บทที่ 316 พ่อครัวจากต่างแคว้น
ที่ถนนฉางอัน ร่างสามร่างในกลุ่มฝูงชนดูสะดุดตาเป็นพิเศษ
"พี่สาว มาดูนี่เร็ว!"
เซียงหลิงหลิงวิ่งไปที่แผงขายของอย่างร่าเริง หยิบกระดิ่งขนาดเล็กที่ดูแปลกตาขึ้นมา แล้วเขย่าให้ซูเล่ออวิ๋นดู
เสียงกระดิ่งใสกังวาน แผ่นไม้เล็กๆ ที่แขวนอยู่ด้านล่างก็แกว่งไปมา แสดงภาพคลื่นทะเลที่ซ้อนกันเป็นลวดลายงดงาม
"กระดิ่งนี้เท่าไหร่หรือเจ้าคะ" ซูเล่ออวิ๋นถอนหายใจเบาๆ หันมามองชิงอู่และชุ่ยหลิ่วที่ขนของพะรุงพะรัง ของที่เซียงหลิงหลิงซื้อมากมายจนแทบนับไม่ไหว
เกือบทุกแผงบนถนนฉางอันเซียงหลิงหลิงล้วนต้องแวะชมและซื้อหาของติดมือไปด้วยทั้งสิ้น แต่เนื่องจากมารดาสั่งกำชับให้นางและพี่ชายคอยดูแลเซียงหลิงหลิงเป็นพิเศษก่อนออกจากบ้าน พวกเขาจึงไม่ห้ามปราม เพราะท้ายที่สุดแล้วของที่ซื้อมาก็เป็นเพียงของเล่นเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น
เมื่อเห็นว่าชิงอู่และชุ่ยหลิ่วแทบจะหอบของกันไม่ไหว ซูเล่ออวิ๋นจึงกล่าวขึ้นมาอย่างแผ่วเบา "หลิงหลิง เราเดินมานานแล้ว ไม่สู้ไปหาที่พักสักครู่ดีไหม"
เซียงหลิงหลิงแม้จะแสดงอาการเสียดายเล็กน้อย "แต่ว่ายังมีหลายร้านที่ข้าอยากดูอยู่เลยเจ้าค่ะ" นางหันไปมองแผงข้างหน้า ซึ่งเป็นแผงที่ยังไม่ได้แวะชม
ซูเยี่ยเอ่ยขึ้นบ้าง "พักสักครู่แล้วค่อยไปต่อเถอะ"
"ถ้าเช่นนั้นก็ฟังพี่ชายเจ้าค่ะ" เพียงได้ยินคำพูดของซูเยี่ย เซียงหลิงหลิงก็หายเสียดายยิ้มออกมาแล้วรีบเกาะแขนซูเยี่ยแน่นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
"ไปที่หอหยกเฟยกันเถอะ" ซูเยี่ยเลี่ยงออกห่างจากเซียงหลิงหลิงเล็กน้อยด้วยความไม่คุ้นชิน
ก่อนจะหันไปมองซูเล่ออวิ๋น ที่หอหยกเฟยอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ซูเล่ออวิ๋นจึงพยักหน้ารับและจูงมือซุนอวี้เซวียนเดินนำหน้าไป
เนื่องจากการสอบที่สำนักของซุนอวี้เซวียนเสร็จสิ้นแล้ว เขามีเวลาพักสองวัน และด้วยเหตุที่ในบ้านไม่มีเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน ซูเล่ออวิ๋นจึงพาเขาออกมาเที่ยวเล่นด้วยกัน
หอหยกเฟยยังคงคึกคักเหมือนเช่นเคย เด็กรับใช้พาไปยังห้องส่วนตัวชั้นสอง พลางกล่าวอย่างยิ้มแย้ม "พวกท่านมาถูกเวลายิ่งนักเจ้าค่ะ"
"อย่างไรหรือ" เซียงหลิงหลิงเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น
ซูเล่ออวิ๋นมีแววสงสัยในดวงตาเช่นกัน จึงมองไปที่เด็กรับใช้
เด็กรับใช้ยิ้มพลางอธิบาย "ท่านเจ้าของหอเชิญพ่อครัวฝีมือเยี่ยมจากต่างแคว้นมา วันนี้ถือเป็นวันแรกที่เขาลงมือทำเอง พวกท่านเห็นเหล่าลูกค้าที่แน่นห้องโถงเบื้องล่างหรือไม่ ล้วนแล้วแต่แวะมาเพื่อลิ้มรสอาหารฝีมือเขา" ว่าแล้วนางก็ชี้ให้ดูห้องโถงเบื้องล่างที่มีผู้คนแน่นขนัด
“ห้องส่วนตัวก็เหลือแค่ห้องเดียว โชคดีนักที่พวกท่านมาทันเวลา”
เด็กรับใช้เปิดประตูเชิญทุกคนเข้าไปในห้อง
เนื่องจากพ่อครัวจากต่างแคว้นมาเป็นผู้ทำอาหารวันแรก พวกเขาจึงไม่ต้องสั่งอาหาร เพียงให้พ่อครัวจัดมาให้ตามความเหมาะสม
เมื่อซูเยี่ยเข้ามานั่งที่โต๊ะเรียบร้อย เซียงหลิงหลิงก็รีบไปนั่งข้างเขาทันที ซูเล่ออวิ๋นเห็นดังนั้นจึงเลือกนั่งฝั่งตรงข้ามพร้อมกับซุนอวี้เซวียน
ห้องส่วนตัวนี้กว้างขวางยิ่งนัก โต๊ะก็ใหญ่พอที่จะรองรับคนได้ถึงเจ็ดหรือแปดคน
หากซูเล่ออวิ๋นไปนั่งข้างพี่ชายคงจะทำให้เซียงหลิงหลิงรู้สึกเหมือนถูกเมินเฉย
“ชิงอู่ ชุ่ยหลิ่ว วางของลงก่อนเถอะ”
เมื่อทุกคนนั่งกันพร้อมหน้าแล้ว เด็กรับใช้ก็จัดแจงนำชาและของว่างเข้ามาทันที กลิ่นหอมของอาหารจากห้องโถงเบื้องล่างลอยขึ้นมากระตุ้นน้ำย่อย
"อีกครู่หนึ่งจะนำอาหารขึ้นมานะเจ้าคะ"
ผ่านไปไม่นาน เด็กรับใช้สองคนก็นำอาหารขึ้นมา ทีละจานๆ อย่างประณีตสวยงามเรียงบนจานเล็กๆ แต่ละจานจัดวางลงบนโต๊ะ
ปริมาณอาหารไม่มาก แต่ด้วยความหลากหลายแล้วนับว่าจุใจทีเดียว มีมากเกือบยี่สิบจาน
"เชิญท่านทั้งหลายรับประทานตามอัธยาศัย"
อาหารแต่ละจานล้วนมีสีสันสวยงามและกลิ่นหอมหวนเรียกน้ำย่อย
"ของในเมืองหลวงนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ" เซียงหลิงหลิงเอ่ยพลางยิ้มไปด้วย ก่อนจะหยิบตะเกียบขึ้นมาชิม
เพียงได้ลิ้มรส อาหารที่เข้าปากก็ทำให้ดวงตาของเซียงหลิงหลิงเบิกกว้าง “ท่านพี่ พี่เล่ออวิ๋น น้องอวี้เซวียน รีบชิมกันเถอะเจ้าค่ะ”
ไม่ต้องรอให้เชิญ ซุนอวี้เซวียนก็หยิบตะเกียบคีบอาหารจานใกล้มือมาลิ้มรสเช่นกัน ทว่าอาหารแต่ละจานที่ได้ลิ้มลอง ล้วนทำให้ทุกคนต่างลงความเห็นว่าอร่อยล้ำเลิศจนไม่อาจตัดสินได้ว่าใดเป็นเลิศที่สุด
"ดูท่าหอหยกเฟยนี้คงจะยิ่งคึกคักกว่าที่เป็นอยู่แล้วกระมัง"
เดิมทีหอหยกเฟยก็เป็นหออาหารที่ขึ้นชื่ออยู่แล้ว บัดนี้ได้พ่อครัวฝีมือเยี่ยมจากต่างแคว้นมาร่วมงาน ยิ่งทำให้คาดการณ์ได้ว่าอนาคตหออาหารแห่งนี้คงจะครึกครื้นยิ่งขึ้นไปอีก
เพียงครู่เดียว อาหารบนโต๊ะก็เกลี้ยงอย่างไม่เหลือ ครั้นซูเล่ออวิ๋นเหลือบมองเซียงหลิงหลิง นางกลับนั่งเชิดหน้ายกผ้าเช็ดปากเช็ดอย่างนุ่มนวลสง่างาม
แม้จะปริมาณไม่มาก แต่การทานเสร็จอย่างรวดเร็วเช่นนี้ก็ทำให้คนรอบข้างต่างมองอย่างตกใจ
ซูเล่ออวิ๋นและซูเยี่ยสบตากัน พี่ชายผู้มีสายตาดีสังเกตเห็นแต่แรกแล้วว่าอาหารส่วนใหญ่บนโต๊ะนั้นล้วนเข้าไปอยู่ในท้องของเซียงหลิงหลิงเสียเป็นส่วนมาก แต่ดูเหมือนนางจะยังไม่อิ่ม
"ท่านพี่เจ้าคะ สั่งอาหารมาเพิ่มอีกสักนิดเถิดนะเจ้าคะ" เซียงหลิงหลิงเอ่ยพลางส่งสายตาวิบวับให้ซูเยี่ยที่ยิ้มเจื่อนให้ก่อนจะหันไปสั่งชิงอู่ให้ไปสั่งเพิ่ม
ครั้นชิงอู่กลับเข้ามา เขากลับพาผู้หนึ่งติดมาด้วย
"พวกท่านมาเลี้ยงที่หอหยกเฟย ไยไม่ชวนข้าด้วยเล่า" กู้หยวนไป่ก้าวเข้ามาในห้อง เขามาช้าจึงไม่มีห้องส่วนตัว แต่บังเอิญเจอชิงอู่ที่ลงไปสั่งอาหารพอดี เขาจึงตามขึ้นมา เมื่อเห็นหญิงสาวที่เขาไม่คุ้นเคย กู้หยวนไป๋ก็รีบปรับท่าทีให้ดูสุขุมในทันใด
"แม่นางท่านนี้คือ..." เขาเอ่ยถามพลางเดินมานั่งข้างซูเยี่ย
ซูเล่ออวิ๋นจึงรีบแนะนำ “พี่กู้ นี่คือเซียงหลิงหลิง ญาติผู้น้อง ส่วนหลิงหลิง นี่คือกู้หยวนไป่ เพื่อนสนิทของพี่ชาย”
กู้หยวนไป่ยิ้มพลางกล่าวอย่างสุภาพ "แม่นางเซียง ยินดีที่ได้รู้จัก"
“พี่กู้ สวัสดีเจ้าค่ะ” เซียงหลิงหลิงยิ้มตอบด้วยท่าทีขี้เล่น การเรียกขานอย่างสนิทสนมเช่นนี้ทำให้กู้หยวนไป่นิ่งไปเล็กน้อย
หญิงสาวผู้นี้คงจะสนิทสนมเกินไปแล้วกระมัง?
ผ่านไปครู่หนึ่ง อาหารที่สั่งเพิ่มก็มาถึง ครานี้ทุกคนต่างก็นั่งดูเซียงหลิงหลิงทานจนกระทั่งอิ่มหนำ
เมื่อออกจากหอหยกเฟย กู้หยวนไป่ก็เอื้อมมือลากซูเยี่ยออกไปพร้อมส่งสัญญาณมือให้ซูเล่ออวิ๋น "น้องเล่ออวิ๋น พี่ขอยืมตัวพี่ชายเจ้าสักครู่!"
"น้องสาวระวังตัวด้วยนะ" ซูเยี่ยสั่งเสียและให้ชิงอู่ไปส่งซูเล่ออวิ๋นกับเซียงหลิงหลิงกลับบ้าน
เซียงหลิงหลิงเอ่ยเบาๆ ขึ้นมาด้วยใบหน้าแดงก่ำ "พี่กู้ ท่านพี่ จะไปที่ใดกันหรือเจ้าคะ ให้ข้าไปด้วยได้หรือไม่"
กู้หยวนไป่ส่ายหน้าช้าๆ "ไม่ได้หรอก แม่นางตัวน้อยต้องรีบกลับจวนไปพักผ่อนแล้ว"
คำพูดของเขาทำให้เซียงหลิงหลิงแก้มแดงขึ้นมาในทันที นางก้มหน้าต่ำก่อนจะเหลือบมองกู้หยวนไป่แล้วตอบเสียงแผ่วเบา "พี่กู้ อย่าได้ล้อข้าเล่นเช่นนี้เลย"