บทที่ 320 : ระเบิด (1)
[แปลโดยฝีมือ...ยักษาแปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ]
[Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย]
[หลังแปลจบ คิดว่าจะมีการเกลาคำเบื้องต้น แก้คำผิด ปรับสำนวนให้สละสลวย เทียบคำต่อคำ อยากขอให้ทุกคนสนับสนุนไปจนจนนะครับ ส่วนคนที่สนับสนุนแล้ว ก็ขอบคุณที่ให้การสนับสนุนกันเสมอมาครับ]
บทที่ 320 : ระเบิด (1)
“หมายถึงโปสเตอร์หลักที่จะส่งไปคานส์อย่างนั้นเหรอครับ?” คังวูจินเอ่ยถามเสียงทุ้มต่ำ
ปลายสาย เสียงแหบพร่าของผู้กำกับอันกาบกก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ใช่ โปสเตอร์ 'ปลิง' ที่จะส่งไปคานส์ นายก็รู้นี่ว่าโปสเตอร์นี้มันต่างจากโปสเตอร์ทั่วไป มันไม่ใช่โปสเตอร์สำหรับโปรโมต แต่มันคือโปสเตอร์สำหรับแนะนำตัว ยิ่งไปกว่านั้น มันคือโปสเตอร์ที่จะแนะนำตัวให้กับคนทำหนังทั่วโลกในเทศกาลหนังเมืองคานส์”
โปสเตอร์หนังมักถูกสร้างขึ้นหลายแบบในช่วงเวลาต่าง ๆ ของการผลิต เพื่อการโปรโมตเบื้องต้น เพื่อการตลาดของหนังอย่างจริงจัง เพื่อการบอกต่อระหว่างการฉาย และอื่น ๆ แน่นอนว่าแต่ละแบบจะถูกสร้างขึ้นด้วยคอนเซ็ปต์ที่แตกต่างกันออกไป แต่แก่นแท้ของโปสเตอร์ส่วนใหญ่ก็คือการโปรโมตและการตลาด จึงต้องใส่ความดึงดูดใจเข้าไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่สำหรับ 'ปลิง' ที่มีจุดหมายปลายทางแรกคือเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์นั้น มันแตกต่างจากหนังเชิงพาณิชย์ทั่วไป มันไม่ได้มุ่งเน้นที่การดึงดูดสายตาสาธารณชนหรือเพื่อการโปรโมต แต่เป็นการนำเสนอตัวตนหรือภาพลักษณ์ของ 'ปลิง' ดังนั้น แนวทางการสร้างโปสเตอร์จึงต้องต่างออกไปด้วย เพราะกลุ่มเป้าหมายไม่ใช่คนดูทั่วไป
แน่นอนว่าในช่วงเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ จะมีผู้ชมที่ได้รับเชิญให้ชม 'ปลิง' แต่บุคคลสำคัญจริง ๆ คือผู้ทรงอิทธิพลในวงการภาพยนตร์จากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการและผู้เกี่ยวข้องกับเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ นักแสดงชื่อดังจากนานาประเทศ รวมถึงPD ผู้จัดจำหน่าย และนักลงทุนชื่อดังระดับโลกจากฮอลลีวูดและที่อื่น ๆ
กล่าวโดยสรุป โปสเตอร์ 'ปลิง' ที่ต้องการ คือโปสเตอร์สำหรับคนทำหนังระดับโลก
โปสเตอร์นั้นอาจกลายเป็นภาพลักษณ์และสัญลักษณ์ของ ‘ปลิง’ หากได้รับรางวัลจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ มันจะกลายเป็นโปสเตอร์ที่โด่งดังไปทั่วโลก
เรื่องรายได้เป็นเรื่องของอนาคต ค่อยว่ากันทีหลัง
โปสเตอร์สำหรับฉายจริงก็ค่อยมาคิดกันอีกที หรือถ้า ‘ปลิง’ สร้างปรากฏการณ์สะเทือนวงการที่เมืองคานส์ในปีนี้ แค่ชื่อเสียงก็คงเพียงพอสำหรับการประชาสัมพันธ์และทำการตลาดระดับโลกแล้ว
ด้วยความสำคัญยิ่งยวดของการผลิตโปสเตอร์หลัก
“นอกจากงานตัดต่อที่ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว ฉันก็ให้ความสำคัญกับเรื่องโปสเตอร์ไม่แพ้กัน ฉันเลยโทรมาบอกนาย วูจิน เพื่อที่นายจะได้เตรียมตัวถ่ายทำโปสเตอร์ตามรายชื่อที่คัดเลือกไว้หลังจากที่กลับจากญี่ปุ่น”
น้ำเสียงของผู้กำกับอันกาบกนั้นเด็ดเดี่ยวจริงจัง ในขณะที่คังวูจินยังคงรักษาสีหน้าเรียบเฉยราวกับนักพนันมืออาชีพ แต่ภายในใจเขากลับไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรือกังวลอะไรเลย
‘ก็แค่ถ่ายตามที่บอก ไม่เห็นมีอะไรน่าคิดมาก’
ไม่มีอะไรต้องวิตกกังวล กลับเป็นว่าเขากำลังครุ่นคิดถึงเรื่องอื่นมากกว่า
‘ก่อนกลางเดือนกันยายน? ปลิงใกล้ตัดต่อเสร็จแล้วเหรอ? เร็วเหมือนจรวดเลยแฮะ แบบนี้มันเหมือนทุกอย่างกำลังเข้าที่เข้าทาง รอวันระเบิดตูมเดียว’
เมื่อฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน ผลงานที่บ่มเพาะมานานก็พร้อมจะเบ่งบานสะพรั่ง ในจังหวะนั้นเอง ชเวซองกุน ชายเจ้าของผมหางม้าก็เดินเข้ามาใกล้ ๆ คังวูจินจึงตอบกลับผู้กำกับอันกาบกทางโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ครับ ผู้กำกับ ผมจะจำใส่ใจไว้ครับ”
“อืม โปสเตอร์หลักเริ่มทำเมื่อไหร่ ก็แสดงว่าเหลือเวลาไม่ถึงเดือนที่จะไปเมืองคานแล้วสินะ ช่วงนั้นคงปล่อยข่าวโปรโมตด้วย คงไม่ต้องกังวลอะไรหรอก แต่ฉันบอกไว้ก่อนแล้วกัน”
“รับทราบครับ”
“ว่าแต่... ไปญี่ปุ่นทำไมเหรอ? อ้อ เกี่ยวกับอนิเมชั่นเรื่องนั้นหรือเปล่า?”
“คล้าย ๆ ครับ มีงานเปิดตัว ‘บุปผาเร้น’ ด้วยครับ”
“หืม ผลงานชิ้นนั้นก็ถึงขั้นเปิดตัวแล้วเหรอ”
ผู้กำกับอันกาบกครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ไม่แน่ อาจจะเปิดตัวช่วงเวลาใกล้ ๆ กันก็ได้”
“รายละเอียดตารางงาน ฉันจะแจ้งให้ประธานชเวทราบ ลำบากหน่อยนะ”
“คุณผู้กำกับก็เช่นกันครับ”
- ติ๊ด
คังวูจินวางโทรศัพท์มือถือลง ชเวซองกุนก็ถามขึ้นทันที
“ผู้กำกับ? ผู้กำกับคนไหน?”
วูจินเล่าใจความสำคัญของบทสนทนาให้ชเวซองกุนฟัง ชเวซองกุนมีแววตาเป็นประกายด้วยความสนใจ รอยยิ้มบาง ๆ ผ่านขึ้นมาบนใบหน้า
“โอ้โห... โปสเตอร์หลักที่จะส่งไปคานสินะ? เริ่มรู้สึกว่าจะได้ไปคานเข้าจริง ๆ แล้ว นอกจากนั้น ‘ปลิง’ จะตัดต่อเสร็จก่อนกลางเดือนกันยายนด้วยใช่มั้ย?”
“ครับ คุณผู้กำกับอันกาบกบอกมาแบบนั้น”
“ทำงานหนักกันน่าดูเลยนะ ถึงจะตัดต่อเบื้องต้นไปพร้อม ๆ กับถ่ายทำแบบหามรุ่งหามค่ำ แต่ก็เร็วมากอยู่ดี”
ทีมของคังวูจินเริ่มออกเดินอีกครั้ง ชเวซองกุนดูปฏิทินในโทรศัพท์มือถือ รอยยิ้มของเขากว้างขึ้น
“อีกเดือนเดียวก็จะได้ไปคานแล้ว พอใกล้เข้ามาจริง ๆ ก็เริ่มกังวลเหมือนกัน แหม... บอกตรง ๆ ว่าคิดว่าวันหนึ่งจะได้ไปอยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้”
ชเวซองกุนรู้สึกทั้งตื่นเต้นและกังวล ในทางกลับกัน คังวูจินกลับไม่รู้สึกหวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย
‘คานงั้นเหรอ? ช่างมันเถอะ ถึงจะตกรอบก็ไม่เห็นเป็นไร ในเมื่อได้ไปแล้วจะไปมีปัญหาอะไรอีก’
เพราะเขายังไม่รู้สึกถึงความเป็นจริงเท่าใดนัก
ณ ห้องประชุมขนาดใหญ่ของบริษัทภาพยนตร์แห่งหนึ่ง
ชายชราที่นั่งอยู่ที่โต๊ะประชุมรูปตัวดีวางโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะ เขาคือผู้กำกับอันกาบกที่เพิ่งคุยโทรศัพท์กับคังวูจินเสร็จสิ้น
ผมสีขาวสั้นยังคงเดิม แต่ริ้วรอยบนใบหน้ากลับเพิ่มมากขึ้น แถมยังมีร่องรอยความเหนื่อยล้าปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน กระนั้นก็ยังคงไว้ซึ่งราศีบารมีของผู้กำกับมากประสบการณ์อย่างเขาได้อย่างครบถ้วน
‘“บุปผาเร้น” ก็เสร็จสมบูรณ์แล้วสินะ ต้องขยันมากขึ้นแล้วล่ะ’
ผู้กำกับอันกาบกพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้น เบื้องหน้าเขามีประธานบริษัทภาพยนตร์และผู้บริหารระดับสูงอีกหลายคนยืนอยู่ ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังประชุมเรื่องสำคัญบางอย่างอยู่ หลังจากนั้นผู้กำกับอันกาบกก็รายงานสรุปการสนทนากับคังวูจินให้ทุกคนฟังคร่าว ๆ
ผู้กำกับอันกาบกก้มหน้าลงอีกครั้ง ตรงหน้าเขามีแผ่นพลาสติกใสติดกระดาษขนาดเท่าโปสเตอร์ภาพยนตร์ทั่วไปวางเรียงกันอยู่ 3 แผ่น บนกระดาษทั้ง 3 แผ่นมีภาพประกอบที่วาดขึ้นพร้อมกับชื่อเรื่องเดียวกันปรากฏอยู่
-‘ปลิง’
ใช่แล้ว แผ่นทั้ง 3 นี้คือโปสเตอร์หลักของภาพยนตร์ ‘ปลิง’ ที่จะเข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคาน ผู้กำกับอันกาบกจ้องมองโปสเตอร์เหล่านั้นอย่างพินิจพิเคราะห์ ส่วนประธานบริษัทภาพยนตร์และผู้บริหารคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร
เพียงรอการตัดสินใจของผู้กำกับอันกาบกเท่านั้น แต่การตัดสินใจครั้งนี้หาใช่เรื่องง่ายดายไม่ ห้านาที สิบนาที สิบห้านาที... ผู้กำกับอันกาบกกอดอกพิจารณาโปสเตอร์ตัวเลือกต่าง ๆ นานกว่าสิบห้านาที ซึ่งก็สมเหตุสมผล เพราะโปสเตอร์ที่จะถูกเลือกในครั้งนี้ จะถูกส่งไปยังเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ แท้จริงแล้ว แค่การสร้างโปสเตอร์ตัวเลือกสามแบบนี้ ก็ใช้เวลาร่วมสองสัปดาห์
ในที่สุด
“อืม”
ผู้กำกับอันกาบกครางในลำคอแผ่วเบา พลางชู้นิ้วชี้ แล้วจิ้มไปที่โปสเตอร์ตัวเลือกที่สอง ในสามแบบที่วางอยู่
“ลองทำสองแบบนี้ดู เดี๋ยวฉันขอดูแบบที่เสร็จสมบูรณ์อีกที”
“ได้ครับ”
แม้ภาพวาดของโปสเตอร์สองแบบที่ถูกเลือก จะมีตัวละครและการนำเสนอที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงจาก "ปลิง" แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันอย่างเด่นชัด
นั่นคือ ‘ปาร์คฮาซอง’ หรือคังวูจินเป็นตัวละครหลัก
กล่าวคือ
“ส่งแบบร่างโปสเตอร์สองแบบนี้ให้ทางวูจินดูด้วย”
หมายความว่าใบหน้าของคังวูจินจะถูกติดตั้งอย่างใหญ่โตในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์
หลายชั่วโมงต่อมา ณ ประเทศญี่ปุ่น
คังวูจินเดินทางมาถึงญี่ปุ่นเพื่อทำภารกิจระยะสั้นสามวัน เขาเดินทางมาถึงสนามบินฮาเนดะของญี่ปุ่น จากท่าอากาศยานนานาชาติอินชอนคิมโพในช่วงสาย ๆ วูจินที่เดินเข้ามาในอาคารผู้โดยสารขาเข้า แสดงสีหน้านิ่งเฉยที่เข้มขึ้นกว่าปกติหลายเท่า
‘โอ้โห... นักข่าวมารุมกันเยอะขนาดนี้เชียว’
เหตุผลนั้นเรียบง่าย
-แชะ!
-แชะ ๆ!!
เหล่าแฟนคลับและผู้คนที่มามุงดูนับร้อย รวมถึงนักข่าวชาวญี่ปุ่น ต่างหลั่งไหลมาที่ประตูทางออกขาเข้า เพื่อยลโฉมคังวูจิน แม้คังวูจินจะมาญี่ปุ่นบ่อยครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบเจอผู้คนมากมายมุมานะขนาดนี้
เสียงกรีดร้องดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วประตูทางออก
“กรี๊ดดดดด!”
“คังวูจิน! คังวูจิน!”
“กรี๊ด!”
ท่ามกลางเสียงโห่ร้องอันอื้ออึงนั้น เสียงตะโกนของนักข่าวแทบจะถูกกลืนหายไปกับสายลม
“คุณคังวูจิน!!*%&%#)%#%!”
“(#)%(*@$@*‘การสังเวยของคนแปลกหน้า#)*(#%”
“คุณวูจิน!#%()%*#)(%‘เพื่อนชาย:รีเมค@#@”
แม้จะจับใจความคำบางคำได้บ้าง แต่โดยรวมแล้วแทบจะฟังไม่ออกว่านักข่าวพูดอะไร อย่างไรก็ตาม คังวูจินโบกมือทักทายนักข่าวและแฟน ๆ อย่างใจเย็น ราวกับสายลมพัดผ่าน ก่อนจะเดินออกจากสนามบินไป
ในเวลาเดียวกันที่เกาหลี
『[คุยข่าวดารา]‘บุปผาเร้น’ งานแถลงข่าวเปิดตัว คังวูจิน เดินทางสู่ญี่ปุ่น/ ภาพประกอบ』
สื่อญี่ปุ่นรายงานความเคลื่อนไหวของคังวูจินอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้ที่มีประเด็นร้อนแรงหลายเรื่อง กระแสในญี่ปุ่นจึงยิ่งใหญ่กว่าที่อื่น ๆ ไม่ว่าข่าวคราวจะเป็นเช่นไร วูจินก็ขึ้นรถตู้ที่ประธานฮิเดกิ แห่งคาชิฮิกรุ๊ปจัดเตรียมไว้ มุ่งหน้าสู่ “โรงแรมคาชิฮิโตเกียว” ที่พักของเขา
กำหนดการแรกของคังวูจินในญี่ปุ่น คือการให้สัมภาษณ์กับนิตยสารดังสองฉบับ เกี่ยวกับ ‘เพื่อนชาย: รีเมค’
ทันใดนั้นเอง
“อ๊ะ!”
“เฮ้! พี่คะ! ดูข้างบนสิ! บนตึก!”
“ไม่อยากจะเชื่อเลย!”
ทีมสไตลิสต์ที่นั่งรถตู้คันเดียวกันส่งเสียงฮือฮา ดึงดูดสายตาจากใบหน้าเรียบเฉยของวูจินให้หันไปมองตาม พลันความคิดหนึ่งก็แล่นวาบเข้ามาในหัว
‘บ้าไปแล้ว?? นั่นฉันนี่!’
บนตึกสูงใหญ่ปรากฏภาพเคลื่อนไหวจากอนิเมะ ‘เพื่อนชาย: รีเมค’ ฉายอยู่บนป้ายโฆษณาขนาดมหึมา แน่นอนว่ามันคือโฆษณา และตรงกลางก็มีใบหน้าของวูจินใหญ่โตโอฬาร ด้วยความที่วูจินคือตัวละครสำคัญในอนิเมะยอดฮิตเรื่อง ‘เพื่อนชาย’ จึงไม่แปลกอะไรที่ตอนนี้ใบหน้าของเขาจะถูกฉายไปทั่วใจกลางโตเกียว
‘อายชะมัด-’
ยิ่งไปกว่านั้น นี่ยังไม่ใช่ทั้งหมด
“เอ๊ะ! ตรงข้างรถบัสนั่นก็ด้วย!”
“กรี๊ด! จริงด้วย! พี่คะ! พี่วูจิน! บนรถบัสก็มีรูปพี่แปะอยู่ด้วย!”
“อ๊ะ? ตรงหน้าร้านนั้นก็เหมือนจะเป็นหุ่นพี่วูจินนะ?!”
ทั่วทุกแห่งหนในโตเกียวเต็มไปด้วยภาพของวูจิน
วูจินพยายามเก็บซ่อนความเขินอายเอาไว้ และทำตารางงานวันแรกในญี่ปุ่นได้อย่างราบรื่น นิตยสารทุกฉบับที่เขาให้สัมภาษณ์ต่างก็รัวชัตเตอร์ถ่ายรูปกันอย่างบ้าคลั่ง ราวกับเป็นการถ่ายแบบก็มิปาน
ช่วงบ่ายแก่ ๆ วูจินได้พบกับผู้กำกับเคียวทาโร่ระหว่างรับประทานอาหาร
“ฮ่า ๆ คุณวูจิน ไม่กี่เดือนเอง รู้สึกเหมือนนานมากเลยนะครับ ดูสิ หน้าตายิ่งดีขึ้นกว่าเดิมอีก”
“สวัสดีครับ ผู้กำกับ”
“เชิญนั่งก่อนครับ”
ผู้กำกับเคียวทาโร่ซึ่งเพิ่งเร่งตัดต่อ ‘บุปผาเร้น’ เสร็จ รีบรายงานความคืบหน้าทันที
“ถ้ายังคงความเร็วนี้ต่อไป การตัดต่อน่าจะเสร็จสิ้นภายในปลายเดือนกันยายนครับ”
“ครับ ผมได้รับทราบแล้ว”
วูจินพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
‘อืม... ปลายเดือนกันยายนนี่กำหนดการณ์คลุมเครือจริง ๆ ถ้าต้องไปคานส์ เรื่อง ‘ปลิง’ คงจะชนกันพอดี’
ความจริงแล้วก็เป็นเช่นนั้น เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์สำหรับภาพยนตร์เรื่อง ‘ปลิง’ จะเริ่มต้นในวันที่ 30 กันยายน วูจินต้องเดินทางล่วงหน้า ทำให้เขาอาจจะพลาดการทดสอบฉายฉบับสมบูรณ์ของภาพยนตร์เรื่อง ‘บุปผาเร้น’ ก่อนรอบปฐมทัศน์ ซึ่งผู้กำกับเคียวทาโร่น่าจะทราบเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว
“ปีนี้งานที่คานส์เริ่มวันที่ 30 กันยายนนะครับ?” เคียวทาโร่เอ่ยถาม ราวกับต้องการยืนยันความเข้าใจ
“อืม ใช่ครับ วันที่ตัดต่อเสร็จสมบูรณ์ยังไม่แน่นอน แต่น่าจะอยู่ราว ๆ นั้นแหละครับ การทดสอบฉายจะจัดขึ้นไม่กี่วันหลังจากตัดต่อเสร็จ”
“ถ้างั้นผมอาจจะไปร่วมไม่ได้”
“ผมทราบครับ ไม่มีทางเลือก คุณวูจินงานยุ่งมาก ถ้าตารางงานว่างก็มาร่วมทดสอบด้วยนะครับ ถ้าไม่ว่างก็คงต้องให้นักแสดงคุณอื่น ๆ มารวมตัวกันทดสอบรอบฉายเอา” เคียวทาโร่กล่าวอย่างเข้าใจ
ในส่วนลึกแล้ว วูจินก็อยากชมฉบับสมบูรณ์ของ ‘บุปผาเร้น’ เช่นกัน
‘มันเป็นหนังญี่ปุ่นเรื่องแรกของเขา อยากตรวจสอบให้แน่ใจ แต่ก็เลื่อนตารางงานที่คานส์ไม่ได้นี่สิ’ เขาครุ่นคิดอย่างหนักใจ
จะทำอย่างไรได้ เมื่อปรับตารางงานให้ลงตัวได้ยากเย็นเช่นนี้ ก็คงต้องเลือกสักอย่าง
‘ชิ! ถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็ค่อยแอบไปดู ‘บุปผาเร้น’ ในโรงภาพยนตร์ตอนเข้าฉายก็แล้วกัน’ วูจินได้แต่ตัดสินใจในใจ
ผู้กำกับเคียวทาโร่แจ้งรายละเอียดงานแถลงข่าวในวันรุ่งขึ้น สถานที่จัดงานคือโรงแรมคาชิฮิโตเกียว อันเป็นที่พักของคังวูจิน บังเอิญว่าเป็นสถานที่เดียวกับที่เขาเคยอ่านบทละครเรื่องบุปผาเร้น แน่นอนว่านี่ต้องเป็นความต้องการของประธานฮิเดกิอย่างไม่ต้องสงสัย นับว่าโชคดีที่ไม่ต้องเร่งรีบไปไหน เขาสามารถพักผ่อนที่ห้องได้จนกว่าจะถึงเวลา
หลังจากอิ่มหนำสำราญกับมื้ออาหาร วูจินเอ่ยชวน
“ถ้าพร้อมแล้ว เราไปกันเลยไหมครับ?”
“ได้เลยครับ ผู้กำกับ”
วูจินเดินทางไปยังโรงแรมคาชิฮิโตเกียวพร้อมกับผู้กำกับเคียวทาโร่ ทันทีที่ก้าวเข้าสู่ล็อบบี้โรงแรม รัศมีของคังวูจินก็ดึงดูดสายตาของแขกผู้เข้าพักมากมาย เขาก้าวเข้าไปในห้องโถงขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับจัดงานแถลงข่าวในวันพรุ่งนี้
‘โอ้โห...ใหญ่โตโอฬารมาก ตอนอ่านบทยังรู้สึกว่าใหญ่แล้ว ของจริงนี่ใหญ่กว่าเป็นเท่าตัวเลย’
การเตรียมงานสำหรับงานแถลงข่าวเสร็จสมบูรณ์แล้ว โต๊ะนับร้อยตัวตั้งเรียงรายเต็มห้องโถง ด้านหน้าเป็นเวทีขนาดใหญ่พร้อมโต๊ะยาว กล้องขนาดเล็กถูกติดตั้งอยู่ทั่วห้องโถง ส่วนด้านหลังและด้านข้างมีกล้องขนาดใหญ่ตั้งตระหง่าน พร้อมกับทีมงานชาวญี่ปุ่นที่กำลังขะมักเขม้นกับการเตรียมงาน
เมื่อวูจินเห็นพวกเขา ผู้กำกับเคียวทาโร่ก็แย้มยิ้มบาง ๆ ก่อนอธิบาย
“ทีมถ่ายทอดสดครับ คุณวูจินคงทราบแล้วนะครับ ว่างานแถลงข่าวพรุ่งนี้จะถ่ายทอดสดผ่าน Youtube เป็นหลัก คาดว่าจะมีนักข่าวประมาณ 150 คน”
“จริงเหรอครับ?”
“รวมทีมงานและผู้เกี่ยวข้องของเราด้วย น่าจะเกิน 250 คนได้สบาย ๆ ส่วนผู้ชมทางออนไลน์… ผมว่าน่าจะหลายหมื่นคนนะครับ ฮ่า ๆ เป็นไงบ้างครับ? ผมขยายงานให้ใหญ่ขึ้นเป็นสองเท่าตามที่คุณวูจินบอกแล้วนะครับ”
ความเงียบงันปกคลุมอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่วูจินจะกวาดสายตาสำรวจทั่วห้องโถงอันโอ่อ่า แล้วพึมพำเสียงทุ้ม
“ไม่เลวเลยครับ”
“ดีแล้วครับ พรุ่งนี้จะไม่มีใครมารบกวนคุณวูจินได้” ผู้กำกับเคียวทาโร่เอ่ย รอยยิ้มบนใบหน้าดูเข้มขึ้นอย่างมีเลศนัย
“อยากทำอะไรก็เชิญตามสบายเลยครับ”
อยากทำอะไรก็ตามสบาย? วูจินรู้สึกถึงประกายประหลาดในแววตาของผู้กำกับเคียวทาโร่
‘ตาของคุณปู่คนนี้นี่มันแปลก ๆ ไปนะ?’
หลังจากสำรวจห้องโถงเสร็จสิ้น วูจินและผู้กำกับเคียวทาโร่ก็แยกย้ายกันไป ความสงสัยยังคงวนเวียนอยู่ในใจของวูจิน เขาก้าวเท้าไปยังล็อบบี้เพื่อพบกับชเวซองกุนที่รออยู่ สิ่งที่สะดุดตาคือแท็บเล็ตในมือของชายหนุ่ม
“เสร็จแล้วเหรอ?” ชเวซองกุนเอ่ยถาม
“ครับ” วูจินตอบรับสั้น ๆ
ชเวซองกุนพยักหน้ารับ ขณะที่ทั้งคู่เดินไปยังลิฟต์ เขายังคงถือแท็บเล็ตอยู่ในมือ แล้วก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“นายจะได้บ้านจากไมลีย์ คาร่าเป็นของขวัญเหรอ? ที่แอลเอ”
บ้าน? บ้านอะไร? วูจินขึงตา เขาไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน จึงส่ายหน้าปฏิเสธ
“เปล่าครับ”
“ถ้างั้นทำไม- เอ่อ เอาเป็นว่าคาร่าส่งรายชื่อบ้านที่แอลเอมาให้บริษัท ลองเช็กดูก่อน”
วูจินเต็มไปด้วยคำถาม แต่พยายามเก็บอาการ เขาหันไปมองหน้าจอแท็บเล็ต ขณะเดียวกันภายในใจก็อุทานด้วยความตื่นตะลึง
ความเงียบงันเกิดขึ้นชั่วขณะ ก่อนที่ภาพแรกบนหน้าจอแท็บเล็ตจะปรากฏขึ้น มันคือภาพบ้านหลังใหญ่โตโอ่อ่า
‘เจ๋งโคตร!! โอ้โห- บ้าไปแล้ว!! มีสระว่ายน้ำด้วยเหรอเนี่ย? นี่มันบ้านจริง ๆ เหรอ??’ เขาตื่นเต้นจนแทบหยุดหายใจ มันเหมือนคฤหาสน์หรูหราพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัวมากกว่าจะเป็นแค่บ้านธรรมดา
-จบ-
ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร ผู้แปลลงแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับผม หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก ;-;_