บทที่ 324 : ระเบิด (5)
[แปลโดยฝีมือ...ยักษาแปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ]
[Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย]
[หลังแปลจบ คิดว่าจะมีการเกลาคำเบื้องต้น แก้คำผิด ปรับสำนวนให้สละสลวย เทียบคำต่อคำ อยากขอให้ทุกคนสนับสนุนไปจนจนนะครับ ส่วนคนที่สนับสนุนแล้ว ก็ขอบคุณที่ให้การสนับสนุนกันเสมอมาครับ]
บทที่ 324 : ระเบิด (5)
ฤดูใบไม้ร่วง ช่วงเวลาแสนสั้น ราวกับหยุดพักหายใจเพื่อเตรียมพร้อมรับความเหน็บหนาวของฤดูเหมันต์ หากวัดจากอุณหภูมิที่เริ่มลดต่ำลงก็คงเป็นเช่นนั้น แต่หากมองจากวันเวลาที่ผันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฤดูใบไม้ร่วงก็เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ทำให้เราได้สัมผัสกลิ่นอายปลายปีก่อนใคร
จากที่เคยเย็นสบาย บัดนี้เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความหนาวเย็นยะเยือก
ช่วงครึ่งปีหลังหรือช่วงปลายปี แม้จะมีเวลาเพียงสี่เดือน นับตั้งแต่เดือนกันยายนถึงธันวาคม แต่กลับมีเรื่องราวมากมายรออยู่เบื้องหน้า
หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นระเบิดเวลาที่รอวันปะทุ
คังวูจินครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ ตลอดทั้งปีแทบไม่มีวันไหนที่สงบสุขเลย ยิ่งใกล้วันสิ้นปีเท่าไหร่ ระเบิดเวลาที่เกี่ยวพันกับชีวิตเขาก็ยิ่งถูกบรรจุดินปืนพร้อมจุดชนวนมากขึ้นเท่านั้น ในวินาทีนั้นเอง ภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ก็วนเวียนอยู่ในห้วงความคิดของวูจิน
‘ตุลาคมฉายที่ญี่ปุ่น พฤศจิกายนฉายที่เกาหลี’
นั่นคือเส้นทางของ "บุปผาเร้น" มันช่างรวดเร็วเหลือเกิน ชีวิตประจำวันและเบื้องหลังการทำงานของวูจินในปีที่แล้วและปีนี้แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน แน่นอนว่าแม้แต่ในปีที่แล้ว ความเคลื่อนไหวของคังวูจินก็ยังคงโดดเด่น เขาประสบความสำเร็จมากมายในปีแรกที่เดบิวต์
อย่างไรก็ตาม คังวูจินในปีนี้กลับยิ่งดุดันและร้อนแรงกว่าปีที่แล้ว
ตั้งแต่เดือนมกราคมเรื่อยไปจนถึงเดือนธันวาคม ไม่มีเดือนไหนที่เขาได้หยุดพักเลย คังวูจินถือโทรศัพท์มือถือแนบหูไว้ในบูธ ใบหน้าเรียบนิ่ง แต่สมองกำลังประมวลผลข้อมูลอย่างรวดเร็ว หลังจากฟังผู้กำกับเคียวทาโร่พูดจบ
‘...เดือนนี้ "มารร้ายผู้แสนดี" จะเริ่มถ่ายทำ ปลายเดือนจะไปคานส์ ตุลาคม "บุปผาเร้น" ฉายที่ญี่ปุ่น พฤศจิกายนฉายที่เกาหลี โอ้- ไม่นะ แถมยังมีอัลบั้มใหม่ของไมลีย์ คาร่า ที่จะปล่อยออกมาเร็ว ๆ นี้อีกด้วยสินะ!’
