ตอนที่แล้วตอนที่ 41 : สมกับเป็นชมรมวรรณกรรมจริงๆ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 43 : ไม่มีอะไรเข้าใจผิด ไม่จำเป็นต้องอธิบาย

ตอนที่ 42 : เว็บไซต์เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง


วันเสาร์ มหาวิทยาลัยหลินชวนมีฝนตกเป็นช่วงๆ ชะล้างความร้อนอบอ้าวที่สะสมมาหลายวันให้จางหายไป

ระบบตอบกลับอัตโนมัติที่ซูไน่สร้างขึ้นได้เริ่มเปิดใช้งานบนเว็บไซต์แล้ว ผลการทดสอบค่อนข้างดี คำหลักที่ตั้งไว้สามารถทำงานได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งอัตราการเกิดซ้ำของผายลมสีรุ้งก็ไม่มากจนเกินไป ทำให้ดูเหมือนเป็นคนจริงๆ ประมาณ 60-70%

เจียงฉินส่งลิงก์ให้เฉากวงอวี่เป็นพิเศษโดยไม่ได้บอกเขาเกี่ยวกับเรื่องบอท แค่บอกให้เขาลองโพสต์เพื่อสัมผัสประสบการณ์ดู ผลก็คือ ยิ่งเจ้าเหรียญสุนัขตัวนี้เล่นเว็บมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเป็นคนที่โดดเด่นเหนือกว่าใคร

“เหล่าเจียง เว็บไซต์ที่นายให้ฉันมาโคตรน่าสนใจเลย มันสนุกมาก!”

เวลานี้เฉากวงอวี่กำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ที่เพิ่งซื้อมาใหม่ เขาเคาะแป้นพิมพ์คีย์บอร์ดด้วยเสียงดังต๊อกๆ อย่างมีความสุขจนแทบจะลอยได้

เจียงฉินหันกลับมาอย่างสงบ: “ตรงไหนที่มันสนุก?”

“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันแสร้งทำเป็นเจ๋งในโลกออนไลน์ และก็เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นคนมากมายสนับสนุนฉันแบบนี้ แถมยังมีผู้หญิงคนหนึ่งบอกว่าชอบฉันอีกด้วย แน่นอนว่าทองคำย่อมเปล่งประกาย แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าฉันยังถ่อมตัวอยู่ ฉันยังไม่ได้ใส่เต็มกำลังเลย!”

“????”

เจียงฉินแอบล็อกอินเข้าสู่ระบบหลังบ้านของผู้ดูแล และพบว่าไอ้หมอนี่ได้สร้างกระทู้ซีรีส์แบบต่อเนื่องที่เรียกว่า ‘ชีวิตประจำวันที่เรียบง่ายของคนรวยรุ่นสอง’ และในนั้นเต็มไปด้วยการอวดรวยรูปแบบต่างๆ

เขาโพสต์รูปโนเกีย 5230 ของตัวเองแล้วเขียนแคปชั่นว่าของโคตรห่วย ไม่น่าแปลกใจเลยที่ขายแค่สามพันหยวน สู้เวอร์ทูที่ฉันเคยใช้ไม่ได้เลยสักนิด

จากนั้นเขาก็โพสต์ภาพ BMW ซีรีส์ 5 ที่ไปโหลดมาจากอินเทอร์เน็ต บอกว่าหลังจบการฝึกทหารจะซื้อรถสักคัน ตอนนี้กำลังลังเลอยู่ระหว่าง BBC ทางบ้านก็อยากให้ซื้อปอร์เช่ไปเลยทีเดียว แต่เขารู้สึกว่าการทำแบบนี้จะดูโอ้อวดจนเกินไป กลัวว่าภาพลักษณ์จะดูเข้าถึงได้ยาก

โพสต์เหล่านี้เรียกใช้คำหลักจำนวนมาก ส่งผลให้พวกบอทแสดงความคิดเห็นด้วยผายลมสีรุ้งอย่างต่อเนื่อง

พี่ชายคนนี้โคตรหล่อ, ฉันอิจฉาชีวิตของเขาจัง, พี่ใหญ่มีสไตล์การเขียนที่ยอดเยี่ยมจริงๆ คงเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการวรรณกรรมแน่ๆ เฉากวงอวี่ที่ถูกคำชมเล่นงานอย่างหนักได้กลับเข้าไปตอบข้อความของบอทอยู่เรื่อยๆ มันจึงกระตุ้นให้เกิดคำหลักอีกครั้ง และก็ได้รับผายลมสีรุ้งรอบใหม่

หลังจากประสบกับวงจรดังกล่าว เฉากวงอวี่ก็รู้สึกราวกับว่าเขาค้นพบความหมายของชีวิตแล้ว

เหรินจื้อเฉียงมองดูจากด้านหลังด้วยสีหน้าท่าทางอิจฉา แต่ปัจจุบันเว็บไซต์นี้มีเพียงเวอร์ชันพีซีเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเล่นได้ จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจ

“คนที่นี่พูดจาน่าฟังจริงๆ เหล่าเจียง เวอร์ชัน wap จะเปิดตัวเมื่อไหร่ ฉันก็อยากเล่นบ้าง”

“ไม่นานหรอก อาจจะเป็นพรุ่งนี้หรือไม่ก็มะรืน”

เจียงฉินมองดูชายทั้งสองคนพลางถอนหายใจอยู่ในใจ คิดกับตัวเองว่าห้องพักเล็กๆ ของฉันกลับมีผู้มีความสามารถถึงสองคน คนหนึ่งคือมังกรหลับ ส่วนอีกคนคือหงส์ดรุณ แถมยังสามารถคุยกับบอทตอบกลับอัตโนมัติได้สนุกขนาดนี้ ยอดเยี่ยมจริงๆ คงไม่มีใครเหนือกว่าพวกเขาแล้ว

แต่นี่ก็พิสูจน์ได้ว่าแนวคิดของเขาถูกต้อง การตอบกลับอัตโนมัติสามารถทำให้ดูเหมือนว่ามียอดผู้ใช้งานจำนวนมากได้แบบหลอกๆ ซึ่งในช่วงเริ่มต้นที่ผู้ใช้งานยังน้อย สามารถให้ผลลัพธ์ที่ดีมาก

เวลาสิบโมงเช้า ฝักบัวบนท้องฟ้ายังคงดำเนินต่อไป อุณหภูมิที่มหาวิทยาลัยหลินชวนก็ลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้รู้สึกสดชื่นและเย็นสบาย

เจียงฉินที่กำลังขยี้ถุงเท้าอยู่ จู่ๆ ก็ได้รับอีเมลจากเหยาเยี่ยนหลิงประธานชมรมวรรณกรรม เมื่อเขาเปิดเข้าไปอ่านก็พบกับนิยายที่มีชื่อว่า [เมืองเดียวดาย] เนื้อหาน่าจะเกี่ยวกับเด็กสาวออทิสติกคนหนึ่งที่ได้รับการสนับสนุนจากคนรอบข้างจนสามารถเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำได้

ในหนึ่งหมื่นคำแรก รุ่นพี่เหยาเยี่ยนหลิงได้ใช้รูปแบบการเขียนในลักษณะบรรยายทั้งหมด โดยบรรยายอย่างละเอียดว่าเด็กสาวคนนี้มีความเหงามากมายเพียงใด และถึงขนาดเขียนประโยคหนึ่งว่า ‘แม้แต่ขนตาของเธอก็ยังมีกลิ่นอายความโดดเดี่ยว’ อีกด้วย

สิบหยวนต่อหนึ่งพันคำ หมื่นคำก็หนึ่งร้อยหยวน

นี่คิดจะปล้นเงินร้อยหยวนจากฉันเรอะ?

ทำไมไม่ให้ฉันโทรแจ้งตำรวจไปเลยล่ะ?!

นี่แมร่งการหลอกลวงชัดๆ!

“รุ่นพี่ งานเขียนของคุณจริงๆ แล้วดีมาก ขนาดคนธรรมดาอย่างผมก็ยังรู้สึกได้ถึงความเหงาที่แผ่ออกมาเลย”

“ขอบคุณสำหรับคำชมของรุ่นน้อง งั้นเป็นอันว่าตกลงนะ สิบหยวนต่อหนึ่งพันคำ นี่ฉันให้ราคาถูกๆ กับคุณเลยนะ”

“แต่ว่ารุ่นพี่ เว็บไซต์ของผมมันเป็นพื้นที่หยาบคายและระดับต่ำ คงไม่สามารถลงผลงานระดับสูงแบบนี้ได้”

“คุณหมายความว่ายังไง?”

“คุณช่วยเปลี่ยนแนวเรื่องได้ไหม ไม่ต้องเขียนเกี่ยวกับวรรณกรรมสร้างแรงบันดาลใจ เขียนเรื่องที่มันดูพื้นๆ และน้ำเน่า อย่างเรื่องรักสามเส้า หรือไม่ก็คนที่เข้าไปเป็นมือที่สามอะไรทำนองนั้น คนเขาชอบดูของแบบนี้มากกว่า”

“รุ่นน้อง คุณมันไม่เข้าใจวรรณกรรมเลย ฉันคงดูคนผิดแล้วล่ะ!”

เหยาเยี่ยนหลิงตอบเขา จากนั้นรูปโปรไฟล์ของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีเทา เห็นได้ชัดว่าออฟไลน์ไปแล้ว

เจียงฉินรู้สึกว่ามันไม่สำคัญ เว็บไซต์ของเขาก็เหมือนกับของเว่ยป๋อ เขาเน้นไปที่การอ่านแบบกระจัดกระจาย การมีนิยายให้อ่านก็ถือเป็นเรื่องดี แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เห็นเป็นอะไร

แต่เขายังกังวลนิดหน่อย เพราะเหยาเยี่ยนหลิงเป็นประธานชมรมวรรณกรรม ถ้าหากเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อการส่งผลงานของชมรมวรรณกรรมล่ะก็ เนื้อหาในเว็บไซต์ของเขาจะเป็นยังไง คงจะไม่สามารถพึ่งพาได้แค่กระทู้แสร้งทำเป็นเจ๋งของเฉากวงอวี่หรอกใช่ไหม?

แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ ต่งเหวินห่าวโทรหาเขาในครึ่งชั่วโมงต่อมา อีกฝ่ายบอกว่าต้นฉบับชุดแรกเสร็จแล้วและอยากให้เขาดูว่ามันโอเคหรือเปล่า ดังนั้นเจียงฉินจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินทางไปที่วิทยาเขตตะวันออก

[เผลอล้ำเส้นกับเพื่อนสาวคนสนิท ฉันควรทำยังไงดี?]

[แฟนเรียนจบก่อน ไดอารี่เรื่องเรื่องราวตั้งแต่รักทางไกลจนถึงวันที่เลิกกัน]

[เข้าโรงแรมกับแฟนสาวครั้งแรก มีบางอย่างที่ฉันไม่แน่ใจว่าจะพูดดีไหม]

[แฟนเก่าไม่สบาย ฉันเลยไปดูแลเขา แต่ทำไมแฟนใหม่ถึงอยากเลิกกับฉัน?]

[การได้คบกับดาวมหา’ลัยเป็นยังไง เรื่องจริงแท้แน่นอน!]

มีต้นฉบับที่ส่งมาจากชมรมวรรณกรรมทั้งหมดยี่สิบฉบับ หลังจากการตรวจสอบอย่างละเอียดของเจียงฉินแล้ว มีเพียงแปดฉบับเท่านั้นที่ผ่านการตรวจสอบ

ต่งเหวินห่าวรู้สึกเสียหน้า ดังนั้นเขาจึงพยายามอธิบายว่านี่เป็นครั้งแรกที่ทุกคนเขียนงานแบบนี้ ความคุ้นเคยจึงยังไม่มากพอ แต่ในอนาคตผลงานที่ผ่านการตรวจสอบต้องมีอัตราสูงขึ้นเรื่อยๆ แน่นอน

เจียงฉินโบกมือแล้วบอกว่าไม่เป็นไร จากนั้นหยิบเงินหนึ่งร้อยห้าสิบหยวนออกมาจากกระเป๋าเงินแล้วมอบให้ต่งเหวินห่าว

“ไม่ใช่ว่าผ่านแค่แปดบทความหรอกเหรอ? บทความละหกหยวน เพราะงั้นสี่สิบแปดหยวนก็พอแล้ว”

“ส่งต้นฉบับครั้งแรกไม่ว่าจะดีหรือไม่ดีผมก็รับทั้งหมด นี่ก็เพื่อกระตุ้นความกระตือรือร้นของพวกเขา แค่ขยับมือนิดหน่อยก็เห็นเงิน พวกเขาจะคิดว่าผมเป็นเจ้านายที่ใจดีมาก และอิทธิพลของคุณในชมรมก็จะแข็งแกร่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้การทำงานในอนาคตเป็นเรื่องง่ายขึ้น”

ต่งเหวินห่าวรับเงินมาด้วยสีหน้าซับซ้อน: “น้องชาย ครอบครัวคุณทำธุรกิจเหรอ?”

เจียงฉินยัดกระเป๋าสตางค์ลงในกระเป๋า: “เปล่าหรอก ผมก็แค่คนธรรมดาที่หน้าตาดี”

“...”

ต่งเหวินห่าวยัดเงินเข้าไปในกระเป๋า ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง: “วันนี้รุ่นพี่เยี่ยนหลิงเอาแต่ทำหน้าบึ้งแทบตลอดเวลาเลย เธอบอกว่าคุณไม่เข้าใจวรรณกรรม หรือว่าเรื่องนิยายจะมีปัญหาอะไร?”

“ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไร นิยายเขียนได้โอเค ตัวอักษรจีนทั้งหมดก็สวยงาม แต่พอมารวมกันมันกลับดูไม่เข้ากันเลย แปลกมากจริงๆ” เจียงฉินยักไหล่

“ถ้างั้นเว็บไซต์ของคุณยังรับนิยายอยู่ไหม?”

“ผมก็อยากรับนะ แต่ของดีมีน้อยเกินไป ผมทำธุรกิจ ไม่ใช่การกุศล”

ต่งเหวินห่าวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นหยิบต้นฉบับอีกฉบับออกมาจากกระเป๋าสะพายหลังของเขา: “งั้นลองดูเรื่องนี้หน่อย คุณคิดว่าเป็นยังไง”

เจียงฉินมองอย่างสงสัยแล้วรับมาเปิดดู ชื่อหนังสือคือ [เธอคือดอกไม้ไฟในโลกใบนี้] เขาเปิดอ่านสองสามหน้าก่อนที่จะขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว: “ค่อนข้างมีระดับเลย แถมยังแปลกใหม่และเข้มข้นมาก ใครเป็นคนเขียนเรื่องนี้ ทำไมถึงต้องซ่อนมันไว้ด้วยล่ะ?”

“อดีตสมาชิกชมรมชื่อสือเหมี่ยวเหมี่ยว”

“อดีต?”

“เธอถูกรุ่นพี่เยี่ยนหลิงตำหนิและไล่ออกจากชมรมไปแล้ว บอกว่างานเขียนของเธอไม่มีจิตวิญญาณ และก็ไม่ต้องมาเสียเวลาที่นี่อีก”

“งั้นผมให้เจ็ดหยวนต่อพันคำ ให้เธอรับประกันว่าจะอัปเดตตอนใหม่ทุกวัน ลิขสิทธิ์นิยายจะเป็นของผม ถ้าเธอตกลงผมก็จะรับมันไว้”

ขณะที่พวกเขากำลังคุยกัน จู่ๆ ประตูห้องชมรมวรรณกรรมก็ถูกผลักเปิดออก เหยาเยี่ยนหลิงเดินเข้ามาจากด้านนอกประตู พอเห็นเจียงฉินก็มีท่าทางตะลึงเล็กน้อย จากนั้นก็เมินเฉยต่อเขาด้วยใบหน้าบึ้งตึง

ก่อนหน้านี้เธอมีความประทับใจที่ดีต่อเจียงฉิน แต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว ในสายตาของเธอ เจียงฉินเป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่เข้าใจวรรณกรรม

เหยาเยี่ยนหลิงหยิบธงหลากสีขึ้นมาจากทางด้านขวาของห้องชมรม แล้วเดินออกไปอีกครั้งโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง

“ไม่ต้องสนใจหรอก รุ่นพี่เธอก็เป็นแบบนี้แหละ เธอไม่เคยยอมให้ใครปฏิเสธผลงานเธอ” ต่งเหวินห่าวอดไม่ได้ที่จะอธิบายแทนเหยาเยี่ยนหลิง

เจียงฉินโบกมือ: “คนที่มีความฝันแบบเธอสมควรได้รับการยกย่อง ไม่เหมือนผม ผมก็แค่มีเงินเน่าๆ ก้อนหนึ่ง”

“...”

(จบตอน)

คำว่า BBC น่าจะเป็นชื่อเรียกแบบรวมๆ ของแบรนด์รถหรูในจีน ซึ่งผมไม่แน่ใจเหมือนกัน อาจจะเป็น BMW, Benz ส่วน C นี่ในจีนมีหลายแบรนด์มาก ถ้าผิดพลาดขออภัยด้วยนะครับ หาข้อมูลแล้วไม่เจอ

WAP หรือ เว็บ ย่อมาจาก Wireless Application Protocol แปลเป็นไทยว่า โปรโตคอลสำหรับแอปพลิเคชันไร้สาย เป็นมาตรฐานที่ทำให้เราสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านอุปกรณ์ไร้สาย เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต หรืออุปกรณ์อื่นๆ ได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด