ตอนที่แล้วบทที่ 156: เรียนรู้จากพ่อครัว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 158: พลิกวิกฤต

บทที่ 157: เดินตามกลิ่นหอม


ภายในเวลา 2 เค่อ อาหาร 3 จานของมู่ไป๋ไป่ก็พร้อมขึ้นโต๊ะ

กลิ่นหอมของอาหารได้ดึงดูดลุงจางซึ่งแต่เดิมยืนขายน้ำแกงหวานอยู่ที่หน้าประตูร้าน

“โอ้โห คุณหนูทำทั้งหมดนี้ด้วยตัวเองหรือ?” ชายสูงวัยมองดูจานอาหารน่าอร่อย 3 จานบนโต๊ะพร้อมกับสูดปากเสียงดัง “คุณหนูช่างมีความสามารถจริง ๆ”

“ท่านอย่าได้ชมเกินไป นี่เป็นเพียงอาหารพื้น ๆ ที่ข้าทำกินเองที่บ้านเท่านั้น” มู่ไป๋ไป่รู้สึกขัดเขินเล็กน้อยกับคำชมของอีกฝ่าย “เถ้าแก่พ่าง ท่านลองชิมดูสิว่าอาหาร 3 อย่างของข้าพอจะแลกกับอาหาร 3 อย่างของท่านได้หรือไม่?”

ทางด้านเจ้าส้มที่กำลังแทะน่องไก่อยู่ด้านข้างสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแล้วพูดว่า “มู่ไป๋ไป่ เจ้าช่วยทำของพวกนั้นให้ข้ากินบ้างได้หรือไม่?”

มันแทบจะอดตายอยู่แล้ว แต่มันก็ไม่สามารถกินอาหารบางอย่างที่มนุษย์กินได้อยู่ดี

นั่นทำให้มันรู้สึกโมโหมาก!

เถ้าแก่ร้านผิงชางคว้าตะเกียบมาคีบหมูตุ๋นเข้าปาก ก่อนจะสัมผัสได้ถึงรสชาติที่นุ่มละมุนและกลิ่นหอมที่ตีขึ้นจมูกทันที

“นะ-นี่… นี่เป็นหมูตุ๋นที่อร่อยที่สุดที่ข้าเคยกินมา!” ดวงตาของชายร่างใหญ่เป็นประกาย “คุณหนู ท่านทำได้อย่างไร? ทำไมหมูตุ๋นของท่านถึงอร่อยขนาดนี้?”

เมื่อกี้เขาไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของเด็กหญิงมากนัก แต่ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกเสียใจแล้ว

“อิอิ ท่านไม่ต้องกังวล ยังมีอีก 2 จานที่ท่านยังไม่ได้ลิ้มลอง” มู่ไป๋ไป่จงใจบอกว่ามันไม่ได้อร่อยขนาดนั้น “นี่คือหมูทอดราดน้ำแกงเปรี้ยวหวาน อาหารจานนี้มีรสหวานอมเปรี้ยว มันอร่อยมาก”

เถ้าแก่พ่างแทบรอไม่ไหวที่จะหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารเข้าปาก ไม่นานกลิ่นน้ำส้มสายชูก็ฟุ้งอยู่ในปาก เขาทำตาโตทันที จากนั้นรสหวานกลมกล่อมก็เข้ามากลบรสเปรี้ยว

ซึ่งรสชาติของมันทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นมาก

“สุดยอด! จานนี้สุดยอดไปเลย!” ผู้ที่ได้ชิมอาหารไม่อาจวางตะเกียบลงได้อีก พอเริ่มกินเนื้อจนเลี่ยน เขาก็ยกน้ำแกงเต้าหู้ขึ้นจิบเพื่อล้างปาก ในเวลาอันสั้นเนื้อจานใหญ่ 2 จานก็ถูกกินจนหมด

“หยุดก่อน!” ลุงจางที่อยู่ด้านข้างขยับตัวไม่เร็วเท่ากับเถ้าแก่พ่าง เมื่อเห็นว่าอาหารที่เหลือบนโต๊ะเกือบจะถูกอีกฝ่ายกวาดไปจนหมด เขาก็เริ่มวิตกกังวลขึ้นมา “เจ้าเหลือไว้ให้ข้าบ้างสิ!”

“จุ๊ ๆ ลุงจาง ทำไมท่านถึงต้องมาแย่งข้าด้วยล่ะ?” ชายร่างท้วมพยายามขวางจานอาหารเอาไว้ “หลังจากที่ข้าได้เรียนรู้วิธีทำอาหารจานนี้จากคุณหนูแล้ว ท่านก็จะได้กินมันทุกวันไม่ใช่หรือ ท่านให้ข้าจดจำรสชาติให้ขึ้นใจก่อนไม่ได้หรืออย่างไร?”

“มันจะไปเหมือนกันได้อย่างไร? รถมือของเจ้าย่อมแตกต่างจากของคนหนูอย่างแน่นอน” ชายสูงวัยยังไม่ยอมแพ้

ขณะที่พวกเขาทั้ง 2 โต้เถียงกันอยู่ในร้าน ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาข้างนอกประตูก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายและอดไม่ได้ที่จะเข้ามาถามอย่างสงสัย “พวกเจ้ากำลังทำอะไรอยู่น่ะ โอ้โห นั่นกลิ่นอะไรกัน?”

