไม่ตาย แต่เราก็ยังสามารถไล่พวกมันออกไปหรือระเบิดพวกมันให้แหลกละเอียดได้ อาวุธของมนุษย์มีผลต่อพวกมัน ซึ่งช่วยยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นได้อย่างมาก
แต่ในเส้นเวลาปี 2024 ปัจจุบันนี้ การมีอยู่ของพวกมันได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก พวกมันครอบครองสิ่งที่ไม่รู้จัก ซึ่งแม้ว่าจะมีขนาดเล็กมาก เล็กกว่าฝุ่นละออง แต่ก็สามารถขยายขนาดได้อย่างมหาศาล ครอบคลุมพื้นที่หลายร้อยตารางเมตรหรือแม้กระทั่งพันตารางเมตร ภายในบริเวณดังกล่าวคำสาปและสัตว์ประหลาดพวกนั้นได้รับการเสริมพลังอย่างมาก ในขณะที่อาวุธทางเทคโนโลยีของมนุษย์กลับถูกจำกัด จนส่งผลให้เกิดเขตภัยพิบัติขึ้นทั่วโลก
“……พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ก็ต้องควบคุมข้อมูลจริง ๆ แหละ เพราะยิ่งรู้มากยิ่งมีโอกาสถูกสัตว์ประหลาด ปีศาจสาปแช่งตามรังควาน ยกเว้นจะทำลายเขตนี้หรือหาสาเหตุที่ทำให้เขตนี้เกิดขึ้น ไม่เช่นนั้นด้วยวิทยาศาสตร์ของมนุษย์ในปัจจุบันก็ไม่มีทางสู้กับพวกมันได้เลย”
ลู่หย่วนหมิงปิดคอมพิวเตอร์ เขาเหลือบมองนาฬิกา เวลาตอนนี้คือ 23.53 น. กำลังจะถึงเที่ยงคืน
เขาเพิ่งกลับมาจากอาคาร C ไม่ถึงเก้าโมง เขาคิดว่าไม่เกินชั่วโมง พวกเจ้าหน้าที่ของรัฐก็ต้องตามหาเขาแล้ว อาจจะเป็นตำรวจหรืออาจจะเป็นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ หรือบางทีเขายังนึกภาพทหารขับรถถังมาเลย... ถ้าเป็นกันดั้มมาขับด้วยจะดีมาก แต่แน่นอน ในโลกนี้ไม่มีกันดั้มอยู่หรอก
เจาคิดว่าพวกเจ้าหน้าที่ของรัฐกำลังเดินทางมาแล้ว แต่ใครจะไปรู้กันเล่า ว่าเขาต้องรอเกือบเที่ยงคืนก็ยังไม่เห็นเงาเลยคนเหล่านั้นเลย
มันค่อนข้างน่าอายนะ
“หรือว่าพวกเขาไม่เจอข้อมูลของเรากันนะ? แค่ใส่หน้ากากอุลตร้าแมน เสื้อผ้าก็ไม่ได้เปลี่ยน ส่วนสูงก็เห็นชัด พวกเขาแค่สั่งให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ทั่วหมู่บ้าน ก็หาเราเจอได้ง่าย ๆ นี่นา”
ลู่หย่วนหมิงจมอยู่กับความสงสัยในตัวเอง เขาหยิบหน้ากากอุลตร้าแมนขึ้นมาจ้องมองซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งเขาเริ่มสงสัยว่าหน้ากากอุลตร้าแมนนี้ อาจได้รับพลังบางอย่างจากลำดับชั้นเหมือนกับแว่นตาของซูเปอร์แมนก็ได้ ถ้าใส่แว่นตา ไม่ว่าจะทำอะไรคนอื่นก็จะไม่สามารถรู้ตัวตนเราได้
