บทที่ 104 เริ่มการคัดเลือกสนม
ช่วงเวลาที่ผ่านมาซูเซียนจือสังเกตเห็นว่าภายในเมืองผีนี้ แทบไม่มีใครสวมเสื้อผ้าสีขาวเลย… เป็นไปได้ว่า ราชาผีซาเหลิ่งเข้าใจผิด!
เขาคิดว่านางคือผู้ที่ถูกพยากรณ์ไว้ในคำทำนาย!
ช่างน่าขยะแขยง! เขาจงใจข่มขู่นาง ทดสอบนาง!
“ไม่กี่วันก่อน มีหญิงสาวสวมชุดขาวตกลงมายังดินแดนผีอีกคนหนึ่งมิใช่หรือ”
เสียงหนึ่งกล่าวขึ้นอย่างแน่วแน่ ซูเซียนจือไม่ทันสนใจนัก แต่เมื่อได้ยินคำพูดต่อมา นางก็ถึงกับตกตะลึง!
“ได้ยินว่าหญิงคนนั้นมีพลังขั้นฮวาชิน แต่อายุเพียงสิบเจ็ดหรือสิบแปดเท่านั้น หน้าตาก็งดงามยิ่งนัก!”
สาวน้อยในชุดขาวบนเวทีเบิกตากว้างทันทีด้วยความตกใจ อะไรนะ ฮวาชิน อายุสิบเจ็ดสิบแปด เมื่อไม่กี่วันก่อน? แถมยังบอกว่าใบหน้างดงาม?
หรือว่า…
ขณะนั้นเอง ราชาผีซาเหลิ่งหันหน้ามาทางห้องพักของผู้เข้าคัดเลือก สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นน่าสะพรึงกลัว
ในขณะเดียวกัน มุมหนึ่งของห้องพักก็มีแสงสีขาววาบขึ้นเพียงชั่วครู่ แต่แทบไม่มีใครสังเกตเห็น
จินเป่าเอ๋อเพิ่งเปิดใช้งานค่ายกลส่งตัว เสียงลม “หวืดหวือ” ดังผ่านหูไปไม่นานนัก ก็ได้ยินเสียงสะอื้นไห้ นางรีบลืมตาขึ้นและโอบเด็กหญิงข้างๆไว้ เตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่อาจเกิดขึ้นอย่างระมัดระวัง
สิ่งที่ปรากฏต่อหน้านางคือเหล่าสาวงามในดินแดนภูติผีที่เต็มไปด้วยสีหน้าเศร้าหมอง แต่ละนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวัง บางคนพร่ำพรรณนาว่าตนเองยังไม่อยากตาย ในบรรดาหญิงสาวเหล่านี้มีผู้บำเพ็ญเพียรขั้นจินตันหลายคน รวมทั้งหญิงที่มีพลังขั้นฮวาชินในระดับต้นๆ แม้ว่าใบหน้าจะไม่ได้โดดเด่น แต่พลังของพวกนางก็นับว่าสูงพอตัว
จินเป่าเอ๋อมองเห็นด้วยความประหลาดใจ นางยิ้มเล็กน้อยเพราะดูเหมือนค่ายกลส่งตัวที่นางสร้างนั้นจะพานางมาถึงที่คัดเลือกชายาของราชาผีได้อย่างแม่นยำ นางอดคิดไม่ได้ว่าตนเองคงมีพรสวรรค์ด้านค่ายกลไม่น้อย
“ได้ยินมาว่าการคัดเลือกชายาของราชาผี จะดูดวิญญาณของหญิงสาวในคืนเดียวแล้วนำพลังไปเพิ่มให้กับตัวเอง ทำให้พลังของเขาแข็งแกร่งขึ้น…”
ขณะที่กำลังคิดอยู่ หญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งกอดเข่าบนพื้นก็พึมพำกับตนเองด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง
ทำให้หญิงสาวคนอื่นๆ รอบข้างถึงกับปิดปากร้องด้วยความกลัว เสียงสั่นเครือดังขึ้นทันที
“อย่าพูดอีกเลย! ข้าไม่อยากตาย ข้าพึ่งเข้ามาในเมืองผีนี้ได้เพียงเจ็ดปีเท่านั้นเอง เพิ่งบรรลุถึงขั้นจินตัน! ถ้ารู้ว่าเส้นทางการบำเพ็ญเพียรต้องมาลงเอยเช่นนี้ ข้าคงไม่เลือก…”
“จะทำอย่างไรดี ถ้าเกิดว่าเขาเลือกข้าล่ะ…”
เสียงร่ำไห้ของผู้หนึ่งลามไปยังคนรอบข้าง ทำให้ทั้งห้องเต็มไปด้วยเสียงสะอื้นหวาดกลัว