แค่ไล่เรียงคร่าว ๆ ก็ปาเข้าไปมากมายขนาดนี้แล้ว ระหว่างนั้นยังมีอีกหลายเรื่องที่คังวูจินไม่ได้พูดถึง อย่างเช่น ‘เพื่อนชาย: รีเมค’ ที่กำลังออกฉายอยู่ หมายความว่าจนถึงสิ้นปี ระเบิดปรมาณูพร้อมถล่มอีกเพียบ
‘บ้าเอ๊ย แน่นขนัดจริง’
คังวูจินครุ่นคิดอย่างไม่อยากเชื่อ แต่ใบหน้ายังคงเรียบเฉยไร้อารมณ์ ความจริงหากนักแสดงคนอื่นเห็นตารางงานนี้คงอาเจียนออกมาเป็นแน่ แต่มันเป็นไปได้ก็เพราะคังวูจินผู้มีมิติว่างเปล่า ยอมกัดฟันสู้ ฝ่าฟันตารางงานหฤโหดนี้แหละ
หากจะทำแบบนี้ได้ คงมีแต่…อสูรกาย
หรือบางที...ไม่สิ ต้องเป็นคำว่า ‘แน่นอน’ ในโลกนี้มีเพียงคังวูจินเท่านั้นที่สร้างผลงานแบบปัจจุบันหรืออนาคตแบบนี้ได้ เขาเงยหน้าขึ้น ชเวซองกุนและทีมงานที่อยู่นอกบูธกำลังเอียงคอมอง สงสัยว่าคังวูจินคุยโทรศัพท์กับใคร แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ กดเสียงต่ำตอบผู้กำกับเคียวทาโร่ทางโทรศัพท์มือถือ
“เข้าใจแล้วครับ”
เสียงแหบพร่าของผู้กำกับเคียวทาโร่ดังมาทันที
“ถ้าสมมติว่าตัดต่อเสร็จปลายเดือนนี้ กำหนดฉายเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายนก็คงไม่ต่างกันมาก ถือว่าคอนเฟิร์มได้เลย”
“ครับ”
“ส่วนเรื่องการประชาสัมพันธ์และการตลาดก่อนฉาย ตามที่ตกลงกันไว้ เราจะทุ่มทุนมากกว่าปกติหลายเท่าตัว รอบปฐมทัศน์ก็เหมือนกัน ทั้งจำนวนรอบ ขนาด และความถี่ จะมากกว่าที่เคยทำ”
“รอบปฐมทัศน์เริ่มประมาณกลางเดือนตุลาคมใช่ไหมครับ?”
“น่าจะ”
รอบปฐมทัศน์...
กระแสตอบรับภาพยนตร์ 'บุปผาเร้น' ก่อนรอบปฐมทัศน์นั้นร้อนแรงจนทำให้ต้องขยายรอบฉายเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ทว่าความนิยมที่พุ่งสูงกลับกลายเป็นแรงกดดันมหาศาล คังวูจินสร้างความประทับใจไว้มากมายในงานแถลงข่าวเปิดตัวภาพยนตร์ ไม่แปลกที่ทุกสายตาต่างจับจ้องรอคอยผลงานชิ้นนี้อย่างใจจดใจจ่อ
หลังจากนั้นเอง
“คุณวูจินครับ” เสียงผู้กำกับเคียวทาโร่ดังมาจากปลายสาย
“เรื่องกำหนดฉาย 'บุปผาเร้น' น่ะ เป็นยังไงบ้าง ยังไม่สะดวกเข้าร่วมใช่ไหม?”
วูจินเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะพยักหน้ารับเบา ๆ แม้ไม่ได้เห็นหน้า แต่เคียวทาโร่สัมผัสได้ถึงความลังเลในน้ำเสียงทุ้มต่ำที่เอื้อนเอ่ยออกมา
“ขออภัยด้วยครับ”
หากการตัดต่อ 'บุปผาเร้น' เสร็จสิ้นปลายเดือนกันยายน โอกาสเข้าฉายในสัปดาห์นั้นก็มีสูงมาก แต่ในช่วงเวลาดังกล่าว วูจินน่าจะติดถ่ายทำภาพยนตร์ 'มารร้ายผู้แสนดี' ในต่างประเทศ หรือไม่ก็ถ่ายทำเสร็จสิ้นแล้วและเดินทางไปร่วมเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ตารางงานแน่นขนัดจนแทบไม่มีเวลาหายใจ
“ผมคงไม่สามารถเข้าร่วมได้ครับ”
เคียวทาโร่แย้มยิ้มบาง ๆ แม้จะแอบเสียดาย แต่ก็เข้าใจดี
“ไม่เป็นไรหรอก ตอนงานแถลงข่าวเปิดตัว คุณก็ช่วยได้มากแล้ว แค่ขึ้นเวทีทักทายในวันฉายก็พอ”
“รับทราบครับ” วูจินรับคำ
“อีกไม่นานคุณก็จะไปคานส์แล้วสินะ?”
“ครับ”
“ผมเองก็อยากไปคานส์เหมือนกันนะ แต่คงต้องคอยเชียร์คุณอยู่ทางนี้”
“ขอบคุณครับ คุณผู้กำกับ” วูจินตอบรับด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก
เคียวทาโร่กล่าวเสริมด้วยความรู้สึกจริงใจ “ผมอยากเห็นคุณวูจินชูถ้วยรางวัลด้วยตาตัวเองจริง ๆ”
ถ้วยรางวัลหรือ? มองอนาคตของเขาพุ่งทะยานเกินคาดขนาดนั้นเชียว? วูจินแอบหัวเราะหึ ๆ ในใจอย่างขบขัน แม้แต่ตัวเขาเองยังนึกภาพไม่ออกเลยว่าจะได้ยืนเชิดหน้าชูตาถือถ้วยรางวัลในเทศกาลภาพยนตร์ระดับโลก แต่หากวูจิน หรือที่ใคร ๆ เรียกกันว่าภาพยนตร์เรื่อง "ปลิง" ได้รับรางวัลใด ๆ จากเมืองคานส์ พลังทำลายล้างคงเทียบเท่าระเบิดนิวเคลียร์หลายร้อยลูกที่ถูกทิ้งลงเบื้องหลัง แรงสะเทือนจะต้องมหาศาลอย่างแน่นอน
มันคงกลายเป็นกลยุทธ์ประชาสัมพันธ์ชั้นยอดโดยธรรมชาติ
ผู้กำกับเคียวทาโร่ที่รู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้วเอ่ยพึมพำ
“นี่เป็นครั้งแรกนะครับ ที่ผ่านมายังไม่เคยมีนักแสดงชาวเอเชียคนใดคว้ารางวัลนักแสดงนำชายที่เมืองคานส์ได้เลย”
น้ำเสียงของเขาเปี่ยมล้นไปด้วยความจริงใจ
“ช่างน่าตื่นเต้นจริง ๆ”
ขณะเดียวกัน ณ นครลอสแอนเจลิส
ท้องฟ้าค่อย ๆ เปลี่ยนสีจากรัตติกาลสู่รุ่งอรุณ แอลเอเริ่มต้นวันใหม่อีกครั้ง ภายในห้องประชุมของเอเจนซี่ยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง ซูเปอร์สตาร์ระดับโลกและชาวเกาหลีกลุ่มหนึ่งกำลังเผชิญหน้ากัน นั่นคือ ไมลีย์ คาร่า และPDซงมันวูผู้มีเคราแพะ รวมถึงคนอื่น ๆ
'โอ้พระเจ้า! นี่ฉันกำลังจะได้เห็น ไมลีย์ คาร่า ตัวเป็น ๆ ใช่ไหมเนี่ย'
'ไมลีย์ คาร่า...Netflix พยายามติดต่อเธอมาตั้งนานแต่เธอก็ไม่เคยสนใจ แต่พอมีคังวูจินเข้ามาเกี่ยวข้อง กลับได้เจอกันง่าย ๆ แบบนี้เชียวเหรอ ทั้งสองคนสนิทสนมกันมากขนาดไหนกันนะ'
'ว้าว! นี่มัน ไมลีย์ คาร่า จริง ๆ ด้วย! โอ้โห! ออร่าความเป็นซูเปอร์สตาร์นี่มันช่างเปล่งประกายเจิดจ้า!'
ผู้จัดการทั่วไปของ Netflix เกาหลี คิมโซฮยาง นักเขียนชเวนานา และผู้จัดการฝ่ายผลิตของ "มารร้ายผู้แสนดี" ต่างพยายามเก็บซ่อนความตื่นเต้นเอาไว้ภายใน แม้ใบหน้าจะยังคงเรียบเฉย ส่วนคาร่านั้นดูผ่อนคลายสบาย ๆ ก็คงเป็นเรื่องปกติสำหรับเธอที่ต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้อยู่บ่อยครั้ง
ต่อมา
-กึก
ผู้กำกับซงมันวูรายการเป็นคนเริ่มทักทาย คาร่ายื่นมือออกไปพร้อมเอ่ยภาษาอังกฤษด้วยน้ำเสียงที่เย็นเล็กน้อย
“สวัสดีค่ะ ฉันไมลีย์ คาร่า”
“ฮ่า ๆ แน่นอนว่าผมรู้จักครับ ไม่สิ คนทั้งโลกก็น่าจะรู้จัก”
“พูดจาชมกันตั้งแต่เริ่มเลยนะคะ?”
“เหรอครับ?”
ถึงแม้จะตื่นเต้น แต่ซงมันวูก็ยังคงเป็นผู้กำกับมือฉมังในวงการละคร เขาและคาร่าสนทนากันอย่างสบาย ๆ แม้ภาษาอังกฤษของเขาจะยังไม่คล่องแคล่วนัก จากนั้นคาร่าก็หันไปหาคิมโซฮยางที่ดูเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล
“สวัสดีค่ะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ คุณไมลีย์ ฉันคิมโซฮยาง ผู้อำนวยการฝ่าย Netflix เกาหลีค่ะ”
“โอ้ งั้นเหรอคะ?”
“ค่ะ เป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยค่ะ”
“ฉันก็เช่นกันค่ะ”
สมกับเป็นบริษัทระดับโลกอย่าง Netflix ภาษาอังกฤษของคิมโซฮยางอยู่ในระดับดีเยี่ยม ต่อมา นักเขียนบทชเวนานาก็เข้ามา
“อ่า สวัสดีค่ะ!”
นักเขียนบทชเวนานาที่ดูประหม่าเอ่ยทักทายเป็นภาษาอังกฤษก่อนจะแนะนำตัวเป็นภาษาเกาหลี
“ฉัน นักเขียนบทชเวนานาค่ะ!”
คิมโซฮยางรับหน้าที่เป็นล่าม ดวงตาสีฟ้าของคาร่าเป็นประกายระยิบระยับเมื่อได้ยินคำว่า “นักเขียนบท”
“จริงเหรอคะ? ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ คุณนักเขียน ฉันตั้งตารออ่านบทเลยค่ะ”
“ข-ข-ขอบคุณค่ะ!” ชเวนานาพูดตะกุกตะกักด้วยความตื่นเต้น
“หือ?”
“คะ?”
บรรยากาศในห้องประชุมผ่อนคลายลงทันทีด้วยบทสนทนาที่ตะกุกตะกักของชเวนานา ไม่นานนัก ทุกคนก็เข้าประจำที่ ผู้กำกับซงมันวูเป็นคนเริ่มต้นบทสนทนาหลังจากปล่อยกระดุมเสื้อเบลเซอร์ที่ดูเหมือนจะทำให้เขารู้สึกอึดอัด
“ก่อนอื่นเลยต้องขอบคุณที่คุณตกลงมาร่วมแสดงใน ‘มารร้ายผู้แสนดี’ ของเรานะครับ”
คาร่าแสยะยิ้มมุมปาก เผยให้เห็นความเยือกเย็นเฉพาะตัวพร้อมกับเสยผมสีทองขึ้นอย่างแพรวพราว
"ผลงานชิ้นนี้น่าสนใจมากค่ะ ตรงกับความต้องการของฉันพอดี ต้องขอบคุณคุณคังวูจินมากกว่าค่ะ" คาร่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
"จริงด้วยครับ"
"เอ่อ... ขอดูบทก่อนได้ไหมคะ?" คาร่าถามต่อด้วยความกระตือรือร้น
PDซงมันวูพยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปมองนักเขียนชเวนานาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ นักเขียนสาวหยิบแฟ้มใสที่วางอยู่ตรงหน้าแล้วยื่นให้คาร่าที่นั่งฝั่งตรงข้าม คาร่าแอบอมยิ้มน้อย ๆ เมื่อสังเกตเห็นว่ามือของนักเขียนสั่นเล็กน้อย
'นักเขียนคนนี้ดูตื่นเต้นจังเลยนะ หน้าตายังอ่อนเยาว์เชียว สงสัยจะเป็นนักเขียนหน้าใหม่ล่ะมั้ง? แต่ถึงอย่างนั้นก็สามารถเขียนบทดี ๆ ที่คุณคังวูจินแสดงได้ แสดงว่าฝีมือไม่ธรรมดาเลยทีเดียว น่ารักดีเหมือนกันนะ'
คาร่ารับแฟ้มใสมาเปิดดู ข้างในมีกระดาษบาง ๆ เย็บรวมกันอยู่ เป็นบทของ "มารร้ายผู้แสนดี" ตอนที่ 1 และ 2 ซึ่งเป็นส่วนที่เธอจะต้องแสดง โดยส่วนใหญ่เป็นฉากที่ถ่ายทำในต่างประเทศ อันที่จริงคาร่าไม่จำเป็นต้องอ่านบททั้งหมด เพียงแค่ดูเรื่องย่อและบทส่วนของตัวเองก็เพียงพอแล้วในขั้นนี้ แน่นอนว่าทั้งหมดถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษเรียบร้อยแล้ว
-ฟึบ-
คาร่าพลิกหน้ากระดาษแผ่นแรก ดวงตาสีฟ้าเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ
'ลองเทค? ไปถ่ายทำต่างประเทศที่กรุงเทพ แล้วต้องถ่ายฉากสำคัญแบบนี้ตั้งแต่แรกเลยเชียวเหรอ?'
-ฟึบ ฟึบ-
คาร่าอ่านบทเงียบ ๆ อยู่ราวสิบห้านาทีโดยไม่เอ่ยอะไรออกมา ทั้งPDซงมันวู คิมโซฮยาง และนักเขียนชเวนานาก็ไม่มีใครรบกวนเธอ ไม่นานคาร่าก็เข้าใจบทบาทที่เธอได้รับ
‘อดีตตัวละครของฉันเคยทำงานกับพระเอก ‘จังยอนอู’ มาก่อนสินะ ส่วน ‘จังยอนอู’ ก็คือบทที่คังวูจินได้รับ ง่าย ๆ คือฉันเป็นตัวละครที่เกี่ยวข้องกับ ‘จังยอนอู’ นั่นเอง’
บทที่คาร่าได้รับนั้นมีฉากต่อสู้ระยะประชิดแบบ CQC อยู่หลายฉาก แต่ส่วนใหญ่คังวูจินจะเป็นคนแสดง ฉากของคาร่ามีเพียงการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ น้อย ๆ กับฉากยิงปืนเท่านั้น ถึงอย่างนั้นบทพูดก็ยังมีอยู่บ้าง และต้องใช้ทักษะการแสดงเช่นกัน
ประกายความสนใจฉายชัดขึ้นเรื่อย ๆ ในดวงตาของคาร่าขณะที่เธออ่านบทต่อไป
‘ไม่ใช่แค่บทของฉันแล้วสิ! ความเร็ว ความตื่นเต้น ความหนักแน่น! ทั้ง CQC ฉากยิงปืน การต่อสู้ด้วยมือเปล่า มีด รวมถึงอาวุธต่าง ๆ อีกมากมาย! นี่มันอะไรกันเนี่ย? การออกแบบฉากแอ็กชันนี่มัน... สุดยอดไปเลย! คงจะได้เห็นคังวูจินในมุมที่เท่สุด ๆ แน่ ๆ!’
ดวงตาคู่สวยของคาร่าที่ผ่านการอ่านบทภาพยนตร์ฮอลลีวูดมานับไม่ถ้วน มองเห็นคุณค่าในบท ‘มารร้ายผู้แสนดี’ ไม่ต่างจากบทหนังฮอลลีวูดเลย แค่ฉากเปิดเรื่องก็มีฉากแอ็กชันลองเทคยาวกว่า 10 นาทีแล้ว ทันใดนั้น คาร่าก็นึกขึ้นได้ว่า ‘มารร้ายผู้แสนดี’ ได้ทีมสตันท์ฮอลลีวูดอย่างอีธาน สมิธมาร่วมงานด้วย
‘อ๊ะ หรือว่าเพราะแบบนี้การออกแบบถึงได้อลังการงานสร้างขนาดนี้?’
ต่อไปก็ถึงคิวของคังวูจิน บทที่เขาได้รับดูหวือหวาและอลังการมาก แล้วเขาจะถ่ายทอดออกมาเป็นแบบไหนกันนะ? ภาพคังวูจินในตอนที่ถ่ายทำ MV ที่เขาเข้ามาช่วยเธอด้วยท่วงท่าที่คล่องแคล่วนั้น แว็บเข้ามาในความคิดของคาร่า
แค่ภาพเดียวก็ราวกับฉากหนึ่งในภาพยนตร์
ทว่านั่นคือความจริง คังวูจินในบทบาทนั้นจะต้องทรงอำนาจกว่านี้อีกหลายเท่าตัว คาร่าเสยผมสีทองขึ้นพลางผ่อนลมหายใจแผ่วเบา ความตื่นเต้นก่อตัวขึ้นภายในอกราวกับเปลวไฟที่เริ่มลุกโชน
‘อยากชมเร็ว ๆ จัง ถ้าไม่ได้ดูคงเสียดายแย่’
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คาร่าให้ความสนใจกับ ‘CQC’ ที่คังวูจินจะถ่ายทอดออกมา แน่นอนว่าเธอเคยเห็น ‘CQC’ ของนักแสดงมากมายในฮอลลีวูดแห่งนี้ เมื่อเห็นคอนที ภาพการต่อสู้จึงผุดขึ้นมาในหัวของเธอทันที ราวกับฉายภาพยนตร์
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอกลับไม่สามารถคาดเดาการแสดงของคังวูจินได้โดยง่าย
ความรู้สึกนั้นยิ่งปลุกเร้าความตื่นเต้นในใจคาร่า อารมณ์ความรู้สึกพลุ่งพล่านจนเธอรู้สึกกระสับกระส่ายอยู่บ้าง เวลาผ่านไปราวสิบนาที
-กึก
คาร่าปิดบทที่กำลังอ่าน ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มน้อย ๆ
“บทน่าสนใจมากค่ะ ยอดเยี่ยมจริง ๆ”
ดวงตาของPDซงมันวู คิมโซฮยาง และนักเขียนชเวนานาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ พวกเขาไม่ได้คาดหวังคำชมเชยเช่นนี้ ท่ามกลางความสงบนิ่งของคาร่า เธอเอ่ยต่อ
“ตื่นเต้นจังเลยค่ะ มีอะไรให้ศึกษาจนกว่าจะเริ่มถ่ายทำ ฉันจะตั้งใจทำความเข้าใจบทและเตรียมตัวให้พร้อม รับรองว่าจะไม่กระทบกับงานแน่นอนค่ะ”
นั่นหมายความว่าเธอจะทุ่มเทให้กับการทำความเข้าใจบทและฝึกฝนการแสดงอย่างเต็มที่
“แต่เรื่องการอ่านบทที่เราคุยกันไว้-”
“ไม่เป็นไรครับ!”
PDซงมันวูโบกมือให้คาร่าที่แสดงท่าทีลำบากใจเล็กน้อย
“การที่คุณไม่สามารถเข้าร่วมการอ่านบทได้ไม่เป็นปัญหาเลยครับ เราสามารถซ้อมกันหน้างานก่อนถ่ายทำได้ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”
“อย่างนั้นเหรอคะ?”
“ใช่ครับ! สบายใจได้เลยครับ!”
หากได้ไมลีย์ คาร่ามาร่วมงานแล้ว อะไรจะเกินกว่านี้อีกเล่า! PDซงมันวูรู้สึกตื่นเต้นยื่นแฟ้มใสอีกสองสามแฟ้มให้คาร่า เป็นคอนที “CQC” ฉากต่อสู้ที่ทำร่วมกับทีมสตั๊นท์ของอีธาน สมิธ และตารางถ่ายทำนอกสถานที่ที่กรุงเทพ
“คอนที ‘CQC’ จะช่วยให้คุณเข้าใจบทได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นครับ ส่วนกำหนดการถ่ายทำ ‘มารร้ายผู้แสนดี’ อย่างที่เห็นในตาราง เราจะเริ่มถ่ายวันที่ 20 ถ้ามาถึงก่อนวันนึงก็จะดีมาก แต่ถ้ามาช้าหน่อยก็ไม่เป็นไรครับ”
“อืม- เข้าใจแล้วค่ะ”
วันนี้วันที่ 11 เหลือเวลาอีกราวสิบวัน แม้จะดูเร่งรีบไปบ้างสำหรับคาร่า แต่เธอได้รับแจ้งล่วงหน้าแล้ว จึงไม่มีปัญหาใด ๆ
“กำหนดการถ่ายทำทั้งหมดประมาณ 2 สัปดาห์เหรอคะ?”
“ใช่ครับ ถ้าไม่มีปัญหาอะไรหน้างาน ก็จะเสร็จสิ้นภายใน 2 สัปดาห์ครับ”
“ต้องเป็นอย่างนั้นสิคะ เพราะตารางงานถัดไปของฉันสำคัญมาก”
ซึ่งงานสำคัญที่ว่า ก็หมายถึงการไปงานที่เมืองคานส์
PDซงมันวูพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องสนทนา
“อ้อ แล้วก็ เพื่อรักษาความลับจนถึงวันถ่ายทำ จะไม่มีใครรู้เรื่องที่คุณไมลีย์มาร่วมงาน ยกเว้นคุณคังวูจิน” 'หมายถึงนักแสดงและทีมงานทุกคน'
“เข้าใจค่ะ”
คาร่าสาวผมบลอนด์ยิ้มบาง ๆ พลางไขว่ห้างอย่างผ่อนคลาย
“ทุกคนคงจะประหลาดใจน่าดูเมื่อเห็นฉัน”
ณ เวลาเดียวกัน
ขณะที่ไมลีย์ คาร่ากำลังประชุมกับทีมงาน “มารร้ายผู้แสนดี” ที่แอลเอ ห่างออกไป 1 ชั่วโมง ในสำนักงานกลางตึกสูงระฟ้าใจกลางเมือง โจเซฟ เฟลตันPDชื่อดังแห่งฮอลลีวูด ชายร่างยักษ์ที่คุ้นหน้าคุ้นตากำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานเพียงลำพัง เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและผูกเนคไท
เขาพับแขนเสื้อขึ้นถึงข้อศอก เผยให้เห็นกล้ามเนื้อแขนที่แข็งแกร่ง ท่ามกลางโต๊ะกระจกหนาซึ่งเต็มไปด้วยโน้ตบุ๊กและเอกสารกองพะเนิน โจเซฟนั่งอยู่ตรงนั้น เบื้องหน้ามีปึกกระดาษบาง ๆ สี่ปึกวางเรียงรายราวกับกำแพงเตี้ย ๆ นี่คือภารกิจสำคัญที่เขาได้รับมอบหมายจาก “ยูนิเวอร์แซลมูฟวี่ส์” หนึ่งในห้าบริษัทภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่แห่งฮอลลีวูด ภารกิจที่เกี่ยวพันกับการสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่โดยมีเมแกน สโตนเป็นคนนำ ทั้งโจเซฟและเมแกนเคยพบกันในการประชุมครั้งแรก และได้ตกลงร่วมกันที่จะผลักดันคังวูจินให้ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด
ไอเดียของภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกส่งต่อไปยังนักเขียนบทชื่อดังของฮอลลีวูดถึงสี่คน และปึกกระดาษบาง ๆ สี่ปึกที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้าโจเซฟเวลานี้ ก็คือบทสรุปเรื่องย่อสี่แบบที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
กล่าวโดยสรุป ถึงเวลาที่โจเซฟต้องตัดสินใจเลือกบทภาพยนตร์แล้ว
“อืม- แต่ละแบบมีสไตล์ที่แตกต่างกันออกไป เลือกยากจริง ๆ”
-จบ-
ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร ผู้แปลลงแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับผม หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก ;-;_