“เสี่ยวพ่าง เจ้ามีอาหารจานใหม่อย่างนั้นหรือ?”

“ข้าไม่เคยได้กลิ่นเช่นนี้มาก่อนเลย”

ตอนแรกมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เดินเข้ามา หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ มีคนมามุงมากขึ้นเรื่อย ๆ ในไม่ช้าด้านหน้าประตูร้านอาหารก็เต็มไปด้วยผู้คน แล้วทุกคนก็เอ่ยปากถามเถ้าแก่ร้านผิงชางว่าหมูทอดราดน้ำแกงเปรี้ยวหวานที่ตั้งอยู่บนโต๊ะนั่นคืออะไร

เถ้าแก่พ่างไม่ได้เห็นลูกค้ามากมายขนาดนี้มาหลายเดือนแล้ว มันทำให้เขามึนงงอยู่พักใหญ่

มู่ไป๋ไป่ที่เห็นอีกฝ่ายยืนตัวแข็งทื่อจึงวางแผนที่จะช่วยเหลือเขา

ดังนั้นเธอจึงปีนขึ้นไปบนโต๊ะโดยมีหลัวเซียวเซียวคอยช่วยประคอง ก่อนจะกระแอมในลำคอแล้วพูดว่า “แขกผู้มีเกียรติทั้งหลาย ดูนี่เสียก่อน”

“กลิ่นหอมที่พวกท่านได้กลิ่นอยู่ตอนนี้ก็คือหมูทอดราดน้ำแกงเปรี้ยวหวาน เป็นอาหารที่ถูกคิดค้นขึ้นมาใหม่จากร้านผิงชางของเรา อาหารจานนี้มีรสหวานอมเปรี้ยว เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย”

“ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เราจะนำมาให้พวกท่านได้ลิ้มลอง”

“เมื่อถึงเวลานั้นขอให้แขกผู้มีเกียรติทุกท่านมาช่วยสนับสนุนพวกเราด้วย!”

คนที่เข้ามาสอบถามส่วนใหญ่แล้วเป็นคนบ้านใกล้เรือนเคียง พวกเขาฟังคำพูดของเด็กหญิงตัวน้อยก่อนจะหันไปกระซิบพูดคุยกันเบา ๆ

“กลิ่นของมันหอมมากทีเดียว แต่ใครจะไปรู้ว่าหลังจากกินเข้าไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น”

“จริงหรือ? เจ้าลืมเรื่องคราวที่แล้วไปแล้วหรืออย่างไร หลังจากมากินข้าวเย็นที่นี่ พอตกดึกก็ไปตายอยู่ที่บ้าน”

“ข้าไม่อยากตายกลางดึกเพียงเพราะกินอาหารมีพิษเข้าไปหรอกนะ”

ขณะเดียวกัน เถ้าแก่ร้านผิงชางมองไปยังฝูงชนที่กำลังกระซิบพูดคุยกันด้วยความโกรธ “อาหารของข้าไม่มีอะไรผิดปกติ! การตายของคนผู้นั้นไม่เกี่ยวข้องกับข้า!”

“คนของทางการบอกว่าผู้ชายคนนั้นตายเพราะถูกวางยาพิษ” มีคนหนึ่งพูดขัดขึ้นมา “แล้วชายคนนั้นก็มากินข้าวมื้อสุดท้ายที่นี่ ถ้าพิษไม่ได้อยู่ในอาหารของเจ้า แล้วมันจะมาจากไหน?”

“เพียงแค่เขากินอาหารมื้อสุดท้ายที่นี่ เจ้าก็คิดว่าข้าเป็นคนวางยาพิษเลยหรือ?” เถ้าแก่พ่างโกรธจนหน้าแดงก่ำ “คืนนั้นมีลูกค้ามาทานอาหารในร้านของข้าตั้งเยอะตั้งแยะ แล้วทำไมลูกค้าคนอื่น ๆ ถึงยังมีชีวิตอยู่ พวกเจ้าไม่คิดหรือว่าคนผู้นั้นมีอะไรผิดปกติ?”

“ใครจะรู้… ถ้าวันหนึ่งเจ้าจงใจวางยาพิษข้าขึ้นมา เช่นนี้เราไม่ตายเปล่าหรือ ข้าไม่กล้ากินข้าวร้านเจ้าหรอก ถ้าวันไหนข้าไปเผลอทำให้เจ้าโกรธเข้า เจ้าจะไม่ใส่ยาพิษในอาหารให้ข้ากินหรืออย่างไร?”