สาวงามบางคนพยายามใช้พลังของภูติผีโจมตีประตูห้องหมายจะหนี แต่กลับถูกหมอกสีเทาสะท้อนใส่กลับจนกระเด็นไปทั่วห้อง
จินเป่าเอ๋อรีบแอบซ่อนตัวข้างประตู ดูเหมือนว่าราชาผีผู้นั้นจะเตรียมการไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ใครหนีแน่นอน หมอกสีเทานี้ช่างดูคุ้นเคยนัก
นางคิดว่าบางทีตอนที่ค่ายกลส่งตัวถูกใช้งาน อาจมีบางคนจับพลังวิญญาณของค่ายกลนี้ได้แล้ว
เมื่อคิดได้ดังนั้น นางมองกลุ่มหญิงสาวที่กำลังวุ่นวายกันอยู่ในห้อง นางก็นึกแผนขึ้นได้ จึงยกมือฟาดศีรษะหญิงคนหนึ่งจนสลบ
แล้วถอดชุดสีทึบของอีกฝ่ายมาสวมแทน
เด็กหญิงในชุดเสื้อแดงมองดูภาพตรงหน้าด้วยความสงสัย ดวงตาเป็นประกายอยากรู้
นางย่อตัวลงไปจิ้มที่แก้มของหญิงภูติผีที่สลบอยู่บนพื้นพลางขมวดคิ้วแน่น
“กลิ่นไม่น่ารื่นรมย์เลย กลิ่นของนางไม่เหมือนของพี่สาวเลยสักนิด!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเด็กหญิง จินเป่าเอ๋อเหลือบมองนางด้วยสีหน้าประหลาดใจ "กลิ่นหรือ" นางหมายถึง "พลัง" หรือเปล่า บนตัวเด็กหญิงยังมีพลังวิญญาณบริสุทธิ์ แต่เหล่าภูติผีรอบข้างมีเพียงพลังหยินซึ่งเต็มไปด้วยความมืด น่าประหลาดใจที่เด็กหญิงซึ่งเป็นคริสตัลวิญญาณจากดินแดนภูติผี กลับไม่ชอบพลังหยิน แต่กลับชอบพลังวิญญาณแทน…
หรือว่าเด็กคนนี้อาจเป็นคริสตัลวิญญาณที่กำเนิดขึ้นจากพลังวิญญาณในโลกบำเพ็ญเซียน หาใช่คริสตัลจากดินแดนภูติผีไม่
ขณะที่กำลังคิด ประตูห้องก็เปิดออก เหล่าภูติผีที่เป็นผู้คุ้มกันในดินแดนนี้ยืนอยู่หน้าห้องด้วยสีหน้าเยือกเย็นขาวซีด จ้องมองเหล่าสาวงามในห้องที่พยายามจะหนีออกมา ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำแฝงความน่ากลัว
“การคัดเลือกเริ่มต้นแล้ว ขอให้ทุกท่านออกมาข้างนอก”
หญิงสาวในห้องหน้าซีดลงไปอีก แม้จะหวาดกลัวแต่ก็ไม่มีใครกล้าขัดขืน รีบออกไปตามคำสั่ง หญิงบางนางพยายามฉวยโอกาสหลบหนี แต่ไม่ทันไรกลับถูกหมอกสีเทาปกคลุม
“อ๊า!!”
เสียงกรีดร้องดังก้องไปทั่ว ร่างของเหล่าผู้หลบหนีเริ่มถูกดูดกลืนไปพร้อมกับพลังหยินสีเทาที่ก่อตัวเป็นหมอกจนกระทั่งเลือนหายไปจากสายตา เหล่าภูติผีคนอื่นๆ ต่างพากันหน้าซีดด้วยความหวาดกลัว ไม่มีใครคิดหนีอีก
จินเป่าเอ๋อหลุบตาลงซ่อนพลังของตนเองพร้อมกับซ่อนเด็กหญิงไว้ด้านหลัง โชคดีที่เหล่าสาวงามในห้องปิดบังนางไว้ได้หมด นอกจากนี้ ด้วยลักษณะพิเศษของเด็กหญิงที่ยากจะถูกใครจับสัมผัสได้ และความหวาดกลัวจากสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ก็ทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็นพวกนาง
นางแอบเหลือบมองไปยังเวทีเบื้องหน้า ก็เห็นชายผู้รายล้อมไปด้วยหมอกสีเทานั้น ยืนด้วยท่าทางเย็นชาน่าสะพรึง ทำให้จินเป่าเอ๋อรู้ได้ทันทีว่านี่คือราชาผีซาเหลิ่ง! พลังนั้นคงเป็นพลังเดียวกับที่พบในวันก่อน ใบหน้าของเขาดูธรรมดาแต่ดวงตากลับขาวซีดราวกับคนตาย ดูน่าขนลุกยิ่งนัก!
ขณะที่กำลังจ้องมอง จินเป่าเอ๋อก็เห็นชุดสีขาวแวบผ่านสายตา นางตกใจจนเผลอแสดงสีหน้าออกมาเล็กน้อย แล้วรีบหลุบตาลง
บนเวที สตรีในชุดขาวซึ่งมีท่าทีหวาดกลัวแฝงความกังวลก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่คุ้นเคยแต่ไม่สามารถบอกที่มาได้
นางจึงกวาดสายตามองกลุ่มหญิงสาวเบื้องล่าง แต่ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ
“ที่รักของข้า เจ้าอิจฉากระมัง เหตุใดแสดงสีหน้าเช่นนี้”
ชายข้างกายเอ่ยด้วยน้ำเสียงแฝงความเย็นเยียบ แม้จะฟังคล้ายคำเอ็นดู แต่สีหน้าของเขากลับไร้อารมณ์โดยสิ้นเชิง
ซูเซียนจือได้ยินเสียงนั้นพลันตัวแข็งทื่อ ดวงตาเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัวทันที
“ท่าน…ท่านเข้าใจผิดเจ้าค่ะ ข้าเพียงแค่…”
ท่าทางอึกอักจนดูหวาดหวั่นนี้ยิ่งทำให้ซาเหลิ่งหัวเราะเสียงดังลั่น!
จินเป่าเอ๋อหลุบตาลง พลันรู้ทันทีว่าสนมคนใหม่ที่ซาเหลิ่งกล่าวถึงนั้นคือซูเซียนจือ
นางไม่แน่ใจว่าราชาผีผู้นี้ถูกเสน่ห์ของซูเซียนจือดึงดูดหรืออย่างไร แต่คงไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการกำจัดพวกเขาทั้งสองพร้อมกัน
พิธีคัดเลือกเริ่มต้นอย่างรวดเร็ว ผู้บำเพ็ญเพียรหญิงที่อยู่ในขั้นฮวาชินจะถูกคัดเลือกทันที หญิงที่มีพลังขั้นจินตันและใบหน้างดงามรวมถึงผู้ที่มีความบริสุทธิ์ถูกเลือกเพิ่ม ในขณะที่หญิงที่หน้าตาไม่งดงามหรือพลังบำเพ็ญเพียรต่ำจะถูกตัดสิทธิ์ และไม่มีใครรู้ว่าเมื่อถูกตัดสิทธิ์แล้วจะมีชะตากรรมเช่นใด
ท่ามกลางฟากฟ้าสีแดงหม่นที่ปกคลุมไปด้วยความเงียบงัน พิธีดำเนินไปอย่างอึมครึม บรรยากาศเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม ทุกคำพูดของซาเหลิ่งมีเพียงการตัดสินใจและเลือกเฟ้น เหมือนพิธีสังเวยมากกว่าพิธีวิวาห์ที่น่ายินดี
ซูเซียนจือนำพวกนางเดินไปยังสวนหลังอย่างเงียบงัน โดยมีราชาผีซาเหลิ่งนั่งอยู่ด้านหน้า มองส่งหลังพวกนางไปด้วยสายตาเย็นชา
ตลอดทางนั้น ทุกคนเงียบกริบ จินเป่าเอ๋อทำทีแสดงท่าทางหวาดกลัว แฝงตัวอยู่ในกลุ่ม จนกระทั่งจู่ๆ ผู้บำเพ็ญเพียรหญิงคนหนึ่งพุ่งตัวไปข้างหน้า กระโจนใส่ซูเซียนจือแล้วฟาดจนนางสลบลง! จากนั้นหญิงคนนั้นรีบหันหลังกลับ หมายจะหลบหนีทันที…