ตอนที่แล้วบทที่ 316 พ่อครัวจากต่างแคว้น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 318 อาการจะปรากฏในสามวัน

บทที่ 317 ง่ายดายเกินไป


“อา” กู้หยวนไป่อึ้งไปเล็กน้อย เขาล้อเล่นอะไรหรือ

เขาหันไปมองซูเยี่ยที่ยืนอยู่ข้างกาย แต่ซูเยี่ยกลับเบือนหน้าไปอีกทางและค่อยๆถอยออกห่างไปสองสามก้าว

กู้หยวนไป่จึงหันไปสบตากับซูเล่ออวิ๋น นางก็รีบจับมือเซียงหลิงหลิงพร้อมกล่าวว่า "เรากลับกันเถิด พี่ชายควรกลับมาเร็วๆเช่นกันนะเจ้าคะ"

"ได้" ซูเยี่ยตอบกลับทันทีด้วยความรวดเร็ว ราวกับไม่ต้องคิดให้มาก

หลังจากมองดูซูเยี่ยและกู้หยวนไป่จากไป ซูเล่ออวิ๋นจึงพาเซียงหลิงหลิงและซุนอวี้เซวียนเดินกลับจวนตระกูลซุน

ระหว่างทางกลับ เซียงหลิงหลิงดูจะเงียบขรึมลงอย่างเห็นได้ชัด

ผ่านไปสักครู่ก็มีเสียงสะอึกดังขึ้นจากปากเซียงหลิงหลิง นางดูจะรู้สึกอายเล็กน้อย รีบยกมือขึ้นปิดปาก แต่เพราะก่อนหน้านี้กินเข้าไปมาก จึงสะอึกต่อเนื่องไม่หยุด "เจ้าสบายดีไหม"

ซูเล่ออวิ๋นไม่อยากทำให้นางรู้สึกอับอาย จึงไม่ได้มองไปที่เซียงหลิงหลิง แต่เมื่อใกล้จะถึงจวนแล้ว เซียงหลิงหลิงก็หยุดเดิน นางวิ่งไปที่มุมกำแพงเพื่อหยุดยืนอยู่ตรงนั้น พร้อมทั้งสะอึกต่อเนื่อง

ซูเล่ออวิ๋นเริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมา แม้การสะอึกเพราะอิ่มจนเกินไปเป็นเรื่องปกติ แต่การที่นางสะอึกไม่หยุดเช่นนี้ก็หาได้เกิดขึ้นบ่อยนัก

ที่สำคัญ เซียงหลิงหลิงทานอาหารมากจริงๆ จึงไม่แน่ว่าอาจจะกินมากจนเกินไป

ซูเล่ออวิ๋นอยากเข้าไปตรวจอาการให้นาง แต่เซียงหลิงหลิงยกมือขึ้นห้าม

“พี่เล่ออวิ๋น ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ...สะอึก...พี่เข้าไปก่อนเถิด สะอึก ข้าขอยืนพักอยู่ตรงนี้สักครู่”

"ไม่เป็นไร ข้าอยู่ข้างนอกเป็นเพื่อนเจ้าเอง"

ซูเล่ออวิ๋นไม่ได้เดินต่อไป นางให้ชิงอู่พาซุนอวี้เซวียนเข้าไปในจวนก่อน ส่วนตนเองหาที่นั่งรอเซียงหลิงหลิงอยู่ด้านนอก

ผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงสะอึกก็เงียบลง เซียงหลิงหลิงเดินกลับมาหานาง ใบหน้าแดงก่ำ “พี่เล่ออวิ๋น ต้องทำให้ท่านขบขันแล้ว”

"อาจเป็นเพราะวันนี้เจ้าทานมากไปเท่านั้น ไม่เป็นไรหรอก"

ซูเล่ออวิ๋นมองใบหน้าเซียงหลิงหลิง นางดูมีสีหน้าสดใส จึงไม่คิดว่าจะมีอันตรายใดแอบแฝง

"ใช่...ข้าทานมากไปจริงๆ" เซียงหลิงหลิงยิ้มอายๆคำพูดของนางแฝงด้วยความหมายบางอย่าง

“เข้าไปในจวนกันเถิด”

ซูเล่ออวิ๋นไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อีก พวกนางจึงเดินกลับเข้าไปในจวนตระกูลซุนด้วยกัน

...

ภายในห้องหนังสือจวนตระกูลซุน ซุนเส้าผู้เป็นท่านตาของซูเล่ออวิ๋นไม่ได้ไปยังสนามฝึกซ้อมทหารในวันนี้ เขาใช้เวลาทั้งวันอยู่ที่ห้องหนังสือ

"ท่านพ่อ"

ซุนเจียงหรูเคาะประตูเบาๆ เอ่ยเรียกด้วยเสียงนุ่มนวล

เมื่อซุนเส้าาได้ยินเสียงบุตรสาว จึงวางจดหมายที่ถือไว้ในมือลง "เข้ามาเถิด"

ซุนเจียงหรูเปิดประตูเข้ามา เห็นภายในห้องค่อนข้างมืด นางจึงเดินไปจุดตะเกียงให้สว่างขึ้น

"ท่านพ่อ ท่านกำลังอ่านจดหมายที่ท่านแม่เขียนไว้อีกแล้วหรือ"

นับตั้งแต่มารดาเสียไป สิ่งเดียวที่ทิ้งไว้ก็คือจดหมายที่เต็มไปด้วยความคิดถึง ซุนเจียงหรูจำได้ว่าในวัยเยาว์ นางไม่ค่อยได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับบิดามารดา เพราะบิดามักออกไปทำศึก ส่วนมารดาก็ต้องดูแลบ้านเรือน เมื่อมารดาจากไป บิดาของนางก็ได้กลับมาจากสนามรบเพราะบาดเจ็บ จึงมีโอกาสใช้ชีวิตในเมืองหลวง

พี่ชายทั้งสองของนางในตอนนั้นต่างก็มุ่งหน้าไปรบอยู่ที่ชายแดน มีเพียงนางและบิดาเท่านั้นที่อยู่ด้วยกันในจวน

"ยามว่างไม่มีอะไรทำ จึงหยิบมาดูเพลินๆ เท่านั้นเอง"

ซุนเส้าค่อยๆ เก็บจดหมายอย่างระมัดระวัง ซุนเจียงหรูเดินเข้ามาช่วยอย่างเรียบร้อย นางเองก็คุ้นเคยกับจดหมายเหล่านี้เพราะได้อ่านหลายครั้งแล้ว

"ท่านพ่อ ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากจะถามเจ้าค่ะ"

หลังจากช่วยบิดาจัดเก็บจดหมายเสร็จ ซุนเจียงหรูจึงเอ่ยถามอย่างลังเล

ซุนเส้ามีนิสัยตรงไปตรงมา หากบุตรชายทั้งสองแสดงท่าทีเช่นนี้ เขาคงหงุดหงิดไปแล้ว ทว่าเมื่อต้องพูดกับบุตรสาว เขากลับมีความอดทนมากขึ้น

"เจ้ามีเรื่องอันใดหรือ"

ซุนเส้าหันมามองบุตรสาว ตั้งแต่ที่นางแยกทางกับสามี ก็เพิ่งครั้งนี้ที่เห็นบุตรสาวมีสีหน้าเช่นนี้

ซุนเจียงหรูเริ่มเล่า “ท่านอาหญิงบอกกับข้าว่า ตอนที่ข้าจะสมรสกับซูฉางชิง ท่านยังช่วยพูดเกลี้ยกล่อมท่านพ่อด้วยเจ้าค่ะ”

"…อืม เหมือนจะเป็นเช่นนั้นอยู่จริง"

ซุนเส้าขมวดคิ้วเล็กน้อย เรื่องนี้ก็ผ่านมานานพอสมควรแล้ว เขาจำได้เลือนลางนัก

“เจ้าก็ทราบว่าตอนนั้นฐานะของตระกูลซูไม่ดีนัก ข้าจึงไม่อยากให้เจ้าต้องแต่งกับซูฉางชิง” ซุนเส้ากล่าวพลางนึกถึงอดีต

“ยามนั้นมารดาของเจ้าจากไป ยังมิทันได้เลือกคู่ครองให้เจ้า ในบ้านก็ไร้ผู้ใหญ่อื่นๆให้ปรึกษา ข้าจึงส่งจดหมายไปหานาง ขอให้นางช่วยเหลือและมาเกลี้ยกล่อมเจ้าเองสักครั้ง”

"แต่นางก็ไม่ได้มา"

ซุนเจียงหรูรู้ดีว่านับตั้งแต่มารดาสิ้นไป ท่านอาหญิงก็ไม่เคยมาเมืองหลวงอีกเลย

ซุนเส้าพยักหน้า “ข้าจำได้ว่านางบอกว่ายุ่งยากเหลือเกิน ไม่อาจมาที่เมืองหลวงได้ แต่ก็เขียนข้อความเกลี้ยกล่อมมาให้แทน…”

เมื่อเขาพูดถึงตรงนี้ก็หยุดไปครู่หนึ่ง

ภาพความทรงจำในอดีตปรากฏขึ้นในห้วงความคิด

“อาหญิงของเจ้า ชมเชยซูฉางชิงอยู่บ้าง”

ขณะนั้นซุนเส้าไม่ได้คิดลึกนัก ในหัวมีแต่ความกังวลเรื่องการแต่งงานของบุตรสาว

ทว่าบัดนี้ เมื่อซุนเจียงหรูเอ่ยถึงเรื่องนี้ เขากลับรู้สึกว่าอะไรๆดูผิดแปลกไป

เขาไม่ได้บอกเรื่องราวเกี่ยวกับซูฉางชิงมากมายแก่ท่านพี่ภรรยา ทว่าในความทรงจำกลับชัดเจนว่าอีกฝ่ายชมเชยซูฉางชิงอยู่หลายคำ

"หรืออาหญิงของเจ้าจะรู้จักซูฉางชิง?" ซุนเส้าขมวดคิ้ว กล่าวด้วยน้ำเสียงครุ่นคิด

ซุนเจียงหรูยิ่งรู้สึกงุนงง นางอยู่ที่ตระกูลซูมาหลายปี ก็ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน

“เจ้าอย่าได้คิดกังวลใจไป” ซุนเ้าตัดบทความคิดของบุตรสาว “อีกวันสองวัน ข้าจะลองไปถามนางว่าเรื่องเป็นมาอย่างไร”

เขาไม่อยากให้บุตรสาวต้องมาทุกข์ใจกับเรื่องของตระกูลซูอีกแล้ว

“จริงสิ เรื่องพิธีปักปิ่นของเล่ออวิ๋นในเดือนห้านี้ เจ้าเตรียมการไว้แล้วหรือไม่”

“เตรียมการไว้เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”

ซุนเจียงหรูพยักหน้า นี่เป็นวันเกิดครั้งแรกที่เล่ออวิ๋นจะได้ฉลองที่บ้าน อีกทั้งยังเป็นพิธีปักปิ่นของนาง นางจึงตั้งใจจะจัดงานให้ดีที่สุด

“เช่นนั้นดีแล้ว ถึงเวลาต้องให้ผู้คนได้เห็นว่าวงศ์ตระกูลของข้านั้นควรมีผู้ใดที่คู่ควร” ซุนเส้ากล่าวด้วยน้ำเสียงเปี่ยมภาคภูมิใจ

สายสัมพันธ์ทางสายเลือดนั้นช่างแปลกประหลาดนัก ตอนที่ยังไม่รู้ชาติกำเนิดของซูหว่านเอ๋อร์ คนในตระกูลซุนก็ไม่ได้ลำเอียงใดๆ ทว่าก็ไม่อาจสนิทสนมกับนางได้อย่างสนิทใจ แต่กับซูเล่ออวิ๋นนั้นหาได้เป็นเช่นนั้น แม้จะไม่เคยได้อยู่ร่วมกันมาก่อน แต่เพียงแรกเห็น ทุกคนก็ให้ความเอ็นดูและสนิทใจในทันที

...

คืนนั้น ที่จวนอ๋องอัน

จางหยางซ่อนตัวอยู่ในความมืด ที่ไม่ไกลนักคือกลุ่มทหารยามในจวนอ๋องที่กำลังผลัดเปลี่ยนเวรยาม

เขามองไปข้างหน้าด้วยสายตาแน่วแน่ จนเมื่อเห็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ในขณะยามผลัดเปลี่ยนกัน เขาจึงจัดการซุ่มโจมตีทหารยามคนสุดท้ายจนหมดสติ ก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าและปะปนเข้าไปในกลุ่มทหารยามทันที

เหล่าทหารฝึกฝนมาอย่างดี เดินลาดตระเวนกันอย่างเป็นระเบียบไปทั่วจวนอ๋อง

จางหยางค่อยๆ เดินตามขบวนทหารเข้าไปยังทิศทางของคุกใต้ดินในจวนอ๋อง

เขายังไม่รู้เลยว่า ท่านปู่ถูกช่วยออกไปแล้ว หากรู้ เขาคงไม่เสี่ยงมาที่นี่ในคืนนี้เป็นแน่

เมื่อเข้าใกล้คุกใต้ดิน เขาอาศัยโอกาสหลบเลี่ยงและเล็ดลอดเข้าไปภายใน

บริเวณทางเข้าคุกใต้ดินมียามเฝ้าอย่างเข้มงวด เมื่อเขาเข้ามาก็มีคนขวางทางไว้ทันที

“เจ้าคือผู้ใด”

“ท่านอ๋องสั่งให้ข้าเข้ามาดูผู้ต้องหาว่ายังอยู่ในสภาพใด”

ยามเฝ้าขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะขยับตัวเปิดทางให้เขา “เข้ามาเถิด”

ช่างง่ายดายเกินไปนัก

จางหยางเดินผ่านยามเข้ามาด้านในพร้อมความรู้สึกบางอย่างแวบขึ้นในใจ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด