OS ตอนที่ 48 เสน่ห์
วันรุ่งขึ้น อีควิน็อกซ์มาถึงสนามฝึกและพบกับบร็องซ์ เขาได้รับธนูและลูกศรมา ไม่ไกลจากที่เขายืนอยู่ เขาเห็นเป้ายิงห้าเป้าที่มีระยะการยิงที่แตกต่างกัน ระยะการยิงของเป้าหมายแต่ละเป้าหมายมีระยะห่างกันสิบเมตร โดยเป้ายิงที่ใกล้ที่สุดคือสิบเมตร และที่ไกลที่สุดคือห้าสิบเมตร
ดูเหมือนว่าการยิงโดนเป้ายิงห้าครั้ง มันน่าจะหมายถึงการยิงโดนเป้าแต่ละเป้าที่มีระยะการยิงต่างกัน
เกมเพนดีโมเยียมได้มอบอิสระให้กับผู้เล่นไม่เพียงแค่ในการผจญภัยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการตีความในภารกิจอีกด้วย
มีการบ่นในเว็ปบอร์ดเกี่ยวกับภารกิจบางอย่างที่มีความหมายแฝง และวัตถุประสงค์ที่ซ่อนอยู่ หากผู้เล่นค้นพบมัน ไม่เพียงแต่ผู้เล่นจะได้รับรางวัลจะเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังได้รับค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้นอีกด้วย
สิ่งนี้ผูกโยงกับเนื้อเรื่องซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามตัวเลือกของผู้เล่นที่ทำภารกิจ แม้แต่ภารกิจเล็ก ๆ ก็อาจนำไปสู่การทำลายหมู่บ้านได้ ซึ่งเห็นได้ชัดเมื่อแรงเกอร์โพสต์การบันทึกภารกิจของเขา ซึ่งเนื้อหาของมันบ่งบอกถึงการฟื้นคืนชีพของนักเวทย์ผู้ชั่วร้าย
“การใช้ธนูไม่ได้หมายความถึงการเล็งที่สมบูรณ์แบบเท่านั้น แต่ยังหมายความถึงความแข็งแกร่งและความแม่นยำอีกด้วย คุณต้องดึงสายธนูให้ถูกวิธีเพื่อให้ลูกธนูพุ่งตรง และมีพลังมากพอที่จะเจาะทะลุศัตรูได้ ก่อนอื่น ให้ทำตามการเคลื่อนไหวของฉันและพยายามยิงเป้าที่อยู่ห่างออกไปสิบเมตรก่อน” บร็องซ์กล่าว
อีควิน็อกซ์พยายามเลียนแบบท่าทางของบร็องซ์แต่ก็ไม่โดนเป้ายิง มันไม่ง่ายอย่างที่เขาคิดจริง ๆ
ด้วยเหตุนี้ ทุกครั้งที่เขาดึงสายธนู บร็องซ์จะขอให้เขาค้างท่าไว้ก่อน แล้วบร็องซ์ก็จะแก้ไขท่าทางของอีควิน็อกซ์ กิจวัตรนี้เกิดขึ้นจนกระทั่งอีควิน็อกซ์จดจำท่วงท่าของการยิงธนูได้ขึ้นใจ
อีควิน็อกซ์สามารถยิงเป้าในระยะสิบเมตรได้สำเร็จหลังจากยิงไปราว ๆ ยี่สิบครั้ง ยิงเป้าในระยะยี่สิบเมตรได้สำเร็จหลังจากยิงไปประมาณสี่สิบครั้ง และยิงเป้าในระยะสามสิบเมตรได้สำเร็จหลังจากยิงไปไม่ถึงสามสิบครั้ง
เขาเริ่มคุ้นเคยกับการยิงธนูแล้ว เขาจึงหยุดพักก่อนที่จะยิงเป้าสองเป้าสุดท้าย เขาลองยิงเป้าเดิมอีกครั้ง เผื่อเขาจะสามารถบรรลุภารกิจได้ แต่มันไม่ได้ผล เขาจะต้องยิงเป้าทั้งห้าที่มีระยะแตกต่างกันเพื่อจบภารกิจ
จากนั้น อีควิน็อกซ์เล็งเป้าสองเป้าหมายสุดท้ายต่อไป และจัดการเคลียร์ภารกิจได้สำเร็จหลังจากพยายามหลายร้อยครั้ง ดูเหมือนว่าความยากจะเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณสำหรับเป้ายิงที่อยู่ไกลออกไป แต่เขาสามารถเคลียร์ภารกิจได้สำเร็จ
[ผู้เล่น อีควิน็อกซ์ ได้ทำภารกิจบรรลุลความเชี่ยวชาญอาวุธ ตอนสุดท้ายสำเร็จแล้ว ขอแสดงความยินดีที่เคลียร์ภารกิจต่อเนื่องได้สำเร็จ]
[ผู้เล่น อีควิน็อกซ์ ได้รับทักษะติดตัว ความเชี่ยวชาญอาวุธ]
[ข้อจำกัดทั้งหมดที่กำหนดให้กับผู้เล่น อีควิน็อกซ์ จะถูกยกเลิก ทักษะและเอฟเฟ็กต์ของฉายาจะกลับมามีผลอีกครั้ง]
[ผู้เล่น อีควิน็อกซ์ ได้รับรางวัล All Stats + 5 สำหรับการฝึก]
[ผู้เล่น อีควิน็อกซ์ ได้รับฉายา 'ทหารสำรองเดมอส']
==
ทักษะ: ความเชี่ยวชาญด้านอาวุธ
เอฟเฟ็กต์: เพิ่มความเสียหายที่เกิดจากอาวุธทุกประเภท 5% เพิ่มทักษะอาวุธทั้งหมด 10%
==
==
ฉายา: ทหารสำรองเดมอส
เอฟเฟ็กต์: สามารถรับภารกิจที่จัดเตรียมโดยกองกำลังรักษาเมือง เพิ่มค่าสถานะ 10% เมื่อต่อสู้ร่วมกับกองกำลังรักษาเมืองเดมอส
==
ตอนนี้อีควิน็อกซ์ได้รับทักษะความเชี่ยวชาญอาวุธแล้ว เขาจึงถามบร็องซ์ว่าเขาจะได้รับทักษะเสน่ห์ได้อย่างไร เนื่องจากสมาชิกกองกำลังรักษาเมืองมักจะเป็นผู้ที่ใช้ทักษะนี้ เพราะพวกเขาเป็นกลุ่มคนที่มักจะออกไปข้างนอกมากที่สุด
“ฉันเห็นว่าคุณอยากเรียนรู้มันเพื่อที่คุณจะได้ออกไปข้างนอก และเรียนรู้จากวัฒนธรรมของเผ่าพันธุ์อื่น
การได้รับมันไม่ใช่เรื่องยาก คุณเพียงแค่ต้องจินตนาการถึงตัวเองในรูปลักษณ์ที่คุณต้องการ เสน่ห์เป็นการพรางตัวมากกว่าการแปลงร่าง เพราะมันทำแค่ซ่อนหรือเปลี่ยนการรับรู้ของคนอื่นที่มีต่อคุณเท่านั้น
ในทางกายภาพ คุณสามารถถูกมองโดยไม่มีเขา แต่เมื่อคุณถูกสัมผัสส่วนนั้นของร่างกาย มันยังคงอยู่ มันหลอกสายตาของผู้คน แต่คุณอาจค้นพบได้หากคุณไม่ระวัง นั่นคือเหตุผลที่อย่าให้คนอื่นสัมผัสหัวของคุณ”
“เราจะฝึกฝนเสน่ห์กันในห้องนั้น เพราะห้องนั้นมีกระจกอยู่ เอาล่ะ ขอให้คุณโชคดี”
เมื่อบร็องซ์พูดจบ เขาก็บอกลาอีควิน็อกซ์ในเวลาต่อมา
อีควิน็อกซ์เดินเข้าไปในห้อง และลองนึกภาพตัวของเขาเป็นร่างเผ่ามนุษย์ก่อนหน้านี้เป็นอันดับแรก เขาเห็นว่าแขนของเขาเริ่มเปลี่ยนไป จากนั้น เขาจึงพยายามทำทุกส่วนของร่างกาย แต่ก็เริ่มมีเหงื่อออก เพราะต้องใช้สมาธิทั้งหมดของเขาในทันทีเพื่อนึกภาพตัวเองกลายเป็นร่างเผ่ามนุษย์
