บทที่ 34 นกที่ตาย
"ใช้คาถาดึงวิญญาณสะดวกกว่า"
หวังจีเสวียนถือคาถาดึงวิญญาณที่เพิ่งทำใหม่ นั่งอยู่ในรถที่เงียบสนิท
เขาไม่ชอบวิธีของพวกมารนัก
แต่เพื่อให้รู้เร็วขึ้นว่าปั้นเหวินอิงรู้อะไรเกี่ยวกับสิ่งที่เขาสนใจที่สุด - บทบาทที่แท้จริงของโจวเจิ้งเต๋อในเรื่องนี้ - ท่านเต๋าหวังจึงต้องใช้คาถาดึงวิญญาณอีกครั้ง
คนขับรถชราที่นั่งอยู่กำลังกำปืนแน่น ศีรษะหายไปครึ่งหนึ่ง ทิ้งตัวพิงพวงมาลัยหลับใหลอย่างสงบ
ปั้นเหวินอิงนั่งทรุดอยู่ตรงนั้น ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว สัญญาณชีพยังคงที่ชั่วคราว แต่พอหวังจีเสวียนเอาคาถาดึงวิญญาณออก ร่างของนางก็จะตายอย่างรวดเร็ว
หวังจีเสวียนมองไปที่กระท่อมไม้ ตรงนั้นปลอดภัยชั่วคราวแล้ว
เขารีบกลับมาผ่านทางลัด - อุโมงค์ที่คุณยายคงคอยดูแลมาตลอด
อุโมงค์นี้มีทางออกที่กระท่อมไม้เพียงแห่งเดียว แต่มีทางเข้าหลายจุดในเขตแก๊งไฟดำ
ในอุโมงค์มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ควบคุมโดยฝั่งคุณยายคง แต่ไม่ยากที่จะจัดการ ใช้คาถาแค่สองใบก็ระเบิดเปิดได้ อีกทั้งอุโมงค์นี้มีมาหลายปีแล้ว อุปกรณ์หลายอย่างเสื่อมสภาพตามกาลเวลา
หวังจีเสวียนมาถึงใต้กระท่อมไม้อย่างราบรื่น รู้สึกได้ทันทีถึงพลังของโทมัสที่ปรากฏในตัวอาคาร
ตอนแรกหวังจีเสวียนยังคิดว่า โทมัสมาปกป้องคุณยายคนนี้
เขายังคิดด้วยว่า ถ้าคืนนี้พวกนั้นใช้อุโมงค์มา ตอนที่เขากำลังฆ่าบอสแก๊งไฟดำ โทมัสออกมาขัดขวาง ตัวเขาควรจะจัดการนายหน้าที่ช่วยหาสถานที่ฝึกบำเพ็ญให้เขาคนนี้หรือไม่
ใครจะคิด...
จิตใจท่านเต๋าหวังปั่นป่วนไปหมด
'พวกขุนนางธรรมดาใจสกปรกขนาดนี้เลยหรือ?'
'ตัวข้าดูจะเขลาเรื่องโลกไปหน่อย ดีที่ยังคิดมาปกป้องเยี่ยจื่อและคนอื่นๆ อย่างน้อยเด็กๆ ที่ยังไม่ถูกมลทินเหล่านี้ก็ยังบริสุทธิ์ ส่วนคนของแก๊งไฟดำจะหนีไปไหน ก็หนีไม่พ้นป้อมปราการนี่'
'นี่ก็ถือเป็นคนดีได้ผลดีอีกแบบหนึ่งสินะ?'
หวังจีเสวียนยิ่งไม่คาดคิดว่า ฝั่งโจวเจิ้งเต๋อจะถูกแม่ของเขา ซึ่งก็คืออธิบดีฝ่ายกิจการภายใน คอยสอดส่องอย่างเข้มงวด
ส่วนผู้หญิงในรถคนนี้ หวังจีเสวียนก็ต้องถามจนรู้ตัวตนก่อนถึงลงมือดึงวิญญาณ
ปั้นเหวินอิง เลขาคนที่หนึ่งของอธิบดีฝ่ายกิจการภายใน
ก็สมเหตุสมผล อธิบดีฝ่ายกิจการภายในจะมาทำงานสกปรกแบบนี้ด้วยตัวเองได้อย่างไร ส่งลูกน้องมาก็พอ
หวังจีเสวียนเปิดใช้คาถาดึงวิญญาณอย่างคล่องแคล่ว เรียกดวงวิญญาณของปั้นเหวินอิงออกมา รอให้นางปรับตัวสักครู่ ไม่ถามอะไร จุดเปลวไฟจริงที่มีพลังเทียบเท่าไฟแช็กขึ้นมาก่อน
วิญญาณร้องครวญคราง เฉพาะหวังจีเสวียนเท่านั้นที่ได้ยินในใจ
เผาไปครึ่งนาที หวังจีเสวียนจึงพูดเสียงนุ่ม
"ข้าถาม เจ้าตอบ ร่างของเจ้ายังไม่เย็น ถ้าข้าตัดสินว่าควรละเว้นชีวิตเจ้า จะให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อ"
เขาเน้นย้ำคำว่า "ถ้า" เป็นพิเศษ
วิญญาณของปั้นเหวินอิงทรุดนั่งบนกระดาษคาถาที่ลอยไหว รีบพยักหน้าหงึกๆ
หวังจีเสวียนถาม: "ตัวเจ้ามีอุปกรณ์ติดตามหรือดักฟังหรือไม่?"
ปั้นเหวินอิงรีบส่ายหน้าทันที
หวังจีเสวียนเห็นได้ว่านางไม่ได้โกหก
ปั้นเหวินอิงพูดเสียงสะอื้น: "ฉันมาที่นี่ จะให้คนรู้ได้อย่างไร"
"อืม" หวังจีเสวียนถาม "หัวหน้าโจวรู้แผนของเจ้ากับโทมัสมากแค่ไหน"
"เขาคงเดาได้บ้าง" สีหน้าของปั้นเหวินอิงบอกไม่ถูกว่ากำลังร้องไห้หรือยิ้ม "ท่านเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ท่านทำได้อย่างไร วิญญาณของฉัน... วิญญาณของฉันถูกท่านกักขังไว้!"
หวังจีเสวียนไม่สนใจ ถามต่อ: "แล้วแม่ของหัวหน้าโจวล่ะ? นางเป็นผู้บงการทั้งหมดหรือ?"
"ใช่ ฉันเป็นลูกน้องของเธอ"
วิญญาณของนางสั่นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าโกหก
หวังจีเสวียนเลิกคิ้ว ใช้พลังวิญญาณเพียงเล็กน้อยเท่าปลายเข็ม จี้ที่หน้าผากของวิญญาณปั้นเหวินอิง
"อ๊ะ! อ๊าาาา ฉันจะบอก!"
"อย่าเสียเวลาของข้า ข้ายังต้องกลับไปสู้กับแก๊งไฟดำ"
วิญญาณของปั้นเหวินอิงรีบพยักหน้า
นางเล่าเรื่องราวมากมายอย่างรวดเร็ว ทำให้หวังจีเสวียนจมอยู่ในความเงียบอันยาวนาน
ปั้นเหวินอิงเกิดในเมืองชั้นบน อาศัยบุญคุณพ่อแม่ที่เป็นทหารเสียชีวิตอย่างกล้าหาญ ได้เป็นเสมียนในกองทัพ ต่อมาเข้าทำงานในฝ่ายกิจการภายในของป้อมปราการ 76 ที่แม่ของโจวเจิ้งเต๋ออยู่ ทำงานให้แม่ของโจวเจิ้งเต๋อมาสิบเจ็ดสิบแปดปีแล้ว
นางเป็นคนสนิทของแม่โจวเจิ้งเต๋อ แต่ไม่พอใจที่เป็นแค่คนสนิท นางใช้ตำแหน่งเลขาคนที่หนึ่งของอธิบดีฝ่ายกิจการภายในเคลื่อนไหวในเมืองชั้นบน เป็นดอกไม้งามในวงสังคมที่มีชื่อเสียง
เหตุการณ์ต้าหัวฮวาถูกฆ่า และมู่เลี่ยงแก้แค้นมือปืน ทำให้ปั้นเหวินอิงจับกระแสการเมืองได้อย่างว่องไว
สิ่งที่ทำให้ปั้นเหวินอิงแน่ใจว่านี่คือโอกาสสำคัญของนาง คือตอนที่โจวเจิ้งเต๋อถูกโจมตีที่ชั้น 46 นั่นเป็นครั้งเดียวที่บอสแก๊งไฟดำคลั่งเพราะสูญเสีย 'น้องชาย'
เรื่องนี้ทำให้ปั้นเหวินอิงตื่นเต้นจนแทบกระโดด
เพราะปั้นเหวินอิงรู้ว่า โจวเจิ้งเต๋อมีพื้นหลังแข็งแกร่งถึงขั้นที่ผู้ปกครองยังไม่กล้าล่วงเกิน แม่ของเขาจะไม่ละเว้นศัตรูที่กล้าทำร้ายลูกชายของนาง นี่คือโอกาสที่ปั้นเหวินอิงรอมานาน
นางรีบเสนอแผนการ 'ใช้เหตุการณ์ครั้งนี้แทนที่แก๊งไฟดำ'
แก๊งใหญ่เจ็ดแก๊งในเมืองชั้นล่างก็คือขนมเจ็ดชิ้น ถูกควบคุมโดยสามฝ่ายการเมืองจากเมืองชั้นบน
ในส่วนนี้ ฝ่ายทหารที่นำโดยอธิบดีฝ่ายกิจการภายในมักเสียเปรียบมาตลอด
โดยเฉพาะแก๊งไฟดำ ที่รับผิดชอบจัดหาผลิตภัณฑ์เลือดส่งให้แนวหน้าสงคราม ถือเป็นพื้นที่สำคัญที่สุดในเจ็ดแก๊ง แต่กลับถูกฝ่ายสถาบัน 13 ที่นำโดยอธิบดีฝ่ายชีวภาพแห่งป้อมปราการ 76 ควบคุมอย่างแน่นหนา ฝ่ายทหารไม่เคยแทรกแซงได้
ปั้นเหวินอิงรู้ดีว่า อธิบดีฝ่ายกิจการภายในจะไม่ปฏิเสธแผนนี้ และนางก็จะได้ใช้ไพ่ใต้แขนที่เตรียมมาหลายปี
ตรงนี้ทำให้หวังจีเสวียนประหลาดใจเล็กน้อย... โทมัสเคยบอกเขาว่ามีแฟนลับ
เฮ้อ แฟนลับคนนั้น ที่แท้ก็คือปั้นเหวินอิงที่มาสำราญที่เมืองแห่งความสุขชั้น 46 เป็นประจำ!
โทมัสยังแต่งหน้าอย่างโฉ่งฉ่าง เล่นเกมวิปริตต่างๆ กับปั้นเหวินอิงด้วย
นี่...
นี่มันช่างเป็น...
น่าอับอาย ขัดกับจารีต ไร้มนุษยธรรม เสื่อมทรามทางศีลธรรม! ท่านเต๋าหวังไม่อยากฟังรายละเอียดพวกนี้หรอก แม้ว่าจะได้ฟังมาไม่น้อยก็ตาม
ภายใต้การบัญชาการของปั้นเหวินอิง การล้อมปราบแก๊งไฟดำก็เริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งกองกำลังพันธมิตรแก๊ง หน่วยกวาดล้าง และการช่วงชิงอำนาจระหว่างฝ่ายต่างๆ
โจวเจิ้งเต๋อคิดว่าตัวเองมีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้ แต่จริงๆ แล้วทุกอย่างเบื้องหลังคือพี่สาวปั้นของเขาที่ออกหน้า ใช้อำนาจที่ได้จากอธิบดีฝ่ายกิจการภายในจัดการโน่นนี่
ตัวแปรเดียวที่ปั้นเหวินอิงควบคุมไม่ได้ คือ 'ผู้มีพลังจิตคนใหม่' อย่างหวังจีเสวียน
เพราะโจวเจิ้งเต๋อคอยปกป้องอยู่ตลอด
ปั้นเหวินอิงทำทั้งหมดนี้ แน่นอนว่าไม่ได้คิดเพื่อฝ่ายทหาร
นางหวังจะใช้โอกาสนี้สร้างฐานอำนาจของตัวเอง การให้โทมัสตั้ง 'แก๊งพี่น้องกระท่อมไม้' ก็เป็นส่วนหนึ่ง และถ้านางกับโทมัสสามารถก้าวไปอีกขั้น ได้รายชื่อในมือบอสแก๊งไฟดำมา...
นางก็จะจับหางขุนนางเกษียณในเมืองชั้นบนได้หลายคน
ทั้งฝ่ายทหาร สถาบัน 13 และฝ่ายผู้ปกครอง ทั้งสามฝ่ายก็จะตกอยู่ใต้อำนาจนาง
มันมีความเสี่ยงสูงมาก ปั้นเหวินอิงรู้ดี แต่นางก็อยากเสี่ยงดูสักตั้ง
"ฉันควบคุมความต้องการของตัวเองไม่ได้" วิญญาณของปั้นเหวินอิงพูดตัวสั่น "แต่ฉันไม่เคยทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อท่านกับเจิ้งเต๋อ ตั้งแต่เจิ้งเต๋อยังเป็นเด็ก ฉันก็สนิทกับเขาแล้ว คอยดูแลเขามาตลอด ได้โปรด ปล่อยวิญญาณฉันกลับไป!"
หวังจีเสวียนพูดเสียงทุ้ม: "คำถามสุดท้าย"
"ฉันจะตอบทุกอย่าง! ฉันสามารถช่วยท่านหาทรัพยากรมากมายได้!"
"เจ้าคิดว่า ขุนนางสมรู้ร่วมคิดกับโจร กดขี่ประชาชน ทำร้ายคนดี ขุนนางควรตาย หรือโจรควรตาย?"
วิญญาณของปั้นเหวินอิงตะโกน: "โจรควรตาย! โจรสมควรตายที่สุด! ฉันแค่ใช้ประโยชน์จากพวกมันเท่านั้น!"
หวังจีเสวียนยิ้มพูด: "แม้ว้าข้าไม่อยากยุ่งกับเรื่องสกปรกพวกนี้นัก แต่ข้าคิดว่า สมควรตายทั้งคู่"
เขายกปืนลูกซองขึ้น เล็งไปที่ศีรษะของร่างปั้นเหวินอิง
ปั้นเหวินอิงเข้าใจว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น นางร้องตะโกนอย่างตื่นตระหนก
"อย่า! ได้โปรดอย่า! ฉันไม่อยากตาย ฉันไม่เคยทำอะไรท่าน! ฉันคอยช่วยพวกท่านกำจัดแก๊งไฟดำมาตลอด ถ้าไม่ใช่เพราะข้า พวกท่านสองคนจะกวาดล้างแก๊งไฟดำได้ราบรื่นขนาดนี้ไม่ได้หรอก!"
"มีเรื่องหนึ่งที่ต้องพูดให้ชัดเจน"
หวังจีเสวียนโยนคาถาดึงวิญญาณออกไป คาถาลุกไหม้อย่างรวดเร็ว วิญญาณของปั้นเหวินอิงพุ่งเข้าหน้าผากของนาง
นางยังปรับตัวกับสภาพแวดล้อมไม่ทัน ร่างขยับไม่ได้ ก็ได้ยินคนใส่หมวกกันน็อคข้างๆ พูดเบาๆ
"ข้าเองต่างหากที่ต้องการกำจัดแก๊งไฟดำ ไม่ใช่พวกเจ้าใช้ข้าและความรู้สึกยุติธรรมของโจวเจิ้งเต๋อ เพื่อจัดการแก๊งไฟดำ”
"นี่สำคัญมาก เพราะว่า..."
ปัง!
หมวกกันน็อคของหวังจีเสวียนเปื้อนเลือดเล็กน้อย
เขารู้สึกรังเกียจ หยิบผ้าเช็ดหน้าข้างๆ มาเช็ด แล้วโยนผ้าลงบนตัวปั้นเหวินอิง
"จิตเต๋าไม่มั่นคง มารในใจก่อกวน"
หวังจีเสวียนปิดประตูรถ แล้วเปิดอีกครั้ง พูดกับวิญญาณที่กำลังสลายของปั้นเหวินอิง
"อ้อ อีกอย่าง เสี่ยวโจวคนนี้ แม้จะจงรักภักดีไปหน่อย แต่เขาไม่ได้โง่ เขาเตือนข้าให้ถอนตัวแต่เนิ่นๆ บอกว่าเจ้ากำลังทำอะไรบางอย่างอยู่"
ปิดประตูรถแรงๆ หวังจีเสวียนสำรวจรอบข้างอย่างละเอียด ก้มหน้ารีบกลับไปที่กระท่อมไม้ มองศพเจ้าของบ้านผู้เฒ่าสองสามครั้ง
รายชื่อที่มีค่าดั่งทองคำในสายตาของปั้นเหวินอิงและโทมัส ท่านเต๋าหวังไม่ได้สนใจเลย เขาแค่คิดว่า ต้นตอความชั่วของคนผู้นี้อยู่ที่ไหน หรือพูดอีกอย่างคือ มันอยู่ในธรรมชาติของนางเอง
พวกเยี่ยจื่ออยู่ชั้นสองทั้งหมด
หวังจีเสวียนตอนนี้ดูแลพวกเขาไม่ไหว ได้แต่ตะโกนว่า: "เยี่ยจื่อ! อย่ากลัวนะ! ข้าจะกลับมารับพวกเจ้าทีหลัง!"
เยี่ยจื่อไม่ได้ตอบอะไรกลับมา
หวังจีเสวียนถอนหายใจในใจ
ช่วยไม่ได้ เรื่องแบบนี้กระทบกระเทือนจิตใจเด็กๆ มากเกินไป เดี๋ยวค่อยขอให้โจวเจิ้งเต๋อกับเว่ยนาช่วยดูแลเด็กๆ เหล่านี้ ทำการบำบัดจิตใจอะไรพวกนี้
คุณชายโจวน่าจะทำได้ง่ายๆ
ขอแทรกนิดหนึ่ง ปืนที่หวังจีเสวียนใช้ฆ่าปั้นเหวินอิงมีแต่ลายนิ้วมือของโทมัส เขาวางปืนลูกซองกลับไว้ในอ้อมแขนของโทมัสแล้ว
หวังจีเสวียนมุดเข้าห้องลับ คลำกดปุ่มหลายอัน เก้าอี้ไม้และแท่นกลมใต้มันเลื่อนลงพร้อมกัน
หวังจีเสวียนเก็บปืนซุ่มยิงที่เขาวางไว้ที่นี่ก่อนหน้า ใช้นิ้วชี้แตะที่หน้าผาก ดวงตาเปล่งประกายศักดิ์สิทธิ์ รีบเปลี่ยนคาถากระดาษ แล้วเคลื่อนตัวผ่านอุโมงค์กลับไปยังเขตแก๊งไฟดำอีกครั้ง
การเข่นฆ่าได้เริ่มขึ้นแล้ว ย่อมไม่อาจหยุดกลางคันตามใจชอบ
ฝั่งโจวเจิ้งเต๋อบอกว่าจะรอจังหวะให้ป้อมปราการส่งหน่วยกวาดล้างมา อาจจะลงมือแล้ว
งั้นก่อนหน่วยกวาดล้างจะลงมือ ก็จัดการผู้นำแก๊งไฟดำให้มากหน่อย หลีกเลี่ยงไม่ให้มีคนลอกคราบหนีรอด!
ชั้นสองของกระท่อมไม้
เหนือจุดตัดระหว่างห้องหนังสือกับบันได
ใบหน้าเล็กๆ แนบกับช่องไม้กระดาน มองดูศพทั้งสามศพ สบตากับดวงตาเบิกกว้างของคุณยายคงนิ่งๆ
คลื่นอารมณ์อันสงบนิ่งในดวงตาของเด็กสาวมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ราวกับเพิ่งตื่นจากความฝัน
"แม่"
......
ในเวลาเดียวกัน
ในห้องทำงานหัวหน้าสถานีรักษาความสงบชั้น 13
โจวเจิ้งเต๋อมองภาพสามมิติตรงหน้า ภาพถ่ายที่มีความละเอียดต่ำมากค่อยๆ ปรากฏขึ้น หายใจถี่ขึ้นเล็กน้อย
ศพของอันซีอยู่กลางภาพ
มองเห็นลางๆ ว่ารอบๆ ศพอันซี มีลูกสมุนแก๊งไฟดำกำลังหาที่กำบัง
ภาพถ่ายนี้ถูกส่งมาจาก 'สายสืบ' ที่โจวเจิ้งเต๋อส่งไปเมืองชั้นล่าง ทุกฝ่ายกำลังจับตาแก๊งไฟดำ สนใจการปะทะระหว่าง 'ผู้มีพลังจิตลึกลับ' ของเขากับผู้มีพลังจิตจากสถาบัน 13
ดูตอนนี้...
โจวเจิ้งเต๋อกำหมัดร้องอย่างตื่นเต้น: "เยี่ยม!"
จากนั้นเขาก็นึกได้ว่า การตายของอันซีคงปิดไม่มิดจากฝั่งสถาบัน 13 แน่ ฝั่งสถาบัน 13 ต้องมีการเคลื่อนไหว
อื้อ อื้ออือ!
เครื่องติดต่อข้างๆ สั่นขึ้นมาทันใด
โจวเจิ้งเต๋อคว้าเครื่องติดต่อมา บนหน้าจอมีข้อความผุดขึ้นมาไม่หยุด
(จบบท)