บทที่ 101 หุบเหวลึกพันเมตรกลับกลายเป็นภาพมายา!
"เด็กน้อย ถ้าเดี๋ยวข้าเกิดมีปฏิกิริยาแปลกๆ ขึ้นมาอีก เจ้าก็ช่วยบีบข้า บีบให้แรง ๆ เลยนะ!"
เด็กหญิงทำหน้างง เงยหน้ามองจินเป่าเอ๋อด้วยความสงสัย
จินเป่าเอ๋อกวาดสายตามองไปรอบๆ ไม่นานก็พบตำแหน่งของดอกไม้ปีศาจ! โชคดีที่ป่าผืนนี้ไม่ได้กว้างนัก ทั้งป่าล้อมรอบด้วยหน้าผาสูงชัน มองดูคล้ายแท่นหินขนาดใหญ่ที่ยกตัวขึ้นกลางหน้าผาลึกหลายพันวา!
ไม่นานนัก นางก็เก็บดอกไม้ปีศาจได้ตามคำบอกเล่าของเฒ่าชรา ดอกนี้เป็นพืชพลังหยินเข้มข้น ลำต้นและกลีบดอกมีสีม่วงเข้ม กลีบดอกหนาหนักถึงเก้ากลีบ และตรงกลางมีเกสรสีแดงสดคล้ายหยดเลือด และมีกลิ่นคาวแปลก ๆ...
ก่อนหน้านี้ไม่รู้ทำไมถึงหาไม่เจอ แต่พอมีหมอกดำปรากฏขึ้น วันนี้นางถึงได้เห็นตำแหน่งของดอกไม้ชัดเจน
ทันทีที่เก็บดอกมารร้าย ทะเลโคลนรอบตัวก็เริ่มแห้งลงอย่างรวดเร็วราวกับสูญเสียพลังบางอย่างที่หนุนอยู่
ทว่าจินเป่าเอ๋อไม่ได้สนใจมากนัก ตั้งแต่นางลอบเข้าไปในเหมืองคริสตัลจนถึงตอนนี้ก็ล่วงเลยมาถึงสี่วันแล้ว รวมกับเวลาที่ใช้เดินทางถึงจุดหมาย นางคำนวณว่าหากต้องการเข้าร่วมงานคัดชายาก็เหลือเวลาแค่สองวันในการเดินทางเข้าสู่เมืองอู๋หว่าง!
หากจะเผชิญหน้าตรงๆคงไม่อาจชนะ นางจึงคิดจะลอบโจมตีจากด้านข้าง แอบวางยาพิษ หาทางสังหารราชาผีเสียก่อน แล้วค่อยชำระแค้นกับซูเซียนจือ!
อย่างไรก็ดี การออกจากที่นี่โดยใช้เส้นทางอ้อมคงเป็นไปไม่ได้ เพราะซาเหลิ่งได้จับตานางไว้แล้ว
แน่ชัดว่าจะมีการเตรียมการป้องกันไว้ด้านนอกอย่างแน่นอน หากนางปรากฏตัว อาจถูกล้อมโจมตีทันที
ที่ดินแดนภูติผีนี้ไร้ซึ่งพลังวิญญาณ ยิ่งนางใช้มากเท่าไหร่ พลังวิญญาณในตัวก็ยิ่งลดลงเรื่อยๆ จนกระทั่งหมดลงโดยไม่สามารถเติมเต็มได้ นางจึงมีแต่ต้องหาทางหลบหลีก
เมื่อคิดได้ดังนั้น นางเดินไปที่ขอบหน้าผาอีกด้านหนึ่ง มองลงไปเบื้องล่างเห็นแต่ความว่างเปล่าที่มืดดำไร้จุดสิ้นสุด ประกอบกับหมอกดำหนาที่ปกคลุมทั่วพื้นที่ ราวกับทั้งโลกนี้มีแต่ความกลวงเปล่าไม่มีสิ่งใดหลงเหลืออยู่
"พี่สาว… เราจะอยู่ที่นี่นานอีกแค่ไหน ที่นี่มันหนาวมากเลย!"
เด็กหญิงไม่กลัวความเย็น แต่กลัวพลังหยิน นางจึงไม่ชอบดอกไม้ที่จินเป่าเอ๋อถืออยู่เป็นอย่างยิ่ง
ตอนนี้นางยืนห่างจากจินเป่าเอ๋อถึงสามวา ไม่กล้าเข้าใกล้เลย
จินเป่าเอ๋อได้ยินก็ส่ายหัว…
"แถวๆหน้าผานี้ไม่มีอะไรให้เกาะพยุงได้เลย และไม่มีทางออกด้วย คงต้องเดินย้อนกลับไปทางอ้อมล่ะนะ!"
เมื่อได้ยินดังนั้น เด็กหญิงเอียงคอมองด้วยความสงสัย แล้วชี้ไปทางขวามือของจินเป่าเอ๋อ
"แล้วนั่นล่ะ เดินไปอีกฝั่งไม่ได้เหรอ"
จินเป่าเอ๋อหันไปตามทิศทางที่เด็กหญิงชี้ ไม่นานนางก็สังเกตเห็นเชือกเส้นยาวสองเส้นที่ดูเหมือนจะพาดลงไปยังด้านล่างของหน้าผา เชือกนั้นปักแน่นอยู่ในผนังหน้าผาโดยปลายอีกด้านดูเหมือนจะนำไปยังเส้นทางลับใต้หน้าผา
จินเป่าเอ๋อจึงนิ่งคิด...
เท่าที่นางทราบ ราชาผีซาเหลิ่งยึดครองเหมืองผีคริสตัลมาแล้วหลายร้อยปีหรืออาจเป็นพันปี ไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้ามาใกล้ที่แห่งนี้ ไม่ต้องพูดถึงการทิ้งเส้นทางลับไว้เบื้องหลัง นางจึงระแวงว่าเชือกเหล่านี้อาจเป็นกับดัก
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่นางจะทันได้เอ่ยเตือน เด็กหญิงก็พุ่งตัวเกาะเชือกและลื่นไถลลงไปอย่างรวดเร็ว ในพริบตาเดียวร่างของเด็กหญิงก็หายวับไป จินเป่าเอ๋อไม่ทันแม้จะยื่นมือไปคว้าตัวเอาไว้…
"ว้าว! สนุกจังเลย! ฮ่าๆ เร็วมากเลย! ฮ่าๆ!"
เสียงตะโกนอย่างตื่นเต้นของเด็กหญิงดังสะท้อนทั่วหน้าผา นางดูเหมือนจะสนุกมาก!
สีหน้าจินเป่าเอ๋อหม่นลงทันที นางช่างไม่ชอบเจ้าตัวป่วนนี้เสียจริง ทั้งดื้อทั้งไม่ฟังคำเตือน
“โอ๊ย…”
ไม่นานหลังจากนั้น เสียงกระแทกดังสนั่นก็ตามมา เด็กหญิงร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด เสียงหัวเราะสดใสร่าเริงเมื่อครู่กลายเป็นเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นในทันที!
จินเป่าเอ๋อขมวดคิ้ว นางรู้สึกได้ถึงบางอย่างผิดปกติ จากที่เด็กหญิงลื่นลงไปตามเชือกจนถึงตอนที่ร่วงลงสู่พื้นนั้น ใช้เวลาแค่ยี่สิบวินาที แต่ทั้งๆ ที่หน้าผานี้ลึกหลายพันวา เด็กหญิงกลับถึงพื้นเร็วเกินคาด อีกทั้งยังบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย
เมื่อนึกได้ว่าเบื้องล่างอาจซ่อนกลลวงบางอย่างไว้ จินเป่าเอ๋อก็ไม่ลังเล รีบจับเชือกและกระโดดตามลงไปอย่างรวดเร็ว…
เมื่อนางถึงพื้น นางก็ได้ตระหนักถึงความผิดปกติทันที เงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจ พบว่าหน้าผาลึกนี้ที่แท้แล้วแค่ดูลึกและน่ากลัวจากด้านบน ความสูงจริงๆ มีแค่ประมาณสามสิบเมตรเท่านั้น!
จินเป่าเอ๋อจับตัวเด็กหญิงตัวน้อยขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่าทำอะไรบ้าบิ่นแบบนี้!”
หากหน้าผานี้สูงกว่านี้ เด็กหญิงคงไม่ต่างอะไรกับก้อนวุ้นที่แหลกเหลวไปแล้ว!
เด็กหญิงที่นั่งปิดก้นร้องไห้อยู่ตั้งแต่แรก พอได้ยินคำดุของจินเป่าเอ๋อก็รู้สึกน้อยใจ น้ำตาเริ่มเอ่อล้นขึ้นอีกครั้ง นางร้องไห้เสียงดังด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ
“ฮือ! พี่สาวดุข้า! พี่สาวใจร้าย!”
เสียงร้องไห้สะท้อนก้องไปทั่วหน้าผาทำให้จินเป่าเอ๋อเริ่มปวดหัว เพราะนางไม่เคยต้องรับมือกับเด็กๆ จึงทำได้เพียงถอนหายใจและยอมอ่อนข้อ
“เอาล่ะๆ เลิกร้องไห้ได้แล้ว ข้าไม่ดุเจ้าแล้วนะ!”
การต้องพาเด็กตัวป่วนเช่นนี้ไปด้วยไม่รู้ว่าจะเป็นผลดีหรือไม่กันแน่
ความรำคาญในใจนางพุ่งขึ้นชั่วครู่ แต่เพียงพริบตานางก็สะกดไว้
เด็กหญิงรีบเช็ดน้ำตาพลางเงยหน้าขึ้นมาอย่างน่าสงสาร ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ดวงตาบวมช้ำ หันมามองจินเป่าเอ๋ออย่างขอโทษขอโพย
“พี่สาว…ข้าผิดไปแล้ว ต่อไปจะไม่ทำอีกแล้ว ท่านอย่าโกรธข้าได้ไหม”
ท่าทางออดอ้อนอย่างนอบน้อมแตกต่างจากเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง
จินเป่าเอ๋อเริ่มสังเกตเห็นบางอย่างแปลกประหลาดขึ้นมาในหัวใจ
“เจ้าสามารถรับรู้ความรู้สึกของคนอื่นได้หรือ”
ตอนที่นางคิดหนักเรื่องการหาทางออกจากที่นี่ เด็กหญิงก็ลื่นลงตามเชือกเปิดโปงภาพลวงตาของหน้าผาลึกนี้ได้ อีกทั้งเมื่อนางเริ่มอารมณ์ขุ่น เด็กหญิงก็รับรู้ได้ทันทีและรีบขอโทษ ซึ่งความสามารถเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่คริสตัลวิญญาณพึงมี
คริสตัลวิญญาณบริสุทธิ์มาก หากดีใจก็ดีใจ หากโกรธก็คือโกรธ ไม่ใส่ใจความรู้สึกของคนรอบข้าง ไม่แน่ว่าข่าวลือที่เคยได้ยินมาอาจจะผิดเพี้ยนไป อย่างไรก็ดี คริสตัลวิญญาณเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยมีผู้ใดพบเห็น
เด็กหญิงขยี้ตาพลางถามด้วยความงุนงง “ความรู้สึก…คืออะไรหรือเจ้าคะ”
จินเป่าเอ๋อยืนอึ้ง ก่อนจะตัดสินใจละทิ้งความคิดนี้ไป บางทีนางอาจคิดมากไปเอง
จากนั้นนางหันไปสำรวจโดยรอบ พบว่าด้านล่างหน้าผานั้นแตกต่างจากเบื้องบนที่ปกคลุมด้วยหมอกดำอย่างสิ้นเชิง ตรงนี้กลับมองเห็นได้ชัดเจน โครงกระดูกนานาชนิดกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น บางส่วนเป็นซากมนุษย์ บางส่วนเป็นซากสัตว์อสูร ราวกับเคยมีสิ่งมีชีวิตน่ากลัวอาศัยอยู่ที่นี่ มันได้กินสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่หลงเข้ามา และทิ้งโครงกระดูกเหล่านั้นไว้คล้ายสุสานอำพราง
จินเป่าเอ๋อเห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้ว สีหน้าจริงจังขึ้น นางระมัดระวังมากขึ้น เพราะในโลกแห่งการบำเพ็ญเซียนคงไม่แปลกอะไร แต่ที่นี่คือดินแดนภูติผี! ปกติภูตผีที่ตายไปแล้วจะสลายไปกับสายลม ไม่มีทางเหลือซากกระดูกเช่นนี้ จะมีก็เพียงสิ่งมีชีวิตที่มีร่างกายเท่านั้น แต่ใครกันที่มีความสามารถนำสิ่งมีชีวิตมาในดินแดนภูติผีนี้ได้
“พี่สาว ดูนั่นสิ! ตรงนั้นมีอะไรบางอย่างส่องแสงอยู่ด้วย”
จินเป่าเอ๋อได้ยินดังนั้นก็หันไปมองและสังเกตเห็นแสงเรืองๆ ะหว่างหินสองก้อนใหญ่
“นั่นคืออะไร”
นางสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณบางเบาแผ่ออกมาจากอีกฝั่งราวกับว่า…มีบางสิ่งเชื่อมต่ออยู่ นางตัวแข็งไปชั่วขณะก่อนจะพึมพำขึ้น
“นั่นมัน…ค่ายกลหรือ หรือว่าฝั่งตรงข้ามนั้นจะเชื่อมต่อกับโลกแห่งการบำเพ็ญเซียนกัน”