หลังจากพยายามล้มเหลวสองสามครั้ง อีควิน็อกซ์ก็สามารถเปลี่ยนร่างของเขาทั้งหมดได้สำเร็จ ซึ่งแน่นอนว่าไม่รวมเสื้อผ้าและอาวุธ แต่เขายังไม่ได้รับทักษะ เขาจึงลองเดิน แต่เขาเสียสมาธิระหว่างเดิน มันจึงทำให้เอฟเฟ็กต์นั้นหายไป
‘ฉันคิดว่าอย่างน้อย ๆ ฉันต้องเดินอย่างมั่นคงเพื่อที่จะได้ปลดล็อกทักษะ’ อีควิน็อกซ์คิด
มีสามวิธีในการรับทักษะ ได้แก่ ผ่านหนังสือทักษะ การสร้างทักษะ และศึกษาจากครู
วิธีที่อีควิน็อกซ์กำลังทำอยู่คือการสร้างทักษะ ซึ่งต้องใช้เวลา และความพยายามมากพอสมควร เพราะเขาต้องสร้างทักษะขึ้นมาใหม่ตั้งแต่ต้น และรอให้ระบบตรวจสอบการสร้างทักษะของเขา
หลังจากทดลองอยู่นานจนเขาเริ่มจะยอมแพ้ แต่จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นมา
[ผู้เล่น อีควิน็อกซ์ สามารถสร้างทักษะใช้งาน 'เสน่ห์' ได้สำเร็จ]
==
ทักษะ: สเน่ห์
ระดับ: หายาก
เอฟเฟ็กต์: ปกปิดภาพที่แท้จริงของผู้ใช้จากมุมมองของผู้อื่น มันไม่ได้เปลี่ยนรูปร่างของผู้ใช้ แต่จะเปลี่ยนการรับรู้ของผู้อื่นที่มีต่อผู้ใช้ ผลของทักษะจะหมดลงหากผู้ใช้มีเลือดเหลือต่ำกว่า 5%
คูลดาวน์: 20 นาที
MP: 200
==
อีควิน็อกซ์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และมองไปที่จำนวนชั่วโมงที่เหลือในการเข้าสู่ระบบ ซึ่งเวลาอีก 10 นาที แต่เขาออกจากระบบไปแล้ว เพราะความเหนื่อยล้าทางจิตใจ
ก่อนจะเข้านอน เขาได้โทรหาเพื่อนสนิทของเขา
“มาร์ลอน นายช่วยฉันทำภารกิจเลื่อนสายอาชีพให้ฉันหน่อยได้ไหม?” เอเดรียนถาม
“ได้สิ ตอนนี้นายเลเวลเท่าไหร่? ฉันเลเวล 45 แล้ว” มาร์ลอนตอบ
“ฉันยังเลเวล 20 อยู่เลย เพราะฉันต้องผ่านข้อกำหนดอื่น ๆ กว่าจะไปถึงขั้นตอนสำหรับการเลื่อนสายอาชีพ” เอเดรียนกล่าว
“โห นั่นถือว่าเร็วมากเลยนะ เพราะนายเพิ่งเริ่มเล่นเกมนี้เมื่อสองสัปดาห์ก่อนนี้เอง” มาร์ลอนกล่าวชมเชย
“ฉันอาจจะเลเวล 20 แต่เลเวลของสัตว์อัญเชิญของฉันยังต่ำมาก แถมยังต้องทำอะไรบางอย่างก่อนที่ฉันจะมุ่งหน้าไปปราบแบนชีแห่งซิลเวอร์มัวร์”
เอเดรียนกล่าวในขณะที่เขานึกขึ้นได้ว่าเขาต้องได้รับทักษะการแปลงร่างสำหรับสัตว์อัญเชิญของเขา เขาจะแสดงร่างจริงของสัตว์อัญเชิญให้มาร์ลอนเห็นเท่านั้น ไม่ใช่ให้ทั้งโลกเห็น เพราะเขาไม่อยากถูกตามล่าโดยกิลด์อื่น
เอเดรียนอยากสำรวจโลกทั้งหมดของแพนเดโมเนียม ก่อนเข้าร่วมกิลด์หรืออาจจะสร้างกิลด์เป็นของตัวเอง
"ตกลง ถ้าจะไปลงดันเจียนเมื่อไหร่ก็บอกฉันมาได้เลย เพื่อนซี้อย่างฉันพร้อมจะทิ้งทุกอย่าง เพื่อที่จะมุ่งหน้ามาช่วยนายอย่างเต็มที่"
มาร์ลอนพูดอย่างจริงจัง แต่เอเดรียนก็หัวเราะอย่างชอบใจ
เอเดรียนกล่าวขอบคุณมาร์ลอน และบอกว่าเขาจะคุยกับเขาอีกครั้งในภายหลัง ตอนนี้เอเดรียนพร้อมเข้านอนแล้ว
…
ในระหว่างที่เอเดรียนกำลังฝึกฝนเพื่อรับทักษะ มีกลุ่มคนที่นำโดยโจนส์ นักสำรวจชื่อดัง โดยพวกเขากำลังเดินทางไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
การเดินทางครั้งนี้ มันมีจุดเริ่มต้นมาจาก โจนส์ได้รับแผนที่ซึ่งเต็มไปด้วยภาพวาดชวนขนลุกมา เขาจึงต้องการมุ่งหน้าไปยังที่ตั้งของแผนที่ โดยไม่สนใจคำเตือนที่ปรากฏบนบนแผนที่เลย
เพราะเขาคิดว่าเป็นเพียงแค่เกมที่ไม่น่าจะส่งผลกระทบใด ๆ กับพวกเขา อีกทั้งแผนที่นี้ยังซื้อมาในราคาเพียง 5 เหรียญทองแดงเท่านั้น
ด้วยเส้นสาย เขาจึงติดต่อขอความช่วยเหลือจากกิลด์ชั้นนำได้ ทำให้เขาได้รับสมาชิกบางส่วนจากกิลด์ชั้นนำมา
ตำแหน่งสมบัติอยู่ในโซนที่มีมอนสเตอร์เลเวล 150 ซ฿งผู้เล่นทั่วไปมีเลเวลอยู่ราว ๆ 100 เท่านั้น และมีเพียงกิลด์ชั้นนำเท่านั้นที่มีผู้เล่นเลเวลประมาณ 140 ถึง 150
การจัดอันดับเลเวลล่าสุดได้เปิดเผยออกมาแล้ว โดยโฮ่วยี่เว่ยมีเลเวล 167 นอกจากนี้ยังมีการจัดอันดับตามอาชีพ ซึ่งอ้างอิงตามสายอาชีพพื้นฐานอีกด้วย
สมาชิกที่ร่วมทางกับโจนส์ไม่ใช่สมาชิกหลักของกิลด์ชั้นนำ แต่ยังเป็นเกมเมอร์มืออาชีพที่สามารถร่วมมือกันปราบมอนสเตอร์ที่มีเลเวลระหว่าง 150 ถึง 170 ได้
แต่น่าเสียดายที่คราวนี้เทพธิดาแห่งชัยชนะไม่ได้ยิ้มให้พวกเขา เมื่อพวกเขาเข้าไปในถ้ำที่เรียกว่าถ้ำต้องห้าม พวกเขาก็สูญเสียสมาชิกไปหนึ่งคนในทุก ๆ ชั่วโมง จากสมาชิกห้าสิบคนที่ร่วมทางกับโจนส์ เหลือเพียงสิบคนเท่านั้นที่เป็นหัวหน้าของแต่ละปาร์ตี้
เมื่อพวกเขาไปถึงห้องบอส พวกเขาก็พบกับบอสที่แข็งแกร่งมากจนพวกเขาถูกกำจัดก่อนที่จะสร้างความเสียหายได้
บอสตัวนั้นขี่ม้าซีดที่มีลมหายใจที่กัดกร่อน บอสมีรูปร่างหน้าตาประหลาดที่แม้แต่ผีก็ยังตกใจ เพราะมันมีเนื้องอกอยู่ทั่วร่างกาย บางก้อนเต้นเป็นจังหวะ ในขณะที่บางก้อนแตกออก และมีของเหลวสีเขียวไหลออกมา
ชื่อของบอสเป็นสีทอง ซึ่งบ่งบอกว่ามันเป็นมอนสเตอร์บอสที่เพิ่มระดับตามจำนวนผู้เล่น และเป็นเรดบอส
==
ชื่อ: โรคระบาด (จตุอาชาแห่งวันสิ้นโลก)
เลเวล: 200
HP: 99.99% / 100%
คำอธิบาย: ???
==
เมื่อทีมบุกโจมตีพ่ายแพ้ ข้อความโลกก็ปรากฏขึ้น
[หนึ่งในจตุอาชาแห่งวันสิ้นโลกได้ถูกปลุกขึ้น โรคภัยที่ไม่คาดคิดจะมาเยือนประเทศต่าง ๆ ซึ่งมาพร้อมกับโรคภัยที่ไม่มีทางรักษาได้ และอายุขัยของผู้อยู่อาศัยในโลกนี้จะลดลง 5 ปี]