บทที่ 28 : เปลวเพลิงแห่งความเมตตาของอะมาเทราสึ
เมื่อได้ยินคำประกาศอันกล้าหาญของเอซ ลูกเรือของเขาถึงกับซาบซึ้งจนเกือบหลั่งน้ำตา
แต่สีหน้าของชาวพื้นเมืองกลับเปลี่ยนเป็นสีเขียวเมื่อได้ยินคำพูดของเขา!
“พวกเรารังแกคนของเเกงั้นหรือ? เเกตาบอดหรือไง? มองไม่เห็นหรือว่าทุกคนที่นอนอยู่บนพื้นนั้นคือพี่น้องของพวกเราทั้งนั้น?”
หัวหน้าของพวกเขา คาซะ มีท่าทางดุดันยิ่งขึ้นและสั่งผ่านฟันที่ขบแน่นว่า “จับพวกมันไว้ แล้วนำไปถวายให้กับหมอผีใหญ่!”
“ครับ!” ชาวพื้นเมืองบุกเข้ามาอีกครั้ง แต่คราวนี้เมื่อการต่อสู้เกิดขึ้นบนเรือ เอซสามารถปลดปล่อยพลังของเขาได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเมื่อมีนัวร์ช่วยเหลือ
สถานการณ์กลับมาเป็นฝ่ายของพวกเขาอย่างรวดเร็ว แม้จะมีจำนวนคนน้อยกว่า แต่ชาวพื้นเมืองที่มีอาวุธน้อยและพละกำลังปานกลางก็ไม่อาจต้านทานการโจมตีได้และเริ่มล่าถอย
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น คาซะจึงตะโกนสั่งลูกน้องว่า “พวกเราไม่สามารถสู้กับพวกมันได้! ถอย!”
“คิดจะหนีงั้นหรอ?” นัวร์หรี่ตาลงเล็กน้อย และคลื่นพลังฮาคิราชันย์ที่ยังไม่สมบูรณ์ก็พลุ่งพล่านออกมาจากเขา ก่อให้เกิดความสั่นสะเทือนในอากาศ ชาวพื้นเมืองที่กำลังหนีต่างตัวสั่นราวกับเห็นผี
ตุบ! ตุบ!
ทีละคน พวกเขาร่วงลงไปในน้ำราวกับกำลังพุ่งเข้าสู่ความตาย
โดยไม่ทันได้ขัดขืน พวกที่กระโดดลงน้ำสลบไปและจมลงสู่ท้องทะเล ผู้ที่เคยขู่จะโยนนัวร์ให้ปลากินก็ร่วงลงไปเช่นกัน ดูท่าว่าพวกเขาเองจะต้องกลายเป็นอาหารในท้องของปลาเสียแล้ว
บางคนที่ไม่กระโดดลงไปก็น้ำลายฟูมปากและล้มลงบนดาดฟ้า เหลือเพียงคาซะที่ยังคงทรุดตัวคุกเข่าด้วยความสั่นกลัว ดวงตาเหลือกลาน แต่ก็ยังพยายามไม่ให้ตัวเองล้มลง
เอซมองไปที่นัวร์ด้วยความเข้าใจบางอย่าง รู้สึกว่าพลังที่เพิ่งเห็นนั้นคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก
นัวร์รู้สึกประหลาดใจกับความอดทนของคาซะ เขาคิดในใจว่า “จิตใจของหมอนี่แข็งไม่เบาเลย”
แม้ว่าฮาคิราชันย์ของเขายังอยู่ในระดับพื้นฐาน แต่มันก็น่าจะเพียงพอที่จะจัดการกับพวกนี้ได้แล้ว
โดยไม่กังวลมากนัก นัวร์คว้าคอคาซะไว้แน่นแล้วสั่งอย่างดุดันว่า “นำทางไป! ฉันต้องการพบหมอผีใหญ่ของพวกเเก”
คาซะจ้องเขม็งด้วยความโกรธ ด่าทอว่า “เเกไอ้เด็กชั้นต่ำ เเกทำอะไรลงไป? หมอผีใหญ่จะเรียกไฟสวรรค์ลงมาเผาพวกเเกจนเหลือแต่เถ้าถ่าน!”
เอซตอบกลับด้วยความรังเกียจ ว่า “เเกคิดจะฆ่าเราก่อนแล้วเราควรยืนเฉย ๆ ให้เเกทำงั้นหรอ?”
"ไฟสวรรค์งั้นหรือ?" นัวร์เริ่มสนใจขึ้นมาทันที ผู้ใช้พลังไฟอย่างนั้นหรือ? เมื่อคิดว่าเอซอยู่ที่นี่ ก็เป็นไปได้หรือไม่ว่าผู้ใช้ผลไม้แห่งเปลวเพลิงคนก่อนอาจเป็นหมอผีใหญ่คนนั้น?
นั่นยิ่งทำให้จำเป็นต้องไป นัวร์ตบใบหน้าที่ เต็มไปด้วยรอยสักของคาซะสองครั้งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“นำทางไป! อย่าได้พูดจาไร้สาระอีกไม่งั้นฉันจะกระชากลิ้นเเกออกมา!”
คาซะที่เคยแข็งกร้าวยอมจำนนต่อคำขู่ในทันที และเริ่มนำทางอย่างว่าง่าย
ตามที่คาซะบอก สัตว์ทะเลที่พวกเขาใช้นั้นเรียกว่า "โลมาจุดแดง" อาศัยอยู่ใต้เกาะที่เผ่าของคาซะอาศัยอยู่ทำให้พวกเขาสามารถนำทางผ่านหมอกหนาได้อย่างง่ายดาย
เมื่อพวกเขาหาทิศทางที่ถูกต้องเจอในที่สุด ทุกคนบนเรือต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เอซขอบคุณนัวร์อย่างกระตือรือร้นและแนะนำตัวเองว่า “สวัสดี ฉันชื่อพอร์ตโตกัส ดี. เอซ กัปตันกลุ่มโจรสลัดสเปด”
“คนที่ใส่หน้ากากตรงนั้นคือดิวซ์เป็นหมอของเรา ส่วนคนที่เต็มไปด้วยของตกแต่งรูปหัวกะโหลกคือสกัลล์ แฟนพันธุ์แท้โจรสลัดและนักสะสมของเกี่ยวกับหัวกะโหลก”
“และนั่นคือมิเฮียร์ พลซุ่มยิงของเราอย่าให้ความขี้อายของเขาหลอกนายเชียว ฝีมือการยิงของเขาแม่นยำสุด ๆ!”
มิเฮียร์กลอกตาใส่การแนะนำตัวของกัปตันตัวเอง “ฉันคือนัวร์เป็นนักล่าโจรสลัด” นัวร์ตอบกลับอย่างเป็นมิตร
“นักล่าค่าหัวงั้นหรือ?!” เอซและลูกเรือตะโกนพร้อมกัน ดิวซ์ถึงกับตัวสั่น พูดตะกุกตะกักว่า
“นายคงไม่ได้มาจับพวกเราหรอกใช่ไหม?”
สกัลล์ที่คุ้นเคยกับโลกของโจรสลัดร้องออกมาด้วยความตกใจ “ตอนนี้ฉันจำได้แล้ว! เขาคือนัวร์ นักล่าโจรสลัดผู้เลื่องชื่อที่ทุกคนเกรงกลัวในอีสต์บลู!”
เอซถึงกับกุมหัวด้วยความตกใจร้องว่า “พวกเราขึ้นเรือของนักล่าโจรสลัดงั้นหรือ?!”
มิเฮียร์ที่ปกติเงียบขรึมถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้กับท่าทีของเพื่อนร่วมเรือ
นัวร์ไม่สะทกสะท้าน มองดูพวกโจรสลัดทั้งสามที่ถอยกรูดไปแล้วถามอย่างเย้ยหยันว่า “พวกนายนี่มีค่าหัวกันหรือเปล่า?”
“ค่าหัวงั้นหรือ?” เอซเกาหัวพลางคิด “ฉันว่าไม่นะ… ยังไม่มี”
“งั้นก็ตามนั้น” นัวร์พูด
“ตอนนี้พวกนายไม่มีค่าแม้แต่สลึงเดียวสำหรับฉัน แล้วทำไมฉันต้องเสียเวลาจับพวกนายด้วยล่ะ?”
ปล่อยให้พวกเขาเติบโตไปจนกว่าค่าหัวจะถึงสองร้อยล้านจะดีกว่า
หากไม่เป็นเช่นนั้น การขายพวกเขาให้การ์ปเป็นการส่วนตัวก็ดูจะเป็นตัวเลือกที่ดี นัวร์ยิ้มในใจพลางเพลิดเพลินกับความคิดอันหลักเเหลมของตัวเอง
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เอซก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นทั้งสามโจรสลัดไม่ถือสากับคำเสียดสีเล็กน้อยของนัวร์ กลับเกี่ยวแขนกับเขาอย่างเป็นกันเอง
แต่ถ้าเอซรู้ความคิดที่แท้จริงของนัวร์ล่ะก็ เขาคงต่อยหัวนัวร์เข้าให้แน่
“โฮสต์ได้ผูกมิตรกับตัวละครสำคัญรับรางวัล: บัตรคัดลอกพรสวรรค์ทองคำ 1 ใบ, บัตรคัดลอกพรสวรรค์ขาว 10 ใบ, ค่าพลังกาย +15 และเปลวเพลิงอะมาเทราสึ (เวอร์ชันปรับปรุง)”
นัวร์รู้สึกดีใจที่ได้รับบัตรคัดลอกทองคำอีกใบ! และเปลวเพลิงอะมาเทราสึ นั่นคงไม่ใช่เปลวเพลิงที่ดับไม่ได้จากเรื่องนารูโตะหรอกหรอ?
เขารีบตรวจสอบคำอธิบายจากระบบอย่างรวดเร็วและถึงกับตะลึง
แม้ลักษณะพื้นฐานจะยังคงเป็นการเผาไหม้จนกว่าเป้าหมายจะถูกเผาจนหมดสิ้น แต่รูปแบบการใช้งานได้เปลี่ยนแปลงไป
เปลวเพลิงอะมาเทราสึไม่ต้องพึ่งการสบตาอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นความสามารถทางกายภาพ นัวร์สามารถเรียกและควบคุมมันได้โดยใช้พลังความอึดในร่างกาย
ข้อเสียคือเปลวเพลิงนี้ไม่สามารถพุ่งออกไป ได้ มันจะก่อตัวได้เพียงบนผิวหนังของเขาเท่านั้น หากต้องการเผาใครสักคน นัวร์ต้องสัมผัสร่างกายของเป้าหมายเพื่อถ่ายโอนเปลวเพลิง
ด้วยวิธีที่ดุดันเขาสามารถเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นคบเพลิงมนุษย์เพื่อโจมตีศัตรูหรือนิ่งรอให้ศัตรูเข้ามาโจมตีแล้วเผาพวกเขาให้เป็นเถ้าถ่าน
นัวร์ครุ่นคิดว่ามีพลังใดในโลกโจรสลัดที่สามารถต้านทานอะมาเทราสึได้หรือไม่
ในโลกของนารูโตะยังมีวิธีมากมายที่จะรับมือกับมันแต่ที่นี่ บางทีอาจมีเพียงฮาคิเกราะเท่านั้นที่สามารถป้องกันมันได้
นัวร์ครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง แม้ความสามารถในการโจมตีระยะไกลของอะมาเทราสึแทบจะเป็นศูนย์
แต่การป้องกันของมันเพิ่มขึ้นและเขายังสามารถใช้เปลวเพลิงนี้คลุมการต่อสู้มือเปล่าและดาบของเขาได้ ทำให้มันเป็นอาวุธโจมตีที่ทรงพลัง
โชคดีที่เปลวเพลิงจะเผาเฉพาะเป้าหมายที่เขาเลือกเท่านั้นจึงไม่ส่งผลต่อเสื้อผ้าของเขา มิเช่นนั้นเขาคงต้องสู้ในสภาพเปลือยเปล่าขณะลุกไหม้
นัวร์รู้สึกเพลิดเพลินกับพลังแห่งเปลวเพลิงอะมาเทราสึที่อยู่ในตัวเขา แล้วจึงหันความคิดไปหาเอซ เมื่อเอซกินผลเปลวเพลิงเข้าไป นัวร์ก็วางแผนที่จะคัดลอกความสามารถของเขา
การผสานไฟจากผลปีศาจเข้ากับเปลวเพลิงอะมาเทราสึจะทำให้นัวร์กลายเป็นราชาแห่งเปลวเพลิงอย่างไร้ข้อกังขา !