หากเป็นเช่นนั้น สถานการณ์ก็ยิ่งดูเลวร้าย ลู่หย่วนหมิงตั้งใจจะติดต่อกับรัฐบาล เนื่องจากเป็นวิธีที่รวดเร็วที่สุดในการหาข้อมูล เขาไม่สามารถเดินทางกลับไปยังโลกแห่งสสารมืดในปี 2028 ได้แล้ว และด้วยความช่วยเหลือของรัฐบาล เขาอาจจะสามารถเข้าไปในเขตเหล่านั้นเพื่อค้นหาสิ่งที่ไม่รู้จักได้ ยิ่งได้มามากเท่าไหร่ มันก็อาจจะพาเขากลับไปยังโลกแห่งสสารมืดได้
ไม่ว่าจะอย่างไร นี่คือวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้เขาได้พลังกลับคืนมา
หากเขาไม่สามารถติดต่อกับรัฐบาลได้ แล้วเขาจะหาข้อมูลพวกนั้นได้อย่างไร เขาไม่สามารถไปที่สถานีตำรวจเพื่อแจ้งความว่าตัวเองเป็นอุลตร้าแมน หรือเป็นฮีโร่ในวันนั้นได้หรอกนะ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ความหงุดหงิดก็เริ่มแผ่ซ่านขึ้นมา เขาเดินออกมาจากห้อง ในขณะนั้นพ่อแม่ของเขานอนหลับแล้ว เหลือเพียงน้องสาวที่กำลังทำอาหารว่างในครัว
น้องสาวของเขาพอเห็นลู่หย่วนหมิงเดินออกมาที่ห้องนั่งเล่น จึงตะโกนจากห้องครัวไปว่า “ดึกขนาดนี้แล้วยังไม่นอนอีกเหรอ? จะกินมาม่าหรือเปล่า? เดี๋ยวทำให้”
ลู่หย่วนหมิงยิ้มแล้วตอบว่า “……อืม ได้สิ มาม่าของมินมิน อร่อยที่สุดเลย”
ลู่หย่วนหมิน น้องสาวของเขา เดินไปยืนที่หน้าประตูครัว ใบหน้าเย็นชา “……อยากตายรึไง!?”
“ฉันเกลียดพวกผู้ชายวัยรุ่นแบบพวกพี่มาก ทำไมไม่พูดดี ๆ ทำไมต้องพูดจาล้อกันแบบนี้ พี่กับเพื่อน ๆ ของพี่ก็เหมือนกัน อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าพวกพี่คุยกันเรื่องอะไร เรียกแต่ ‘มินมิน’ ไปเรื่อย แล้วก็ เรียกชื่อฉันให้เต็มด้วย!”
ลู่หย่วนหมิงถึงกับเงียบกริบ โลกเป็นพยานได้เลย เขาสาบานได้ว่าเขาไม่ได้คิดอะไรแปลก ๆ แค่นึกออกเฉย ๆ พอโดนด่าแบบนี้เลยเงียบไม่ตอบ ลู่หย่วนหมิน น้องสาวของเขาจ้องเขานิ่ง ๆ อยู่หลายวินาทีก่อนจะหันกลับไปทำมาม่าต่อ พร้อมกับถามว่า “ตื่นแล้ว ต่อไปจะทำอะไร?”
ลู่หย่วนหมิงจะไปตอบว่า “จะไปเป็นผู้ช่วยโลก” หรือ “จะไปเป็นอุลตราแมน” (หรือฮีโร่) ก็คงไม่ได้ เลยเงียบไปดีกว่า
น้องสาวของเขาพูดต่อ "ที่พี่ถูกชน ตอนนั้นประกันจ่ายค่าชดเชยมาแล้ว เจ้าของรถอีกฝ่ายก็จ่ายมาอีก รวม ๆ แล้วน่าจะได้ประมาณล้านหยวน พี่เป็นเจ้าชายนิทราอยู่ปีนึงแต่ค่าใช้จ่ายตลอดปีก็เยอะอยู่แต่ก็ยังเหลืออีกประมาณแปดแสน พ่อกับแม่เก็บไว้ให้พี่เงินทั้งหมดเป็นของพี่ แต่ถึงยังไงพี่ปลอดภัยก็ดีแล้ว ฉันจะไม่เอาแม้แต่หยวนเดียว คราวนี้ฉันมั่นใจว่าจะสอบติดมหาวิทยาลัยดี ๆ ได้แน่ เงินค่าเล่าเรียนพ่อกับแม่จะออกให้เอง พอฉันเรียนจบก็คงหาได้งานดี ๆ สักที่..."
ลู่หย่วนหมิงนั่งฟังน้องสาวบ่นพึมพำเรื่องบ้านเรื่องช่อง เรื่องครัว เรื่องเรือน เขาเองก็รู้สึกใจหายเหมือนกัน "มินมิน...ลู่หย่วนหมิน ตอนนี้สถานการณ์นอกบ้านมันดูจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เธอไม่คิดจะเลือกเรียนมหาวิทยาลัยในเฉิงตูเหรอ? อย่างมหาวิทยาลัยเฉิงตูก็เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำเหมือนกันนะ"
"ฉันจะสอบติดมหาวิทยาลัยที่ดีกว่านั้นให้ได้" ลู่หย่วนหมินตอบอย่างไม่ลังเล "ด้วยผลการเรียนของฉัน แม้แต่ปักกิ่งฉันก็มีสิทธิ์สอบติด แล้วทำไมจะไม่ไปเรียนมหาวิทยาลัยดี ๆ เหล่านั้นล่ะ ฉันไม่เหมือนพี่หรอกที่อยู่แต่ในโลกส่วนตัว เรียนมหาวิทยาลัยสามัญ พอเรียนจบก็หางานไม่ได้ ไปสัมภาษณ์งานก็โดนรถชนกลายเป็นเจ้าชายนิทรา ถ้าพี่โชคไม่ดีอาจจะไม่ตื่นขึ้นมาเลยก็ได้ ฉันไม่เอาหรอก ฉันจะเรียนมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดแล้วเรียนต่อจนถึงระดับสูงสุดในมหาวิทยาลัย พอจบออกมาก็จะไปทำงานที่บริษัทที่ดีที่สุด! นี่คือแผนชีวิตของฉัน พี่ก็รู้มาตั้งนานแล้วนิ!"
ลู่หย่วนหมิงเงียบไปทันที เวลาผ่านไปอีกไม่กี่นาที ลู่หย่วนหมินก็ยกชามมาม่าสองชามออกมา ชามหนึ่งสำหรับตัวเอง อีกชามหนึ่งสำหรับลู่หย่วนหมิง ทั้งคู่ก็เงียบ ๆ ไม่พูดอะไร กินไป ลู่หย่วนหมิงก็ถอนหายใจไป
ระหว่างที่กำลังกินอยู่ ลู่หย่วนหมิงก็เอ่ยขึ้นมาว่า "เธอคิดว่า... พี่ทำให้เธอรู้สึกอายเหรอ? เพื่อนสนิทของเธอมีพี่ชายจบจากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดแล้วก็กลับมาเปิดบริษัทเกาเคอจีอินเทอร์เน็ตทันทีเลย ตอนวันเกิดพี่ชายของเธอยังซื้อรถให้ด้วย แต่พี่เป็นแค่เด็กมหาวิทยาลัยสามัญชนธรรมดา จบออกมาหาความมั่นคงก็ยังไม่ได้ พี่เลยทำให้เธอรู้สึกอายใช่ไหม..."
ใบหน้าของลู่หย่วนหมินเปลี่ยนไปทันที เธอกระแทกโต๊ะอย่างแรงแล้วลุกขึ้นไปหยิบเกลือจากในครัว ลู่หย่วนหมิงเห็นว่าน้องสาวของเขาตักเกลือลงไปในชามมาม่าอย่างหนักหน่วง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "เธอไม่ใช่เพื่อนสนิทของฉันแล้ว! และที่บ้านเธอก็ร่ำรวยอยู่แล้ว พี่ชายของเธอก็ใช้เงินที่บ้านเรียนออกซฟอร์ด กลับมาเปิดบริษัทอะไรก็ใช้เงินของที่บ้านทั้งนั้น แม้แต่การเรียนโรงเรียนมัธยมปลายเขาก็ใช้เงินไม่รู้เท่าไหร่ ฉันรู้เรื่องพวกนี้ดี แต่ที่ฉันโกรธไม่ใช่เรื่องนี้หรอก แต่ตอนนั้น พี่ไปพูดชมเชยพวกนั้นทำไม? บ้านของเราไม่ได้รวยแต่พ่อแม่ของเราเป็นคนขยันขันแข็งมาก ท่านทั้งสองเลี้ยงดูเรา ส่งเราเรียน ทำให้เราได้กินอิ่มนอนอุ่นไม่เคยขาดตกบกพร่องอะไรเลย พี่อาจจะเรียนไม่เก่ง สอบไม่ดี แต่พี่ก็เป็นคนดีไม่เคยทำผิดกฎหมายหรือฉ้อโกงอะไร แล้วทำไมถึงต้องไปด้อยค่าตัวเองแล้วชมคนอื่นแบบนั้น??"
ลู่หย่วนหมิงยิ้มอย่างขมขื่น "ก็เพราะเธอเป็นน้องสาวไง พี่ไม่อยากทำเป็นเก่งหรือดูถูกเงินทองจนทำให้เธอต้องลำบากใจเวลาอยู่กับเพื่อน ๆ ..."
"คำชมของพี่นั่นแหละที่ทำให้ขายหน้า!" ลู่หย่วนหมินตะโกนเสียงเบา ดวงตาเริ่มแดงก่ำ "บอกอีกทีนะ หล่อนเป็นแค่เพื่อนร่วมชั้น ไม่ใช่เพื่อนสนิท! ส่วนพี่คือพี่ชายแท้ ๆ ! ฉันต้องสอบเข้าโรงเรียนดี ๆ ต้องเรียนให้เก่งต้องได้งานดี ๆ เพื่อให้หล่อนและเพื่อน ๆ ของหล่อนรู้ ว่าถึงบ้านเราจะไม่มีเงินแต่ก็อยู่ได้อย่างสบาย พี่ พ่อแม่ ก็อยู่ได้สบาย! พี่ไม่เข้าใจอะไรบ้างเลย!!"
ลู่หย่วนหมิงได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ ไม่รู้จะพูดอะไร ในเวลานี้ เพราะโลกมนุษย์กำลังเผชิญปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นมาก
ทันใดนั้น เสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้น ลู่หย่วนหมิงกำลังจะลุกไปเปิดประตู แต่ลู่หย่วนหมินกลับเร็วกว่า วิ่งไปพลางพูดว่า "ดึกป่านนี้ ใครกัน พ่อแม่หลับกันหมดแล้ว!"
สิบกว่าวินาทีต่อมา ลู่หย่วนหมินก็เดินกลับมาด้วยสีหน้าตกตะลึงและพูดด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ "นี่ มีคนมาหาพี่... มองไม่ค่อยชัด แต่คนที่หน้าประตูคือ... หวางหล่าว? "
"ใครนะ? " ลู่หย่วนหมิงถามพลางรีบเดินไปที่ประตู
“คือคนที่ออกทีวีบ่อย ๆ นั่นรึเปล่า? เป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง?” ลู่หย่วนหมินกระซิบเบา ๆ ตามหลังพี่ชาย
นอกประตู มีผู้สูงอายุยิ้มแย้มยืนอยู่ตรงนั้น ด้านหลังเขาคือหญิงสาวที่ปิดตาข้างซ้ายด้วยผ้าพันแผลและตำรวจวัยกลางคนกำลังสูบบุหรี่ รวมไปถึงหนุ่มสองคนแต่งตัวเรียบง่าย แต่ท่าทางกลับตรงแข็งราวกับดาบ
“รบกวนเวลาด้วยนะครับ” ผู้สูงอายุพยักหน้าเล็กน้อยให้ลู่หย่วนหมิง แล้วถามขึ้นมาว่า “แล้วจะให้ผมเรียกหนุ่มน้อยว่าอะไรดี? อุลตร้าแมน? หรือฮีโร่กู้โลก?”
ลู่หย่วนหมิงหน้าแดงก่ำ น้องสาวและคนอื่น ๆ ต่างหันมามองเขาทำให้ใบหน้าเขาแดงก่ำ เขารีบตอบไปโดยไม่ทันคิด “...เกราะเหล็กไหล ไม่สิ”
“เรียกผมด้วยชื่อก็ได้”