“ใครจะไม่สนใจชีวิตของตัวเองก็ช่างเถอะ แต่ข้ารักตัวกลัวตาย ดังนั้นข้าไปดีกว่า พวกเจ้าอยากจะอยู่ก็อยู่เถอะ”

หลังจากพูดจบชายคนนั้นก็รีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

คนอื่น ๆ เองก็มองหน้ากันและเตรียมจะแยกย้ายกันไป

“ช้าก่อน!” มู่ไป๋ไป่ขยิบตาให้ลุงจางที่ยืนอยู่ด้านข้างเพื่อส่งสัญญาณให้เขาปิดปากของเถ้าแก่พ่าง เพื่อให้เขาหยุดพูดก่อน

ถึงแม้ว่าร่างกายของเถ้าแก่พ่างจะดูอ้วนท้วนสมบูรณ์ แต่เพียงแค่ลุงจางกดหน้าผากปิดปากเขาเอาไว้ เขาก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว

“ลูกค้าทุกท่าน สิ่งที่ผู้ชายคนนั้นพูดเมื่อครู่ไม่สมเหตุสมผลสักนิด คนของทางการไม่ได้บอกสักหน่อยว่าเถ้าแก่พ่างเป็นคนวางยาพิษผู้ตาย”

“ถ้าเขากระทำผิดจริง เขาจะเป็นผู้ร้ายที่วางพิษฆ่าคนซึ่งผิดกฎบ้านเมือง แต่ทำไมเขาถึงยังอยู่ที่นี่อยู่อีกล่ะ เขาไม่ควรโดนทางการโยนเข้าคุกไปตั้งนานแล้วหรือ?”

หลังจากทุกคนได้ยินคำพูดของเด็กหญิง พวกเขาก็รู้สึกว่าสิ่งที่นางพูดนั้นฟังดูมีเหตุผล จึงหยุดฝีเท้าลงก่อนจะหันไปมองดูคนพูดให้เต็มตา

ชั่วครู่นั้นพวกเขาลืมไปว่าคนที่ยืนอยู่บนโต๊ะและให้เหตุผลกับพวกตนเป็นเพียงแค่เด็กอายุ 4-5 ขวบเท่านั้น

“ในเมื่อเรื่องนี้แม้แต่ทางการก็ไม่ได้ตัดสินโทษเถ้าแก่พ่าง แล้วทำไมพวกเราจะต้องเอาความหวาดกลัวมาบดบังทำให้ตัวเองต้องพลาดอาหารจานอร่อยไปกันล่ะ?”

“นอกจากนี้ เถ้าแก่พ่างของเรายังบอกอีกว่า สำหรับอาหารจานใหม่ที่จะเปิดตัวในครั้งนี้ ขอเพียงแค่พวกท่านเป็นลูกค้ากลุ่มแรกที่มายังร้านผิงชางของเรา พวกท่านจะได้จ่ายเพียงแค่ครึ่งราคาเท่านั้น”

“ข้อเสนอดี ๆ เช่นนี้จำกัดเพียง 3 วัน อย่าได้พลาดโอกาสดี ๆ ไปเสียล่ะ!”

“ลดครึ่งราคา?!”

“นี่เจ้าเป็นลูกสาวของเถ้าแก่พ่างหรือ? ทำไมข้าไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อน!”

“ข้าหรือ?” มู่ไป๋ไป่ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ก่อนจะยิ้มแต่ก็ไม่ได้ตอบคำถามอีกฝ่าย และเชิดคางไปทางชายร่างท้วม “เถ้าแก่พ่าง บอกพวกเขาไปสิว่าสิ่งที่ข้าพูดนั้นเป็นเรื่องจริง”

แม้ว่าชายตัวใหญ่จะรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่หลังจากเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ เขาก็ไม่ได้มองว่าเด็กหญิงคนนี้เป็นเด็กที่ไม่รู้จักโลกแบบเดิมอีก เขานิ่งคิดสักพักก่อนจะพยักหน้ารับ

พอผู้คนเห็นเถ้าแก่ร้านผิงชางพยักหน้า พวกเขาก็ดูเหมือนจะมีชีวิตชีวามากขึ้น

“แต่ไม่ว่าราคาจะถูกมากเพียงใด ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นหลังจากที่เรากินอาหารของร้านเข้าไปล่ะ?” บางคนยังคงยึดติดกับข่าวลือเรื่องยาพิษไม่ยอมปล่อย

“ท่านไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้” มู่ไป๋ไป่คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ “พวกท่านรู้หรือไม่ว่าฮ่องเต้ทำอย่างไรก่อนเสวยพระกระยาหารเพื่อป้องกันไม่ให้มีใครมาวางยาพิษพระองค์?”

“ข้ารู้ ๆ” มีคนยกมือขึ้น “ฮ่องเต้จะให้ขันทีทดสอบพิษก่อน! แต่นั่นคือฮ่องเต้ พวกเราเป็นเพียงคนธรรมดา จะมีใครยอมทดสอบพิษให้เรากัน?”

--------------------------------------------------

จะบอกว่า E-Book ไป๋ไป่เล่ม 7 จะมาในวันที่ 28 ม.ค.นี้นะทุกคนนน~ ใครที่รออ่านแบบ E-Book สามารถเข้าไปซื้อกันได้ที่ลิงก์ด้านล่างเลยน้า

MEB: https://shorturl.asia/obmwv

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด