ตอนที่แล้วก่อตั้งองค์กรมือสังหารในโลกบำเพ็ญเพียร ตอนที่ 14 เรื่องต่อไปนี้สำคัญยิ่งกว่า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปก่อตั้งองค์กรมือสังหารในโลกบำเพ็ญเพียร ตอนที่ 16 แม้กระทั่งข้า เจ้าก็ยังกล้าคิดร้าย

ก่อตั้งองค์กรมือสังหารในโลกบำเพ็ญเพียร ตอนที่ 15 ฟางเทียนหมิง


ก่อตั้งองค์กรมือสังหารในโลกบำเพ็ญเพียร ตอนที่ 15 ฟางเทียนหมิง

“สืบพบหรือไม่ ว่าเป็นฝีมือของขุมอำนาจใด”

จินหยวนเจิ้งเอ่ยถามอีกครั้ง

คราวนี้มือสังหารชุดดำไม่ลังเล รีบตอบกลับ “เรียนนายท่าน กล่าวกันว่าเป็นฝีมือขององค์กรมือสังหารนามว่า ‘ศาลาสังหารโลหิต’”

“องค์กรมือสังหาร......องค์กรมือสังหารที่สามารถสังหารผู้ตรวจการได้ ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน”

จินหยวนเจิ้งขมวดคิ้ว

ไม่นานนัก เขาก็ส่ายหน้า กล่าวว่า “ช่างเถิด ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการฉวยโอกาสที่ราชสำนักยังไม่ล่วงรู้เรื่องนี้ ทำลายล้างศาลาสังหารโลหิตเสีย”

“หากสามารถทำลายล้างศาลาสังหารโลหิตได้ก่อนที่ราชสำนักจะล่วงรู้ บางทีฝ่าบาทไม่เพียงแต่จะไม่พิโรธ แต่อาจจะพอพระทัย ยิ่งไปกว่านั้น โอกาสเลื่อนขั้นของข้าก็มาถึงแล้ว”

รอยยิ้มบนใบหน้าของจินหยวนเจิ้งปรากฏขึ้นไม่นาน ก็แปรเปลี่ยนเป็นความมืดมน

มองไปยังมือสังหารชุดดำ กล่าวว่า “หากทำไม่ได้ ด้วยพลังอำนาจของราชสำนัก การทำให้พวกเจ้าทุกข์ทรมานจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ เป็นเรื่องง่ายดายยิ่งนัก”

เมื่อนึกถึงวิธีการต้องห้ามของราชสำนัก แม้แต่มือสังหารชุดดำที่เป็นถึงหน่วยกล้าตายก็ยังคงรู้สึกหวาดกลัว

“เช่นนั้นนายท่าน อีกฝ่ายสามารถสังหารผู้ตรวจการได้ พลังอำนาจเช่นนี้อยู่นอกเหนือการควบคุมของพวกเราแล้ว พวกเราจะ……”

จินหยวนเจิ้งขัดจังหวะ “ในเมื่อเขตเฉวียนสุ่ยเพียงแห่งเดียวไม่สามารถทำได้ เช่นนั้น หากรวมกับยอดฝีมือระดับเคลื่อนวิญญาณจากเขตโดยรอบเล่า”

มือสังหารชุดดำเอ่ยถาม “นายท่านต้องการใช้จำนวนคนเพื่อปราบปรามอีกฝ่ายหรือขอรับ”

“อืม” จินหยวนเจิ้งพยักหน้า จากนั้นจึงมองไปยังมือสังหารชุดดำอีกครั้ง “เกี่ยวกับที่ซ่อนของศาลาสังหารโลหิต พวกเจ้าพบเจอสิ่งใดหรือไม่”

“เรียนนายท่าน จากการคาดเดาของพวกเรา ที่ซ่อนของพวกเขาน่าจะอยู่ในเมืองหลินเทียน หรือภูเขาโดยรอบ”

“เพียงแค่สามวัน พวกเราน่าจะสามารถค้นหาได้”

“ดี เช่นนั้นข้าจะให้เวลาพวกเจ้าสามวัน”

“หากภายในสามวันยังคงไม่พบเจอ พวกเจ้าคงรู้ดีว่าข้าจะทำเช่นไร”

“ขอรับ”

“เวลาเหลือน้อย รีบนำศพไปซ่อน จากนั้นก็ไปทำภารกิจเถิด”

“ขอรับ”

มองดูมือสังหารชุดดำนำศพออกไป จินหยวนเจิ้งจึงค่อย ๆ นั่งลงบนเก้าอี้

ถอนหายใจออกมา “ฟู่ว~”

ภายนอกประตูมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

แม้ว่าจินหยวนเจิ้งจะมีอารมณ์ไม่ดี แต่ก็ยังคงกล่าวว่า “เข้ามา”

พ่อบ้านคนหนึ่งของจวนผู้ว่าราชการเขตรีบเดินเข้ามา

“คารวะนายท่าน”

พ่อบ้านคุกเข่าให้จินหยวนเจิ้ง

จินหยวนเจิ้งเห็นอีกฝ่ายมีท่าทางกระวนกระวาย จึงเอ่ยถามว่า “มีเรื่องอันใด”

“เรียนนายท่าน เมื่อครู่คุณชายฟางเดินทางมาที่นี่ ต้องการพบเจอนายท่าน แต่ท่านได้สั่งเอาไว้ว่าภายในหนึ่งเค่อ ห้ามผู้ใดเข้าพบ ข้าน้อยจึงให้คุณชายฟางรออยู่ด้านนอก……”

พ่อบ้านยังไม่ทันกล่าวจบ ร่างกายของเขาก็ถูกกระแทกจนกระเด็นออกไป

ร่างกายกระแทกเข้ากับเสา มุมปากของพ่อบ้านมีโลหิตไหลรินออกมา

ดวงตาที่แก่ชรามองดูด้วยความหวาดกลัว

โชคดีที่พ่อบ้านเป็นผู้บำเพ็ญระดับรวมวิญญาณระยะต้น มิเช่นนั้น การโจมตีเมื่อครู่ของจินหยวนเจิ้ง คงทำให้คนธรรมดาสามัญต้องตาย

“นาย… นายท่าน……”

ตอนนี้จินหยวนเจิ้งย่อมไม่พอใจ กล่าวด้วยความโกรธแค้น “รีบไปเชิญคุณชายฟางเข้ามา!”

“ขะ ขะ……ขอรับ”

พ่อบ้านค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน

จากนั้นก็เดินออกไป

“ฮึ่ม ช่างเป็นคนไร้ประโยชน์ยิ่งนัก”

มองดูอีกฝ่ายจากไป จินหยวนเจิ้งแค่นเสียง

คุณชายฟาง มีนามว่า ฟางเทียนหมิง เป็นศิษย์ในของสถาบันฉุยเสวียน

คนธรรมดาสามัญคงไม่คิดเลยว่า ผู้ว่าราชการเขตจะให้ความเคารพศิษย์ของสถาบันถึงเพียงนี้

แต่จินหยวนเจิ้งรู้ดีว่าภูมิหลังของฟางเทียนหมิงนั้นน่ากลัวยิ่งนัก

ราชวงศ์ราชันซุ่ยหยวน นอกจากราชวงศ์แล้ว ยังคงมีตระกูลใหญ่อีกสองตระกูล

ตระกูลฟาง และตระกูลหลิว

ส่วนฟางเทียนหมิงผู้นี้ เป็นบุตรของเจ้าตระกูลฟาง

เพียงแค่คำว่าทายาทตระกูลฟาง ก็ทำให้สถานะของฟางเทียนหมิงเทียบเท่าขุนนางผู้มีอำนาจในราชสำนัก หรืออาจจะเหนือกว่า

จินหยวนเจิ้งเดินลงมาจากเก้าอี้ มองไปยังประตูด้วยท่าทางที่นอบน้อม

ไม่นานนัก บุรุษผู้มีท่าทางสง่างามสวมชุดวิญญาณสมบัติเวทที่ดูมีราคา เดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า

ชายหนุ่มผู้นี้คือฟางเทียนหมิง

ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะเอ่ยวาจา จินหยวนเจิ้งก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “คารวะคุณชายฟาง”

ฟางเทียนหมิงกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม “ได้ยินทาสของเจ้ากล่าวว่า เจ้ามีเรื่องสำคัญต้องจัดการ จึงมิให้ผู้ใดเข้าพบ……”

จินหยวนเจิ้งกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม “มิใช่ มิใช่ ข้าไม่ได้กล่าวเช่นนั้น นั่นเป็นเพียงคำพูดของทาส หากเรื่องเมื่อครู่ทำให้คุณชายไม่พอใจ ข้ารับรองว่าพรุ่งนี้คุณชายจะไม่พบเจอเขาอีกต่อไป”

“เจ้าทำงานได้ดี ข้าจะกล่าวชื่นชมเจ้ากับท่านพ่อ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น จินหยวนเจิ้งก็ดีใจอย่างยิ่ง ป้องมือกล่าวว่า “ขอบคุณคุณชาย……”

“จริงสิ คุณชาย ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากจะรบกวนท่าน”

“กล่าวมา”

“เมื่อไม่กี่วันก่อน……”

ผ่านไปหลายนาที

ฟางเทียนหมิงไม่แสดงท่าทางที่ไม่สนใจอีกต่อไป แต่กลับขมวดคิ้ว “ผู้ตรวจการถูกศาลาสังหารโลหิตสังหาร……”

“ดี ในเมื่อเจ้ารับใช้ข้ามาหลายปี เรื่องที่เจ้ากล่าว ข้าจะจัดการให้”

“ขอบคุณคุณชาย”

ภายในใจของจินหยวนเจิ้งปรากฏรอยยิ้ม

ด้วยความช่วยเหลือของตระกูลฟาง การทำลายล้างศาลาสังหารโลหิตเป็นเพียงเรื่องเวลา

เมื่อศาลาสังหารโลหิตถูกทำลาย ก็ถึงเวลาที่เขาจะเลื่อนขั้น

……

หลังจากนั้น ฟางเทียนหมิงก็ออกจากจวนผู้ว่าราชการเขต

เมื่อเดินออกมา ฟางเทียนหมิงก็เอ่ยถามไปยังความว่างเปล่า “ลุงฟู ท่านคิดว่าสิ่งที่จินหยวนเจิ้งกล่าวเป็นความจริงหรือไม่”

“เรียนคุณชาย ข้าน้อยคิดว่าเป็นความจริงถึงเก้าส่วน”

จากที่ไกล เสียงหนึ่งดังขึ้นในหูของเขา

“เก้าส่วนหรือ……ช่างเถิด เขาคงมิกล้าหลอกลวงข้า มิเช่นนั้น การบดขยี้เขาก็มิต่างจากการบดขยี้มดปลวกตัวน้อยที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจากเมืองหลินเทียนเมื่อครู่นี้”

ฟางเทียนหมิงกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม

ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น ฟางเทียนหมิงไม่รู้เลยว่า ตนเองกำลังถูกสายตาลึกลับหลายคู่จับจ้อง

“ดูเหมือนว่าจะไม่ผิด คนผู้นี้คือเป้าหมาย”

หลัวจวินมีแววตาเย็นชา

“จุ๊ จุ๊ จุ๊ เขาคงไม่รู้ว่าการบดขยี้เขา ก็มิต่างจากการบดขยี้มดปลวกเช่นกันกระมัง” ชายหนุ่มที่มีท่าทางอ่อนโยนและเย็นชาเอ่ยกล่าว

ข้างกายของทั้งสอง ยังคงมีมือสังหารระดับมนุษย์ชั้นเอกหลายคนจากศาลาสังหารโลหิต

“หรือว่าข้าคิดผิดไป……”

ผู้อาวุโสระดับเคลื่อนวิญญาณขั้นห้าที่ได้รับคำสั่งจากตระกูลฟาง ให้คอยปกป้องฟางเทียนหมิงอย่างลับ ๆ กล่าวพึมพำเบา ๆ

4.7 3 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด